เล่นมายคราฟในต่างโลก เล่มที่ 1 บทที่ 38: เมื่อมีคนอยู่ในใจเจ้า
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
เล่มที่ 1 บทที่ 38: เมื่อมีคนอยู่ในใจเจ้า
.
"นายท่าน... ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?" เมื่อข้าลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่ข้าเห็นคือใบหน้าที่กังวลของเมล่อนและศีรษะของข้าอยู่บนตักของนาง
อ่า - ข้าใช้มานาจนหมดและเป็นลมอีกครั้ง อาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงส่งผลมากต่อข้า สงสัยว่ามันคงเป็นผลข้างเคียงของการใช้ยามานาในทางที่ผิด
[สามัญชน] มีค่าสถานะที่ต่ำมากและแม้ว่าข้าจะใช้ [การฝึกสมาธิ] เพื่อปรับปรุงมานาของข้า แต่ข้าก็ยังคงกับประสบปัญหาเช่นนี้...
อย่างไรก็ตาม [การฝึกสมาธิ] เป็นเพียงชื่อที่ข้าสร้างขึ้นเท่านั้น วิธีการนี้คือการระบายมานาทั้งหมดของข้าให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อฝึกมานาของข้า
อย่างที่เรารู้กันดีว่า 'หากเริ่มต้นเมื่อยังเป็นเด็กไม่ว่าสิ่งใดก็ง่าย!' ดังนั้นข้าจึงเริ่มฝึกแบบนี้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ นี่คือเหตุผลที่ผมมีมานามากกว่า [สามัญชน] ทั่วไป ถ้าพวกเขามี 100 ข้าก็มี 1000 *
แต่จริงๆ แล้วนี่ไม่ได้ถือว่ามากสักเท่าไร
ในประเทศนี้ [นักเวทย์มือใหม่] ที่อ่อนแอที่สุดก็มีมานาประมาณ 900 หน่วย แม้จะมีมานาที่น่าประทับใจสำหรับสามัญชน แต่ข้าก็ยังเป็นเพียง [สามัญชน] เท่านั้น
แต่ในทางกลับกัน เกรซที่ใช้วิธีนี้ฝึกฝนตั้งแต่เด็กก็ทำให้นางมีมานามากมายอย่างน่าสะพรึงกลัว
เจ้าถามว่าน่ากลัวแค่ไหนงั้นเหรอ? ข้าคิดว่าอยู่ในระดับเดียวกับก็อตซิลล่าเลย
"...อึก" ข้าครางออกมาด้วยความเจ็บปวด อาการปวดศีรษะของข้ากำลังฆ่าข้าอย่างแน่นอน
แม้ว่าสิ่งนี้จะดูหนักเกินไปสำหรับข้า แต่ข้าก็ต้องทำสิ่งนี้ให้เสร็จโดยเร็ว นี่จะเป็นของขวัญของข้าเพื่อเกรซ ให้นางที่กำลังจะจากไปในไม่ช้า
“ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว นายท่านอยากกินอะไรไหมคะ?” เมลjอนคุกเข่าลง ข้าเห็นนะว่านางขยับยามานาออกไปจากมุมตาของข้า
“เมล่อน น้ำยาพวกนั้นเป็นชุดสุดท้ายแล้ว...”
* ปัง !* ก่อนที่ข้าจะพูดจบ ข้าก็เห็นหางของนางแกว่งไปด้านข้างด้วยการเคลื่อนไหวที่หนักหน่วงและรุนแรง...
“ข้าขอโทษด้วยนายท่าน ข้าเผลอทำยาพังโดยไม่ได้ตั้งใจ ได้โปรดลงโทษข้าเถอะ” เมล่อนพูดด้วยใบหน้าซื่อตรง ตอนนี้ยาเหลือเพียงเศษแก้วบนพื้นเสียแล้ว
“...เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นข้าขอนอนต่ออีกหน่อยแล้วกัน” ข้าหลับตาลง ไว้ค่อยทำต่อทีหลัง
“ค่ะนายท่าน” เมล่อนลูบศีรษะของนาง... ข้าไม่รู้ว่าทำไม แต่ตอนนี้ข้าอยากจะกอดนางมาก
“เอ่อ...นายท่าน...แล้วเกรซล่ะ...”
“ปล่อยนางไปเถอะ ถึงเวลาแล้วที่นางจะต้องเลือกเส้นทางในอนาคตของตัวเอง” ข้าตอบกลับไปเพื่อไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อ
“แต่ช่วงนี้นายท่านดูสับสนมากเลยนะ”
"อืม... จริงสิ เมล่อน ข้าขอถามอะไรเจ้าสักอย่าง”
"อะไรเหรอคะ?"
“ข้าจะไปจากที่นี่เมื่อข้าอายุสิบห้า เจ้าคิดจะทำอะไรต่อเหรอ?”
"นายท่าน... หรือว่า..." นางมีสีหน้าตื่นตระหนก
“เจ้าอยากถอดปลอกคอไหม? ด้วยระดับปัจจุบันของเจ้า เจ้าคงจะมีพลังมาก...” การเป็น [นักผจญภัย] หรือเข้าร่วมกองทัพไม่น่าจะยากเกินไปสำหรับนาง
“ไม่” จู่ๆ ข้าก็ถูกปฏิเสธทันที “ข้าต้องการรับใช้นายท่านต่อไป”
"...เอาจริงเหรอ? เจ้าสามารถเป็น [นักผจญภัย] หรือไปที่เมืองหลวงและเข้าร่วมกองทัพได้เลยนะ"
“...ท่านจะทอดทิ้งข้าเหรอ?” ทันใดนั้นนางก็น้ำตาไหลออกมา
“เอ๊ะ!? ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ทอดทิ้งเจ้า ข้าแค่อยากจะถามว่า... เจ้าไม่มีความสนใจในอิสรภาพเลยหรือ?”
“ถ้าอย่างนั้นการเลือกที่จะรับใช้นายท่านต่อไปคืออิสรภาพของข้า” นางตอบโดยไม่ลังเล
“เจ้าชอบข้ามากขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?” ข้าเริ่มหัวเราะหยอกล้อนาง
แต่เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมล่อนก็ยืนขึ้นและจ้องมาที่ข้า
จากตำแหน่งของตักนางที่ข้าหนุนอยู่ ข้าก็เห็นแก้มของเมล่อนเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ดวงตาของนางยังคงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
โอ้ นางดูน่ารักมาก
“...ถึงแม้ว่ามันอาจเป็นสิ่งที่ทาสไม่ควรพูดออกมา...แต่นายท่าน ข้าชอบท่านมาก”
เอ๊ะ...เอ๊ะ!?
"หา?"
เดี๋ยวก่อน ตอนนี้ข้ากำลังถูกสารภาพรักอยู่หรือเปล่า?
“อืม นายท่าน ชอบแบบนั้นแหละ” เมล่อนเริ่มรู้สึกอาย “เพราะอย่างนั้นข้าจึงอยากอยู่เคียงข้างท่านและรับใช้นายท่านต่อไป...มันคงไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เอ่อ...พอคิดว่านางอยู่กับข้ามานานแล้ว มันทำให้นางเป็นทาสที่ให้ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณหรือเปล่านะ?
หลังจากได้ยินสิ่งที่นางพูด ข้าก็ชักอยากให้เมล่อนสวมชุดสาวใช้เสียแล้วสิ
“ขอบคุณนะ” ข้าลุกขึ้นนั่งและลูบศีรษะเมล่อน
“ถ้านายท่านต้องการเป็นพ่อค้า ให้ข้าเป็นองครักษ์ของท่านเถอะ” เมล่อนมองไปที่มือที่อยู่บนหัวของนางและหัวเราะออกมา
เมื่อเห็นรอยยิ้มของเมล่อน อารมณ์ที่มืดมนของข้าก็หายไปอย่างสมบูรณ์
เอาล่ะ! ถ้ามีคนอยากจะไปด้วย ก็ทำให้ 'สิ่งนั้น' ใหญ่ขึ้นกันเถอะ ข้าเดินไปที่โต๊ะ หยิบปากกาขึ้นมาและเริ่มปรับเปลี่ยนพิมพ์เขียว
ข้าคิดว่าข้าจะกลายเป็นพ่อค้าคนเดียว ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องการทำให้รถม้าใหญ่เกินไป แต่เนื่องจากเมล่อนต้องการมาด้วย ข้าจึงต้องทำให้มันใหญ่ขึ้น
ข้าจะทำให้มันใหญ่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ดีไหม เผื่อคนอื่นต้องการนั่งด้วยในอนาคต...ในเมื่อข้าสามารถใช้ [หีบ] เพื่อเก็บสินค้าได้ ดังนั้นข้าก็จะเหลือพื้นที่ให้พอสำหรับ [หีบ] สิบอันแล้วกัน
มันต้องไม่หนักเกินไปสินะ...ไรเฟิลจะดึงมันได้หรือเปล่า?
ใช่แล้ว ข้าจะให้ไรเฟิลเป็นคนลากรถม้าไป การซื้อม้าและเพิ่มสัตว์เลี้ยงนั้นลำบากเกินไป ไรเฟิลเพียงตนเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว
เมื่อมองไปที่พิมพ์เขียวที่ดัดแปลงแล้ว ข้าก็หยิบวัสดุประเภทต่างๆ ออกมา เนื่องจากข้าไม่มีมานามากมาย งั้นเรามาทำสิ่งที่ไม่ต้องใช้มานากันเถอะ
ตัวเกวียนม้าเป็นรูปกล่องที่มีประตูด้านข้าง นอกเหนือจากประตูคุณสามารถเข้าไปทางที่นั่งคนขับได้... มันยาว 5 เมตรกว้าง 3 เมตรสูง 2 เมตรและรูปลักษณ์จะขึ้นอยู่กับคาราวาน...
ด้วยทักษะการก่อสร้างจากมายคราฟ การจัดโครงสร้างต้นแบบนั้นรวดเร็ว แต่เพื่อที่จะใช้สิ่งต่างๆ ให้ได้มากขึ้น ข้าจึงเจาะด้านล่างของรถม้า
ประการแรกต้องมีระบบกันสะเทือนและที่ค้ำยัน
ข้าคุ้นเคยกับการนั่งรถสุดหรูจากชีวิตที่ผ่านมา ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งสำคัญจริงๆ ที่ขาดไม่ได้เลย โดยปกติมันต้องมีการตีขึ้นรูป แต่ทุกอย่างสามารถจัดการได้ด้วยทักษะการประดิษฐ์ของมายคราฟและ [เตาหลอม]
ข้าใช้เวลา 3 ชั่วโมงในการติดตั้งทุกอย่าง เมล่อนอยู่ในห้องฝึกซ้อม เสียงของการฝึกซ้อมของนางกับ [หุ่นฝึก] ทำหน้าที่เป็นเสียงประกอบฉาก
จากนั้น รถม้าที่สะดวกสบายก็ถูกสร้างเสร็จสิ้น
แต่! สิ่งนี้จะถูกใช้โดยข้า ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ได้
เมื่อพิจารณาจากน้ำหนักรวมและขีดจำกัดทางกายภาพของไรเฟิล ข้าต้องทำให้มันสามารถเคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องใช้ไรเฟิลด้วย
ดังนั้นข้าจึงใส่สวิทช์ที่ทำขึ้นเองจากเฟือง เรดสโตนและเวทมนตร์ มันซับซ้อนเกินไป ข้าจึงไม่อยากอธิบายรายละเอียด
แหล่งพลังงานเป็นเรดสโตน ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องพลังงานหมด และข้าก็สามารถควบคุมมันได้ด้วยคันโยก แถมมันยังมีคลังแสงติดอาวุธอีกด้วย!
มันไม่ใช่เทคโนโลยีจากโลกนี้ ดังนั้นโดยปกติแล้วข้าจะให้ไรเฟิลเป็นตัวหลักที่ทำให้รถม้าขับเคลื่อน
ส่วนคันโยกจะซ่อนอยู่ใต้ที่นั่งคนขับ สามารถดึงออกได้โดยตรงเมื่อจำเป็นและมันจะทำงานอัตโนมัติเมื่อไรเฟิลไม่อยู่... เอาล่ะ! เกือบเสร็จแล้ว!
ข้าคลานออกมาจากด้านล่างของรถม้าและพบว่าเวลา 5 ชั่วโมงได้ผ่านไปแล้ว... พอข้าทำอะไรเช่นนี้ ข้าก็แทบจะลืมเวลาไปเสียสนิท
"...วอลสัน" จนกระทั่งเสียงพูดเบาๆ ปรากฏขึ้นมา ข้าไม่ได้สังเกตเลยว่ามีใครอยู่ข้างๆ ข้าเลย
ในขณะที่ข้าไม่ได้ให้ความสนใจเกรซก็มาที่นี่...มันก็เป็นเวลานานมากแล้วที่นางมาเยี่ยมหลังจากเหตุการณ์นั้น
"มีอะไรให้ข้าช่วยไหม?" ข้าถาม
เสียงของข้าเย็นชากว่าที่คิดไว้มาก... ข้าทำอะไรของข้ากันเนี่ย? จะพูดกับเกรซด้วยท่าทีเช่นนี้ไม่ได้สิ
“...วอลสัน เจ้าอารมณ์ไม่ดีเหรอ?”
อารมณ์ไม่ดี? ก่อนที่เจ้าจะมาถึง อารมณ์ของข้าค่อนข้างดี แต่ตอนนี้มันซับซ้อนมาก
แน่นอนว่าข้าไม่สามารถพูดออกมาดังๆ ได้
“ไม่สิ ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงมาเหรอ? ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเย็นแล้ว เจ้าอยากกินอะไรไหม?” ข้าเตรียมพร้อมที่จะเดินไปที่ห้องครัว
“...ข้ามาที่นี่โดยไม่มีเหตุผลไม่ได้เหรอ?” เกรซไม่ตอบข้า แต่ถามคำถามแปลกๆ ออกมาแทน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ข้าก็หยุดเดิน
นางมาที่นี่โดยไม่มีเหตุผลไม่ได้เหรอ? ไม่รู้ว่าเพราะฮอร์โมนที่พลุ่งพล่านของวัยเด็กหรือเพราะอารมณ์ของข้ากันแน่ ข้าถึงกับคิดว่านางกล้าถามคำถามเช่นนี้ออกมาเหรอ?
“ไม่เลย ถ้าเพื่อนเจ้าไม่ว่าอะไรก็คงไม่เป็นไร เจ้าสามารถจะมาและไปเมื่อใดก็ตามที่เจ้าต้องการ คิดเสียว่าที่นี่เป็นสวนหลังบ้านของเจ้า!” ข้าหันกลับมาและตอบเกรซด้วยรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า แต่น้ำเสียงของข้าเย็นชามาก
"...ไม่สิ คือว่า... ข้า..." เกรซดูประหม่า แต่สำหรับข้า นางคงแค่รู้สึกผิด
ข้ารู้ ข้ารู้ว่าเกรซเป็นที่พูดถึงมากขึ้นในช่วงสองปีนี้ นางมีแฟนคลับกลุ่มใหญ่ที่หมู่บ้านและข้าก็รู้ว่าลูกชายของเจ้าของที่กำลังตามจีบนางอย่างเห็นได้ชัด
ลูกชายของดยุคมีประสบการณ์ หล่อเหลาและมีชื่อเสียงที่ดี บวกกับความสามารถที่หาได้ยากสำหรับ [นักดาบเวทมนตร์] ข้าควรจะดีใจกับเกรซสิ
แต่? เหตุการณ์เมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้วเป็นไปยากที่ข้าจะลืม
ในเวลานั้นข้าไปที่ต้นไม้ของนางไม้เพื่อปรับแต่ง [แก่นหลักเวทมนตร์] ของไม้คทา แต่หลังจากที่ข้าใช้เวลาทั้งคืนกับสิ่งนั้น ข้าก็ลากร่างกายที่เหนื่อยล้าของข้าไปที่ฐานลับเพื่อพบกับภาพอันไม่อยากจะเชื่อ
กลุ่มทหารรับจ้างกำลังค้นหาด้านนอกของฐานทัพลับ ไรเฟิลที่โกรธแค้นกำลังถูกโจมตีและเกรซ? นางเป็นคนนำทหารรับจ้างมาที่นี่และลูกชายของดยุคก็กำลังจับมือนางในขณะที่พูดสิ่งต่างๆ เช่น "จะเป็นคนปกป้องนาง" ฯลฯ
มันทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ หากมีสิ่งใดในฐานลับเป็นที่รู้จักของสาธารณชน บางทีข้าอาจถูกทางศาสนาใช้เป็นเครื่องมือล่าแม่มดและริดรอนสิ่งต่างๆ ได้!
นางรู้ดี!
นางรู้ดีอยู่แล้ว!
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาดึงดูดราชันแห่งขุนเขาด้วยเสียงดังเกินไป ข้าคิดว่าตอนนี้ข้าคงไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว!
“...นั่นเป็นความเข้าใจผิด ข-ข้าไม่ได้...”
“ข้าเข้าใจผิดหรือ? เอาเถอะ ตอนนี้ก็ถือว่าที่นี่เป็นสวนส่วนตัวแล้ว เขาชื่ออะไรล่ะ... แฟนของเจ้า... นีโอล่าใช่ไหม? งั้นข้าให้ที่นี่กับเจ้าเลยล่ะกัน โอ้ เจ้าไม่ต้องสนใจความรู้สึกของเราหรอก ไม่สิ ทำไมข้าถึงพูดอะไรแบบนี้ออกไป? เพราะยังไงเจ้าก็ไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว!”
ใช่สิ ถ้าเจ้าสนใจทำไมถึงตัดสินใจมาหาข้าหลังเรื่องผ่านไปถึงสามสัปดาห์?
ณ จุดนี้ข้าตระหนักว่าข้าเพิ่งพูดอะไรบางอย่างที่ร้ายแรงมาก ซึ่งข้าไม่เคยทำมาก่อน... ข้า...ไม่เคยพูดแบบนี้กับนางเลย
“...วอลสันคิดกับข้าเป็นแบบนั้นเหรอ?”
“...อืม ข้าไม่ควรโทษเจ้ากับทุกเรื่อง ขอโทษด้วยกับสิ่งที่ข้าว่าไป” เมื่อเห็นใบหน้าของเกรซ ข้าก็ทรุดตัวลง ข้า...ไม่สามารถโกรธนางได้จริงๆ เมื่อเห็นสีหน้านางเช่นนั้น
มันไม่มีประโยชน์ที่จะต่อว่ากันอยู่แล้ว เพราะเรื่องมันผ่านไปแล้ว
ข้าคิดว่าเกรซจะโกรธข้าและจากไป แต่นางกลับยืนตัวตรง ความสูงของนางทำให้นางสูงมาก นางจ้องมองลงมาที่ดวงตาของข้า
สูงเชียวนะ... ความสูงของข้ายังอยู่ที่ 160 เซนติเมตร ซึ่งเตี้ยกว่าเกรซพอสมควร
“...ถ้าวอลสันคิดกับข้าอย่างนั้น วอลสันก็ต้องพาข้าไปที่เมืองหลวง” ดวงตาของเกรซเต็มไปด้วยความโกรธและความดื้อรั้น
"หา?" ข้าไม่เข้าใจสักนิดเดียว
“...วอลสันทำให้ข้าไม่สามารถไปที่เมืองหลวงได้... ข้ายังต้องไปที่สถาบัน วอลสันต้องพาข้าไปที่นั่นด้วย”
ในที่สุดข้าก็เข้าใจสิ่งที่เกรซพูด นางต้องการให้ผมพานางไปที่ราชบัณฑิตยสถานแห่งเวทมนตร์
แน่นอนว่าเทอมต่อไปจะเริ่มต้นในอีกหนึ่งเดือนครึ่ง เพื่อให้ทันเวลาเกรซต้องออกเดินทางก่อนกำหนด
ดังนั้นก่อนที่พิธีจะมาถึง...
“...เจ้าของร้านไม่สามารถพาข้าไปที่นั่นได้เพราะเหตุผลส่วนตัว ดังนั้นวอลสันต้องพาข้าไปที่นั่น” เกรซกล่าวเสริมอีก "... เราต้องออกไปโดยเร็วที่สุด ไม่งั้นข้าจะไม่ได้เจอเจ้าของร้านอีก"
ข้าแทบจะสำลัก นี่จะใช้ข้าเป็นเด็กทำงานเลยเหรอเนี่ย?
...ช่างมันเถอะ อย่างไรข้าก็มีจุดหมายปลายทางเดียวกันอยู่แล้ว
ไม้คทาของเกรซก็ยังไม่เสร็จสิ้นอยู่ดี ข้าก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะซื้อขายที่ไหนและอะไร บางทีการไปเมืองหลวงอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ข้าเริ่มคำนวณความเสี่ยงทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไป
“น-นายท่านมีบางอย่างเกิดขึ้นในหมู่บ้าน!” จากนั้นเมล่อนก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก