บทที่ 412: พบคนในเผ่าของเฟิงเฉิง
ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลงโม่จะเป็นลมหมดสติไป เพราะเขานั่งพิงกำแพงนิ่งไม่ไหวติง และไม่แม้แต่จะตอบคำถามของอิงหยวน
วินาทีนั้นอินทรีหนุ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงขมวดคิ้วลุกขึ้นเดินเข้าไปหามังกรหนุ่มช้า ๆ
หลังจากเขาเข้าไปใกล้อีกฝ่าย เขาก็ได้กลิ่นเลือดบนร่างกายของหลงโม่
ผู้ชายคนนี้ได้รับบาดเจ็บหรือ?
ตั้งแต่เมื่อใดกัน!?
อิงหยวนคิดขณะยื่นมือออกไปหมายจะปลุกอีกคนให้ตื่น แต่ก่อนที่มือเขาจะทันได้แตะไหล่ของคนที่นั่งอยู่ ดวงตาสีทองก็เปิดขึ้นอย่างกะทันหัน ตามมาด้วยแสงเย็นเยียบและกระหายเลือด
ถ้าอินทรีหนุ่มยื่นมือเข้าไปใกล้กว่านี้ อีกฝ่ายคงจะใช้กรงเล็บตัดมือของเขาโดยไม่ลังเล
ปฏิกิริยาของหลงโม่ทำให้อิงหยวนตกตะลึงนิ่งค้างไป ก่อนที่จิตสังหารที่แผ่ออกมาจากคนตรงหน้าจะทำให้เขารีบถอนมือออก และถอยหลังไป 2 ก้าว
หลังจากชายหนุ่มสูดหายใจไม่กี่ครั้ง เขาก็สงบสติอารมณ์ลงแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มว่า
“หลงโม่ เจ้าออกมากับเราเพราะอาการบาดเจ็บของเจ้าใช่ไหม?”
อินทรีหนุ่มถามยืนยันความคิดของตัวเอง
เขามั่นใจในประสาทสัมผัสของตัวเองมาก
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า” หลงโม่ค่อย ๆ ระงับออร่าเย็นเยียบของเขาขณะเหลือบมองคนถามอย่างเฉยเมย ก่อนจะหยิบสมุนไพร 2-3 อย่างออกมาจากห่อที่เขาถืออยู่แล้วขยี้มันในฝ่ามือ จากนั้นก็ถอดเสื้อออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งของเขา
ถัดมา มังกรหนุ่มทาสมุนไพรบนหลังตัวเองแบบคล่องแคล่ว
ตอนนั้นเองที่อิงหยวนพบว่ามีแผลเป็นทางยาวที่หลังของอีกฝ่าย ซึ่งแผลนั้นไม่ได้ตกสะเก็ด แต่มีหนองไหลออกมา และมีคราบสีเขียวติดอยู่ตรงแผล เขาเดาว่าคราบดังกล่าวน่าจะเป็นตอนที่เจ้าตัวทายาก่อนหน้านี้
อีกทั้งท่าทางเวลาทายาของหลงโม่ดูชำนาญมากราวกับว่าเขาทำแบบนี้ซ้ำ ๆ มานับครั้งไม่ถ้วน
เพราะชายหนุ่มมองไม่เห็นบาดแผล เขาจึงอาศัยเพียงสัญชาตญาณของตัวเอง แต่เขาก็สามารถใช้ยาสมุนไพรทาบนบาดแผลได้อย่างแม่นยำ
บาดแผลนั้นคงเจ็บปวดมากยามที่คนอื่นได้มองแว้บแรก ทว่าสีหน้าของหลงโม่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ในตอนที่มังกรหนุ่มเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อของเขาก็ปูดขึ้นแสดงถึงความแข็งแกร่งของเจ้าตัว
แม้แต่อิงหยวนที่ได้มองก็ยังประหลาดใจ
เจ้าหมอนี่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดบ้างเลยหรือ?
“ข้าก็คิดอยู่ว่าทำไมเจ้าถึงยอมออกมาทำภารกิจกับข้า ที่แท้เจ้าอยากจะหลบเลี่ยงภรรยาตัวเองนี่เอง นางไม่รู้หรือไงว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ?” อินทรีหนุ่มเดาความคิดของอีกฝ่ายได้แทบจะในทันที
เพราะในแง่นี้ เขากับหลงโม่มีความคล้ายคลึงกันมาก
เพียงแต่ว่ามังกรหนุ่มเป็นคนที่ไร้ความปรานีกับตัวเองมากกว่า
หากไม่ใช่เพราะหูเจียวเจียว อิงหยวนคาดว่าชีวิตของชายตรงหน้าคงจะสูญสิ้นไปแล้ว
คำถามของเขาทำให้หลงโม่ชะงักไป ก่อนจะเหลือบสายตาเย็นชามองไปทางคนพูด
“สนใจแต่เรื่องของตัวเองไปเถอะ”
จากนั้นมังกรหนุ่มสวมเสื้อหนังสัตว์อีกครั้ง แม้ว่าใบหน้าของเขายังซีดเผือดไม่หาย แต่การแสดงออกของเขายังคงปกติไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
“ถ้าเจ้ากล้าพูดเรื่องไร้สาระกับเจียวเจียว ข้าจะตัดลิ้นของเจ้าทิ้งซะ” ชายหนุ่มพูดเตือนอีกคนเผื่อว่าเขาจะมาจุ้นไม่เข้าเรื่อง
ทว่าอิงหยวนไม่กลัวคำขู่ และเขาไม่ใช่คนขี้ขลาดขนาดนั้น
เพียงแต่ว่าครั้งนี้เป็นเรื่องหาได้ยากที่เขาไม่อยากจะทะเลาะกับหลงโม่ แล้วเขาก็โต้กลับอย่างเย็นชาว่า “อย่ากังวลไปเลย ข้าไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น ต่อให้เจ้าตาย ข้าก็จะไม่พูดอะไรกับหูเจียวเจียว”
หมอนี่คงกลัวว่าคู่ของมันกังวลเกี่ยวกับตัวเองสินะ
บางทีอาจเป็นเพราะเขาเข้าใจอารมณ์ของเจ้ามังกรหน้าบึ้ง ดังนั้นเขาจึงไม่ทะเลาะกับอีกฝ่ายในเรื่องนี้ นี่จึงกลายเป็นช่วงเวลาที่ทั้งคู่ดูกลมเกลียวกันมากที่สุด
ถัดมา อิงหยวนเดินกลับมานั่งลงที่เดิมพลางมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตานิ่งขรึม
“ข้าจำได้ว่าหลังจากที่เจ้ากลับไปที่เผ่าแล้ว เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนเลย แล้วเจ้าไปได้แผลนี้มาจากไหน?”
บาดแผลนี้ร้ายแรงมากเพราะว่ามันเริ่มเป็นหนองแล้ว
อินทรีหนุ่มไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของหลงโม่จากหมอมาก่อน และบาดแผลที่ใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่สามารถปกปิดได้ง่าย ๆ
ผู้ชายคนนี้ไม่เคยไปหาหมอเลยและเขาไม่อยากให้ภรรยารู้เรื่องนี้ด้วย อิงหยวนคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะอาการของเขาแย่ลง เขาคงยังสามารถซ่อนมันเอาไว้ได้ เนื่องจากเขากลัวว่าหูเจียวเจียวจะค้นพบมัน เขาจึงเดินทางออกมาทำภารกิจพร้อมกับพวกเขาแทน
แล้วเจ้านี่จะปกปิดมันไปถึงไหน?
ต้องถึงขั้นทรุดโทรมจนเกินเยียวยาแล้วตายไปเลยหรือไง?
ในครั้งนี้มังกรหนุ่มไม่แม้แต่จะมองคนถาม และไม่ตอบเขาเลย
อิงหยวนจึงหรี่ตานกอินทรีลงมองสำรวจชายที่นั่งอยู่อีกฝั่งอย่างสงสัย และในไม่ช้าเขาก็นึกถึงบางสิ่ง
จากนั้นเขาพูดต่อว่า “ข้าจำได้แล้ว ครั้งเดียวที่เจ้าได้รับบาดเจ็บคือตอนที่วัวป่าใช้เขาขวิดเกล็ดมังกรบนหลังของเจ้าขณะล่าสัตว์ในค่ายพักแรมนอกเผ่าเล่ยเหอ!”
เขาจำได้ว่ามังกรหนุ่มเคยได้รับบาดเจ็บตรงตำแหน่งนี้
แต่!
ทำไมอีกฝ่ายถึงปล่อยเวลาให้ผ่านไปนานจนทำให้แผลเล็ก ๆ ขยายใหญ่ขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน
นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไป
“พวกภูตมังกรที่แปลงร่างล้มเหลวจะมีความสามารถในการรักษาตัวเองต่ำ แต่ว่าการฟื้นฟูบาดแผลของเจ้ามันช้าเกินไป ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้แผลของเจ้าไม่ได้หายช้าขนาดนี้มาก่อน” อิงหยวนตั้งข้อสังเกตพร้อมกับมองไปที่หลงโม่อย่างสงสัย
อินทรีหนุ่มพยายามสำรวจความผิดปกติจากใบหน้าเย็นชาของเจ้าภูตมังกรตรงหน้า
“แต่ในเผ่ามังกรของเจ้า คนที่แปลงร่างล้มเหลวนอกจากความสามารถในการรักษาตัวเองต่ำแล้ว มันยังมีผลเสียอื่นอีกหรือไม่?”
“เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้” หลงโม่ขัดจังหวะคนพูดด้วยใบหน้ามืดมน
ไอ้นกตัวนี้ที่เคยใช้แต่กำลัง ทำไมวันนี้สมองของมันถึงใช้การได้ดีขึ้น?
อิงหยวนตวาดกลับว่า “อย่าคิดว่าข้าเป็นห่วงเจ้า! ข้าแค่ไม่อยากให้เผ่าสูญเสียภูตที่สามารถต่อสู้ไปได้แม้สักคน ถ้าเจ้าตาย ด้วยความสามารถของหูเจียวเจียว เจ้าไม่จำเป็นจะต้องกังวลว่าในอนาคตนางจะพบเจอเรื่องเลวร้ายหรือไม่ แต่...”
“พอเจ้าไม่อยู่แล้ว นางอาจจะไปนอนอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนอื่น และลูก ๆ ของเจ้าก็จะเรียกคนอื่นว่าพ่อแทน”
ระหว่างที่อินทรีหนุ่มพูด ใบหน้าของคนที่ได้ฟังยิ่งขุ่นมัวพร้อมกับมีเส้นเลือดปูดขึ้นตรงขมับ
วินาทีต่อมา หลงโม่หยิบก้อนหินขึ้นมาขว้างเข้าใส่คนปากมาก
อิงหยวนที่เห็นเช่นนั้นก็เอี้ยวตัวหลบโดยสัญชาตญาณ และกำลังจะหัวเราะเยาะที่อีกฝ่ายขว้างไม่โดนเมื่อมีเสียงก้อนหินกระแทกกำแพงด้านหลังเขา
เดิมทีข้างหลังชายหนุ่มเป็นก้อนหินที่วางทับซ้อน ๆ กัน พอมันถูกกระแทกมันก็พังทลายลง
โครม!
แล้วก็ตามมาด้วยฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว ก่อนที่อิงหยวนจะทันได้ตอบสนอง เขาก็ถูกก้อนหินหล่นลงมาทับ พร้อมกับมีเศษหินเล็ก ๆ หล่นกระจายไปทั่วศีรษะ
ในเวลาเดียวกัน หลงโม่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าเรียบเฉย
สาเหตุที่มังกรหนุ่มขัดขวางคำพูดของเจ้านกอินทรีเป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้อีกฝ่ายคาดเดาความจริงต่อไป
มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าความสามารถในการรักษาตัวเองที่อ่อนแอของภูตมังกรหลังจากการแปลงร่างล้มเหลวนั้นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
ในระยะกลาง การรักษาตัวเองจะช้าลง และแผลขนาดเล็กอาจขยายใหญ่ขึ้น และอาจถึงแก่ชีวิตได้
หากเป็นในระยะหลัง บาดแผลจะไม่สามารถสมานตัวได้อีก พอถึงเวลานั้นจริง ๆ เขาคงได้แต่ภาวนาขอให้ตัวเองโชคดีพอที่จะไม่ได้รับบาดเจ็บอีก มิฉะนั้น ต่อให้เขาถูกเข็มกระดูกตำ เขาก็เตรียมทำใจนอนรอความตายได้เลย
ดังนั้นทางออกเดียวก็คือ เขาต้องกลับไปที่เผ่ามังกรและเข้าสู่กระบวนการแปลงร่างอีกครั้ง
“เราเจอแล้ว! เราเจอแล้ว!”
จังหวะนั้นภูตนก 2 คนบินกลับมาจากท้องฟ้า พร้อมกับที่พวกเขาตะโกนส่งเสียงดังมาแต่ไกล แล้วก่อนที่ทั้งคู่จะร่อนลงพื้น หลงโม่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะบอกอะไร
ทันทีที่ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น ภูตนก 2 คนก็บินลงมาที่ปากถ้ำแล้วสะบัดหิมะบนขนนกออก ก่อนจะกลายร่างเป็นมนุษย์และพูดอย่างตื่นเต้นว่า
“หลงโม่ อิงหยวน เราเพิ่งพบร่องรอยที่ผู้หญิงทิ้งไว้ข้างนอก พวกนางอยู่ไม่ไกลจากถ้ำนี้!” ภูตนกตื่นเต้นมาก เขาดีใจจนแทบอยากจะแบกมังกรหนุ่มขึ้นหลังให้ไปดูด้วยตาตัวเองทันที
“เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นคนในเผ่าของเฟิงเฉิง?” หลงโม่ถามอย่างใจเย็น
ฝ่ายที่ถูกถามส่ายหัว “ยังไม่แน่ใจ แต่จำนวนตรงกัน สถานที่ก็ไม่ต่างจากที่เฟิงเฉิงพูดมากนัก และทิศทางก็ถูกต้อง”
“โชคดีที่หิมะตกหนักทำให้เรามาหยุดพักผ่อนแถวนี้ ไม่อย่างนั้นเราคงจะพลาดเบาะแสนี้ไปแล้ว!” ภูตอีกคนพูดอย่างมีความสุข
แล้วทั้งคู่ก็คุยโต้ตอบกันอีกสักพัก หลังจากที่พูดจบพวกเขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าตรงที่ยืนอยู่เหลือหลงโม่เพียงคนเดียว
“เอ๋ อิงหยวนอยู่ที่ไหน ทำไมเขาไม่อยู่ที่นี่?”
“อิงหยวนก็ออกไปสำรวจทางเหมือนกันหรือ?”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: พ่อปิดบังแบบนี้ไม่ดีเลยนะรู้ไหม ถ้าแม่มารู้ทีหลัง แม่จะเสียใจแค่ไหน