ตอนที่แล้วสุดยอดอัศวิน บทที่ 48 : เฝ้าดู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปสุดยอดอัศวิน บทที่ 50 : อสูรสีน้ำเงิน

สุดยอดอัศวิน บทที่ 49 : การคำนวณ


สุดยอดอัศวิน บทที่ 49 : การคำนวณ

“พวกนั้นไปแล้วเหรอ?”

เมื่อมองไปยังคนที่เดินเข้ามา ลิป อดัมส์ก็ถามขึ้น

“ใช่ครับท่าน ตระกูลแคมป์เบลส่งหัวหน้าองครักษ์สามคนทั้ง รูซ ฟอล และซัสซูน รวมถึงลูกชายที่ชื่อฌอนที่ท่านขอให้ผมตามสืบเป็นพิเศษก็อยู่ในหมู่พวกเขาด้วยครับ”

“ในหมู่พวกเขา?”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ลิป อดัมส์ก็ขมวดคิ้ว

ในฐานะคู่แข่งของตระกูลแคมป์เบลในเมืองเอซาย เขาให้ความสนใจกับฌอนผู้ซึ่งหัวหน้าตระกูลแคมป์เบลส่งไปเรียนที่โรงเรียนอัศวินยุคใหม่ด้วยเงินจำนวนมาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้เขาตกตะลึงเล็กน้อย

คงไม่ต้องพูดถึงการได้อันดับท้าย ๆ ของทุกปี สุดท้ายฌอนก็สอบตกติดต่อกัน เพราะเบนสัน ลิปจึงรู้ว่าถ้าสอบตกถึงสามครั้ง ฌอนก็จะถูกไล่ออกจากโรงเรียน แล้วลิปจะประเมินเด็กชายคนนี้ยังไง? นอกจาก… เป็นก้อนโคลนบนพื้นดินที่ไม่มีค่าอะไร

เดิมทีลิปต้องการให้อีกฝ่ายถูกไล่ออกจากโรงเรียนและดูความผิดหวังของตระกูลแคมป์เบล แต่คาดไม่ถึงเลย เมื่อไม่กี่วันก่อน เบนสัน อดัมส์หรือลูกชายของเขาก็กลับมาบ้าน พร้อมข่าวที่ไม่น่ายินดี

ปรากฎว่าเรื่องก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพลวงตา เหตุผลที่อีกฝ่ายสอบตกก็เพื่อปิดบังพลังที่แท้จริงของตัวเอง ตอนนี้ความแข็งแกร่งของฌอนถูกเปิดเผยแล้ว และเขาก็ได้เป็นอันดับหนึ่งของห้อง

อย่างที่รู้ว่าโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ไม่ใช่โรงเรียนอัศวินธรรมดา แม้จะเป็นห้องธรรมดา แต่ถ้าสามารถขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในหมู่ได้ หมายความว่าต้องมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน สิ่งนี้จึงทำให้ลิปเป็นกังวล ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเด็กชายคนนี้อาจกลายเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลอดัมส์ในอนาคต

ลิปจึงคิดที่จะกำจัดอีกฝ่ายอย่างลับ ๆ แต่ทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้น เขาก็ต้องวางแผนใหม่

เพราะลิปได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการปกป้องนักเรียนของโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ ถ้าเขาฆ่าฌอนจริง ๆ ก็จะถูกทางโรงเรียนตามสืบจนเจอ และตระกูลอดัมส์อาจล้มสลายลง ด้วยกฎของโรงเรียนจึงกำจัดตระกูลคู่แข่งนี้ไม่ได้ง่าย ๆ

เมื่อแผนนี้ล้มเหลว ลิปก็คิดแผนใหม่ขึ้นมา ถ้าแผนนี้สำเร็จ ไม่เพียงแต่จะทำให้ตระกูลแคมป์เบลตกต่ำเท่านั้น แต่ยังกำจัดฌอนได้อีกด้วย

โดยที่ทางโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ไม่สงสัย เท่านี้เหมือนกับการฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว ดังนั้นลิปจึงจึงเริ่มแผนทันที

เนื้อหาของแผนนี้คือการทำลายทีมล่าสัตว์ของบริษัทแคมป์เบล และใช้สิ่งนี้เป็นเหยื่อล่อและกำจัดหัวหน้าองครักษ์ที่เหลืออีกสามคน ซึ่งถือเป็นการขาดทุนครั้งใหญ่ที่จะทำให้ตระกูลแคมป์เบลไม่สามารถจ่ายค่าเล่าเรียนของโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ในปีหน้าได้

ถ้าไม่จ่ายค่าเล่าเรียน ฌอนจะต้องออกจากโรงเรียนอย่างแน่นอน และเมื่ออีกฝ่ายลาออก แม้ลิปจะฆ่าฌอนได้ แต่โรงเรียนก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งพวกเขาไม่ต้องกลัวอะไรเลย

สิ่งเดียวที่ลิปคาดไม่ถึงก็คือฌอนเข้าร่วมทีมค้นหา

“บลูม แจ้งวิลโคเดี๋ยวนี้ว่าคนอื่นตายได้ แต่ให้ฌอนตายตอนนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาใหญ่”

ลิป อดัมส์ออกคำสั่ง จากนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาจากนอกบ้าน ชายคนนั้นทำความเคารพลิป อดัมส์และทำตามคำสั่ง

วิลโคที่ถูกพูดถึงโดยลิป อดัมส์นั้นเป็นไพ่ตายที่เขาวางแผนจะใช้กับหัวหน้าองครักษ์สามคนของตระกูลแคมป์เบล ซึ่งเป็นอัศวินฝึกหัดที่ทรงพลัง แต่ที่น่าสนใจคือชายคนนี้เคยเป็นลูกจ้างของตระกูลแคมป์เบล ต่อมา เขาหักหลังตระกูลแคมป์เบลและแปรพักตร์มาอยู่กับตระกูลอดัมส์

เมื่อออกจากเมือง ฌอนและทั้งห้าก็ควบม้าไปตามทาง เมื่อมาถึงเชิงเขาซาทุลล่า ก็ผูกม้าไว้และมุ่งหน้าไปยังด้านในภูเขา

“ที่นี่ไง จุดที่เราเคยถูกโจมตีก่อนหน้านี้!”

นักล่าสัตว์ที่หลบหนีมาแจ้งข่าวชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งด้วยนิ้วที่สั่นเทา และพูดด้วยความมั่นใจ

“โธ่เว๊ย!”

เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ฌอนก็เข้าไปใกล้และตรวจสอบบริเวณโดยรอบอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าโกรธจัด

มีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่เพราะศพสามศพที่ถูกกัดกินจนจำไม่ได้นอนอยู่ ดูจากเสื้อผ้าของพวกเขาแล้ว ฌอนก็จำสมาชิกทีมล่าสัตว์สามคนนี้ได้อย่างรวดเร็ว

การแสดงออกที่โกรธเช่นเดียวกับฌอนคือองครักษ์ทั้งสาม

“พบอะไรบ้างไหม?”

แต่ด้วยความสามารถในการสืบสวนของทั้ง 4 คน ทั้งฌอนและรูซก็ไม่เก่งเรื่องการสอดแนม โดยเฉพาะฌอนที่ไม่ได้รับการฝึกฝนที่เกี่ยวข้องเลย แม้โรงเรียนอัศวินยุคใหม่จะมีหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง แต่น่าเสียดายที่เป็นหลักสูตรของชั้นปีที่ 4 และน่าเสียดายที่ฌอนเป็นเพียงนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ในอีกไม่กี่เดือน

จึงมองไม่เห็นร่องรอยการต่อสู้ในที่เกิดเหตุไปมากกว่านี้

แต่ถ้าฌอนมองไม่เห็น ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะมองไม่เห็น สายตาของฌอนและทั้งสี่อดไม่ได้ที่จะมองไปยังนักล่าสัตว์วัยชราที่มีอายุประมานห้าสิบปี ผมของเขามีสีขาวไปครึ่งหนึ่งแล้ว เหมือนกับชายชราทั่วไป แต่ดวงตาที่เฉียบคมของเขาแสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่ธรรมดา

ในความเป็นจริงชายชราตรงหน้าฌอนเป็นบุคคลที่มี ‘บุญคุณ’ กับตระกูลแคมป์เบล ถ้าสถานการณ์ไม่เร่งด่วน ตระกูลแคมป์เบลคงไม่อยากรบกวนเขากับความสุขในวัยชรา

เมื่อฌอนยังเด็ก ชายชราคนนี้ก็เป็นนักล่าที่เก่งที่สุดในทีมล่าสัตว์ของตระกูลแคมป์เบล ด้วยประสบการณ์การล่าสัตว์อันโชกโชน เขาได้รับหนังสัตว์อันมีค่ามากมายมาให้ตระกูลแคมป์เบลหลายครั้ง

ต่อมาเนื่องจากอายุที่มากขึ้น ชายชราก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในการล่าสัตว์อีกต่อไป แต่เขาไม่ได้เกียจคร้านและยังคงฝึกฝนนักล่าที่ยอดเยี่ยมอีกมากมายให้กับตระกูลแคมป์เบล ทีมล่าสัตว์ส่วนใหญ่ที่ถูกโจมตีในครั้งนี้ต่างเป็นลูกศิษย์ของเขา ดังนั้นเมื่อรู้ว่าทีมล่าสัตว์ถูกโจมตีและต้องการนักล่าที่มีประสบการณ์ในการค้นหา เขาก็ตอบตกลงทันที

“ทุกคนตามฉันมา”

แน่นอนว่าชายชราไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง เขาโบกมือให้ฌอนและคนอื่น ๆ ก่อนเดินไปในทิศทางหนึ่ง

ฌอนและคนอื่น ๆ เห็นแบบนั้นจึงเดินตามไปทันที

ขณะที่พวกเขาก้าวไปข้างหน้า กระทั่งพบความผิดปกติบางอย่าง มีกิ่งไม้หนาหักด้วยอาวุธมีคมหรือความรุนแรงเป็นระยะ ๆ ตามทาง และบางแห่งก็มีซากศพและคราบเลือด

นี่คือร่องรอยการโจมตีของสัตว์ป่า ทีมล่าสัตว์หนีไปทางนี้ และสัตว์ป่าน่าจะไล่ล่าและฆ่าพวกเขา

“กรรร…”

ตามร่องรอยเหล่านี้ ทั้งห้าคนเดินไปข้างหน้าจนสุดทาง ขณะที่พวกเขาเดินอยู่ ก็ได้ยินเสียงคำรามแปลก ๆ ดังขึ้น

“ใช่แล้ว นี่แหละเสียงของสัตว์ร้าย!”

เมื่อได้ยินเสียงคำรามแปลก ๆ ของสัตว์ร้าย นักล่าที่หนีกลับมาเพื่อรายงานข่าวก็จำได้ขึ้นมาทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“คุณสองคนรอที่นี่”

ฌอนและหัวหน้าองครักษ์ทั้งสามหันมามองหน้ากัน ก่อนสั่งให้ชายชราและนักล่าสัตว์อีกคนรออยู่เฉย ๆ จากนั้นจึงวิ่งไปยังทิศทางของเสียง

แน่นอนว่าตอนนี้ไม่จำเป็นต้องมีสองคนนั้นคอยนำทาง จะดีกว่าถ้าบอกว่าการพาสองคนนั้นไปด้วยคือการเพิ่มภาระ แม้ทั้งสองจะเป็นนักล่าที่มีประสบการณ์ แต่เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว ความแข็งแกร่งยังห่างชั้นกัน ดังนั้นฌอนกับสามคนที่เหลือจึงตัดสินใจให้ั้งสองรออยู่ที่เดิม

หลังจากนั้นไม่นาน

ทั้งสี่คนก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน บางจังหวะก็มีเสียงคำรามแปลก ๆ จากสัตว์ร้าย ซึ่งเป็นเรื่องดีที่จะไม่ทำให้พวกเขาหลงทิศทาง

ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงด้านล่างของหน้าผาสูงและก็เห็นรูปร่างของสัตว์ร้าย

มันเป็นสัตว์ร้ายที่มีขนสีน้ำเงินยาวมากกว่าสองเมตร รูปร่างหน้าตาของมันค่อนข้างคล้ายกับหมาป่าที่ฌอนเคยพบในครั้งก่อน

ต่างกันตรงที่ตัวนี้มีเขาสีดำอยู่บนหัว ซึ่งแหลมคมเหมือนกับดาบปลายแหลมที่แทงขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่เพียงแค่นั้น ขาทั้งสี่ของมันยังดูแข็งแรงกว่าหมาป่าตัวนั้นอีกด้วย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าขาทั้งสี่คงมีพลังที่เหนือจินตนาการอย่างแน่นอน

สาเหตุที่สัตว์ป่าตัวนี้คำรามเป็นครั้งคราวก็คือ

บนหน้าผาสูงจากพื้น 7 - 8 เมตร มีก้อนหินขนาดใหญ่ยื่นออกมา ในเวลานี้ บนก้อนหินขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมามีคนหลายสิบคนที่สวมชุดของทีมล่าสัตว์ของตระกูลแคมป์เบล ต่างคนต่างถืออาวุธที่แหลมคมเพื่อป้องกันสัตว์ร้าย

แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าคนนับสิบเหล่านี้ปีนขึ้นไปบนหน้าผาได้ยังไง แต่เมื่อเห็นว่าคนหลายสิบเหล่านี้ไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต ฌอนและที่เหลือจึงเริ่มมองดูสัตว์ร้ายอย่างตั้งใจ และคิดหาวิธีโจมตีอย่างเช่นการลอบจู่โจม

แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาค้นพบว่าสัตว์ร้ายที่จ้องมองหน้าผาอยู่นั้นก็หันหน้ากลับมายังทิศทางที่ฌอนและคนอื่น ๆ อย่างน่ากลัว

“ดูท่าไม่ดีแล้ว ถูกเห็นจนได้!”

เมื่อเป็นแบบนี้ ฌอนและคนอื่นก็ต่างกรีดร้องอยู่ในใจ พวกเขาไม่คาดคิดว่าสัตว์ร้ายตัวนี้จะมีความรู้สึกไวขนาดนี้ แม้ระยะห่างจะอยู่ไกลกันมาก ในตอนนี้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของสัตว์ร้าย ก่อนดูจังหวะหลบหลีกอย่างระมัดระวัง เพราะสัตว์ไม่มีความแน่นอนในการโจมตี

ตึง!

สัตว์ร้ายเริ่มเคลื่อนตัวราวกับลมสีน้ำเงินที่พุ่งตรงมายังทิศทางนั้นด้วยความเร็ว

ระยะทางเกือบครึ่งกิโลเมตรเหลือไม่กี่เมตรทันที ความเร็วนี้เร็วมากจนน่าตกใจ

“ระวังตัวด้วย!”

หัวหน้าองครักษ์รูซเตือนทุกคนทันทีและดึงอาวุธที่ด้านหลังของตัวเองออกมา มันเป็นอาวุธที่มีรูปร่างเหมือนไม้ปลายแหลมที่คมเอามาก ๆ

ชิ้ง!

ฌอนและอีกสองที่เหลือก็ไม่ลังเลและรีบชักอาวุธออกมา

อาวุธของฌอนและฟอลคือดาบ

ส่วนอาวุธของชายหัวโล้นซัสซูนคือขวานรบ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด