บทที่ 44 กระบี่อินทรีทะเล
“ตกลง ข้าจะให้ตรวจสอบ” หวังเสวี่ยกล่าว
พนักงานหญิงเรียกชายวัยกลางคนให้เข้ามาและหยิบกระเป๋าเก็บของของหลินเป้ยเพื่อตรวจสอบ
ในกระเป๋านี้มีหินวิญญาณ 10 ก้อน มูลค่า 100,00 ตำลึง ซึ่งมากเกินพอที่จะซื้อชุดนี้
สำหรับกระเป๋าเก็บของของหวังเสวี่ย ก็มีเงินสดมากกว่า 40,000 ตำลึง ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าพวกเขามีเงินพอที่จะซื้อชุดนี้เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาแค่ตรวจสอบว่ามีเงินเท่าไหร่และไม่ได้พูดออกไป แต่พยักหน้าเพื่อยืนยันว่าจำนวนเงินนั้นเป็นไปตามข้อกำหนด
สมาคมการค้าว่านเป่าให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ และจะไม่ใช้การหลอกลวงเพื่อขายของ
ที่สำคัญ พวกเขาไม่โลภในสิ่งของของลูกค้า
มิฉะนั้น เมื่อพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ผู้รับผิดชอบการตรวจสอบจะถูกสังหารโดยสมาคมการค้าว่านเป่า
ซึ่งเข้มงวดมาก!
สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของสมาคมการค้าว่านเป่า พวกเขาไม่สามารถยอมรับได้
“เป็นยังไง ข้ามีเงินพอ เจ้ายังจะสู้ราคาอยู่หรือเปล่า?”หลินเป้ยพูดขึ้นมาทันที เขามองไปที่หวังเสวี่ยด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ทำให้หวังเสวี่ยโกรธมาก
แม้แต่สมาชิกของตระกูลที่อยู่ข้างหลังนาง ก็ไม่พอใจหลินเป้ย
พวกเขาติดตามหวังเสวี่ย ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่ข้างหวังเสวี่ยเป็นเรื่องปกติ
“36,000 ตำลึง” หวังเสวี่ยยังคงเสนอราคา
ในเวลานี้ หัวใจของนางกำลังจะแตกสลาย แต่เพื่อรักษาหน้า นางจึงอดทนเสนอราคาอีกครั้ง
นางคิดว่าถ้าหลินเป้ยขึ้นราคาอีกครั้ง นางจะไม่ซื้อมัน
เสื้อผ้าราคา 27,000 ตำลึง แต่เสนอราคาจนสูงถึึง 36,000 ตำลึง ซึ่งสูงกว่าปกติมากแล้ว
ถ้านางต้องซื้อมันด้วยความโกรธ มันจะไม่คุ้ม!
“40,000 ตำลึง” หลินเป้ยเพิ่มเงินอีกสามพันตำลึงโดยไม่กระพริบตา ทำให้เปลือกตาของหลินเฉิงกระตุก
หลินเป้ยจะสามารถหาเงิน 100,000 แสนตำลึงได้จริงไหม?
แค่ราคาเสื้อตอนนี้ก็เกือบครึ่งแล้ว!?
“ข้ายอมแพ้”หวังเสวี่ยยอมแพ้โดยไม่ได้ต้องคิดในทันที
ตลก! ถ้านางใช้เงินทั้งหมดไปกับชุดแบบนั้น นางก็คงโง่!
"โอ้ แค่ 40,000 ตำลึงเจ้าก็ยอมแพ้แล้ว? ข้าคิดว่าสิษย์ฝ่ายนอกของสำนักซวนตัน จะร่ำรวยกว่านี้เสียอีก ปรากฎว่า พวกเขาไม่สามารถซื้อเสื้อผ้าราคา 40,000 ตำลึงได้ มันน่าประทับใจจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า"หลินเป้ยหัวเราะ
ทันทีที่คำพูดของหลินเป้ยจบลง ใบหน้าของหวังเสวี่ยก็เปลี่ยนเป็นสีเลือดฝาดด้วยความโกรธหลินเป้ย
"หลินเป้ย เงินของเจ้าควรจะใช้เดิมพันกับโจวหยวน ถ้าเจ้าใช้ไปหมด หลังจากสามวันข้าอยากจะดูว่าเจ้าจะเอาเงิน 100,000 ตำลึง มาได้อย่างไร?" เด็กหนุ่มอายุประมาณสิบเจ็ดปีตะโกนออกมา
นี่คืออัจฉริยะของตระกูลโจว ชื่อโจวฟาง นักรบแท้จริงขั้น 1
ที่ผ่านมาเขาไม่ได้พูดอะไร แต่ในเวลานี้หลินเป้ยชนะและเยาะเย้ยคนอื่น ทำให้ในตอนนี้เขาโกรธมาก
“อย่ากังวลไป มันไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเจ้า ข้ายังสามารถหา 100,000 ตำลึงได้ ซึ่งแตกต่างจากเจ้าที่ไม่มี 40,000 ตำลึง แม้ว่าเจ้าจะเป็นลูกหลานตระกูลใหญ่ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ?”หลินเป้ยทำหน้าที่ดูเสียใจ
"เราไปกันเถอะ!"หวังเสวี่ยโกรธมากจนทนไม่ไหว นางมีเงินน้อยกว่าหลินเป้ยและนางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเป้ยครั้งนี้
นางรู้สึกขายหน้าจริงๆ!
หลังจากที่หวังเสวี่ยพูดจบ นางก็ออกจากที่นี่ทันที และคนอื่นๆ มองหน้ากันด้วยความตกตะลึง
ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงตามไป
แต่โจวเหม่ยไม่ได้ออกไปทันที โดยมองไปที่หลินเป้ย
“ทำไม แม่นางโจวยังไม่ไป ยังมีอะไรให้ทำที่นี่อีกเหรอ?”หลินเป้ยมองไปที่โจวเหม่ยข้างหน้าเขาและเยาะเย้ย
โจวเหม่ยคนนี้ เขาจะปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่สักพัก
การล้างแค้นด้วยการสังหารนางมันง่ายไป!
สำหรับศิลาหลิวหลีนั้น แม่ของหลินเป้ยเป็นคนทิ้งไว้ให้เขา และตอนนี้มันน่าจะอยู่กับโจวเหม่ย
ตอนนี้ไม่มีโอกาสที่ดี ดังนั้นหลินเป้ยจึงยังไม่ฆ่าสุนัขตัวเมียโจวเหม่ยทันที!
"หลินเป้ย คราวที่แล้วเจ้าแค่โชคดี ตอนนี้ใช้ชีวิตให้สนุกนะ เจ้าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน!!"โจวเหม่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"อย่ากังวล ข้ามีอายุยืนยาวกว่าเจ้าแน่นอน" หลินเป่ยยิ้ม
ดวงตาของทั้งสองฝ่ายต่างมีจิตสังหาร
ยิ่งไปกว่านั้น แรงกดดันของหลินเป้ยแข็งแกร่งมาก จนโจวเหม่ยรู้สึกกดดันเล็กน้อย
ซึ่งทำให้โจวเหม่ยรู้สึกอึดอัดมาก!
ยิ่งสิ่งนี้เกิดขึ้น โจวเหม่ยก็ยิ่งแสดงเจตนาฆ่าหลินเป้ยมากขึ้นไปอีก
หลินเป้ยคนนี้แตกต่างออกไป!
ยิ่งนานยิ่งมีปัญหาไม่รู้จบ
ต้องหาโอกาสทำให้หลินเป่ยหายไป!
“อืม ข้าจะรอดู อย่างไรก็ตาม ศิลาก้อนนั้นใช้งานได้ดีจริงๆ แต่ตอนนี้มันเป็นของข้าแล้ว” โจวเหม่ยยิ้มเล็กน้อย
นี่คือการยั่วยุ
หลินเป้ย หรี่ตาและพูดว่า "ไม่ต้องหห่วง ข้าจะเอาคืนแน่นอน!"
ความหมายนั้นชัดเจนในตัวเอง เขาจะสังหารโจวเหม่ยและนำมันกลับมาด้วยมือของเขาเอง
“มาเถอะถ้าเจ้ามีความสามารถ เจ้าก็แค่เศษขยะ ถึงตอนนี้เจ้าฝึกฝนได้แล้ว เจ้าคิดว่าจะไปสวรรค์ได้จริงหรือ หลังจากสามวัน เจ้าจะรอดจากโจวหยวนได้หรือไม่? ยังไม่รู้เลย!” โจวเหม่ยแค่เสียงอย่างเย็นชา
หลังจากพูดจบ โจวเหม่ยก็หันหลังและจากไป สบทบกับหวังเสวี่ยและคนอื่นๆ
“นายน้อย” หลินหลิงเอ๋อมองไปที่หลินเป้ยด้วยความกังวลเล็กน้อย
สำนักซวนตันดูเหมือนจะมาจากกองกำลังขนาดใหญ่ ไม่เห็นหรือว่าทั้งตระกูลโจว, ตระกูลจาง และหลินเฉิงเคารพหวังเสวี่ยซึ่งเป็นศิษย์ฝ่ายนอกขนาดไหน?
ต้องมีเหตุผลสำหรับอัจฉริยะที่หยิ่งจองหองเหล่านั้น แสดงท่าทางเช่นนี้!
หลินเป้ยบอกนางว่า ไม่ต้องกล่าวอะไรทั้งสิ้น
ดังนั้นนางจึงยืนอยู่ข้างหลังหลินเป้ยอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร
"มาลองชุดนี้กันเถอะ"หลินเป้ยยิ้มและลูบหัวหลินหลิงเอ๋อ
หลินหลิงเอ๋อยิ้มอย่างมีความสุขกับนายน้อย พร้อมคิดในใจว่า วันต่อๆ ไปจะดีขึ้นและดีขึ้นอย่างแน่นอน
หลินหลิงเอ๋อวางแผนที่จะฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก เพื่อที่นางจะได้ช่วยเหลือนายน้อยได้บ้าง!
ไม่มีว่าจะสำนักซวนตันหรือนิกายอะไร จะไม่สามารถแตะต้องนายน้อยของนางได้ หลินหลิงเอ๋อแอบสาบานในใจ
หลินเป้ยจ่ายเงินสำหรับชุดหยานจี
จากนั้นเขาก็ซื้อกระบี่สั้นให้หลินหลิงเอ๋อ
กระบี่สั้นมีขนาดค่อนข้างเล็กและเหมาะสำหรับผู้หญิงที่จะใช้
"อาวุธวิญญาณระดับ 2 ที่ดีที่สุด กระบี่อินทรีทะเล(ไห่หยิงเจี้ยน) ราคา 8,000 ตำลึง"
นี่คืออาวุธวิญญาณที่หลินเป้ยซื้อให้กับหลินหลิงเอ๋อ
ตัวกระบี่สีฟ้าอ่อนทั้งหมดแสดงให้เห็นว่ากระบี่นี้คมเพียงใด!
อาวุธวิญญาณระดับ 2ก็เพียงพอแล้วที่จะสังหารปรมาจารย์นักรบ
เนื้อและเลือดจะเทียบกับอาวุธวิญญาณนี้ได้อย่างไร?
อาวุธวิญญาณ ก็นับเป็นความแข็งแกร่งของตนเองได้เชน่นกัน
จากนั้นหลินเป้ยก็ซื้อวัสดุอื่นอีกครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในการกลั่นโอสถรวบรวมปราณ ระดับ 1
หลินเป่ยใช้เงินไปมากกว่า 60,000 ตำลึง โดยไม่เสียดายเลยแม้แต่น้อย
"นายน้อยหลิน กรุณาเดินช้าๆ และยินดีต้อนรับกลับมา ส่วนข้าชื่อไห่ชิงเอ๋อ!" พนักงานขายสินค้าสาว มองหลินเป้ยอย่างมีความสุข
หลินเป่ยใช้เงินมากกว่า 60,000 ตำลึงในครั้งเดียว ซึ่งเป็นเงินก้อนใหญ่ ค่านายหน้าของนางจึงสูงถึงกว่า 1,000 ตำลึง
มันเทียบเท่ากับรายได้ของนางเป็นเวลาหลายเดือน
นางเป็นพนักงานขายของร้านว่านเป่า และนางไม่สนใจเมื่อมีคนบอกว่าหลินเป้ยเป็นขยะ
ในตอนนี้ หลินเป้ยคือแขกผู้มีเกียรติของร้านว่านเป่า!
หลินเป้ยพาหลินหลิงเอ๋อไปยังสถานที่ห่างไกล
เป็นสถานที่ที่หลินเป้ยเช่าไว้เก็บสมุนไพรหญ้าห้ามเลือด และมันก็ค่อนข้างทรุดโทรม
“นายน้อย เรามาทำอะไรที่นี่” หลินหลิงเอ๋อถามด้วยความสงสัย
นางไม่เข้าใจว่าทำไมหลินเป้ยถึงพานางมาที่นี่
“แน่นอนว่าที่นี่จะเปิดร้านขายของ เราจะขายโอสถ” หลินเป่ยกล่าว
มีตลาดมืดอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ โดยทั่วไปแล้วคนอย่างทหารรับจ้างเข้าออกเป็นประจำและจำนวนคนก็ไม่เลว
มีปัญหาเดียวคือ
คนที่ไปๆ มาๆ ส่วนใหญ่เป็นคนชั่วช้าเลวทราม!