ตอนที่ 80 ลอบโจมตี
ใบหน้าเฉินเฟยปรากฏรอยยิ้ม แต่เฉินเฟยยังไม่หยุดและกลับมานั่งสมาธิที่สถานที่พัก
วันนี้เขายังฝึกพลังภายในไม่เสร็จและยังไม่ได้ฝึกพลังเข้าใจต้นกำเนิดขั้นสอง เฉินเฟยไม่คิดจะพักผ่อนแม้แต่น้อย วันนี้ถูกกำหนดไว้ให้เป็นคืนนอนดึก
เช้าวันรุ่งขึ้น คนเก็บสมุนไพรยังคงทำงานต่อไป เหล่าศิษย์แยกย้ายกันไปดูแลคนเก็บสมุนไพร
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในตอนเช้า สมุนไพรในสถานที่พักเต็มเล่มเกวียน สมุนไพรทั้งหมดถูเก็บมาสดๆ เป็นการดีที่สุดที่จะส่งกลับไปยังเมืองเซียนเมฆาให้ทันต่อการคัดแยก
สำนักกระบี่เซียนเมฆาไม่ได้ให้สำนักนิกายอื่นหลอมโอสถ ข้อกำหนดสำหรับสมุนไพรจึงเข้มงวดมาก ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องขนส่งสมุนไพรทุกวัน
“อาจารย์อาเฉียน ทุกอย่างพร้อมแล้ว” กัวหลินซานเดิยไปหาเฉียนหลินตู้และพูดเสียงต่ำ
“อืม เจ้าคอยอยู่ที่นี่และให้ศิษย์สองสามคนที่อยู่ระดับขัดเกลาไขกระดูกมากับข้า” เฉียนหลินตู้พยักหน้า
เมื่อวานเฉียนหลินตู้ไปถามสำนักนิกายอื่นหลายแห่ง ไม่ใช่ทุกสำนักนิกายที่ถูกโจมตี มีเพียงหอเป๋ย์โต่วเท่านั้นที่ต้องเผชิญหน้าแบบพวกเขา
ด้วยวิชายุทธ์บ่มเพาะของหอเป๋ย์โต่ว พวกเขาทุกคนจึงมีอารมณ์ร้อนและหงุดหงิดง่าย มีเพียงผู้ที่ฝึกฝนถึงระดับสูงเท่านั้นที่ควบคุมอารมณ์ได้
ดังนั้นหอเป๋ย์โต่วจึงปล่อยข่าวเริ่มค้นหาคนโจมตี การทำเช่นนี้อาจทำให้สำนักเพลิงเทพไม่มาโจมตีในวันนี้
เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ขบวนรถเก็บข้าวของเรียบร้อยและเริ่มออกเดินทาง เฉียนหลินตู้แต่งตัวเป็นศิษย์ธรรมดาเดินตามขบวนไป
คนอื่นในสถานที่พักยังคงเหมือนเดิม หนึ่งชั่วยามต่อมา นกพิราบส่งสารบินมา กัวหลินซานรับข้อความจากเท้านกพิราบ
“ศิษย์พี่กัว สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?” ศิษย์หลายคนเข้ามาล้อมเขา
“ขบวนรถไปถึงเมืองเซียนเมฆาอย่างราบรื่น อาจารย์อาเฉียนและคนอื่นไม่ถูกโจมตี” กัวหลินซานเงยหน้าขึ้นตอบ
“ยอดเลย” ศิษย์หลายคนพยักหน้าด้วยความรู้สึกซับซ้อน
ด้านหนึ่งพวกเขาหวังว่าการโจมตีแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกเพราะอาจมีคนต้องตาย แต่ในเวลาเดียวกันพวกเขาหวังว่าคนจากสำนักเพลิงเทพจะมาหาอีก เมื่อมีเฉียนหลินตู้อยู่ด้วยพวกเขาจะแก้แค้นให้ศิษย์สองคนที่ตายไปได้
เฉินเฟยบังเอิญอยู่ใกล้พอดี พอเห็นกัวหลินซานและคนอื่นดูสงบลงจึงเดาว่าไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน สามวันผ่านไปภายในพริบตา ภารกิจเก็บรวบรวมยังดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ ขบวนรถไม่ถูกโจมตีอีกและทุกอย่างเหมือนกลับมาเป็นปกติ
เฉียนหลินตู้ไปถามสำนักนิกายอื่นหลายแห่ง พวกเขาไม่พบการโจมตีใดอีก ดูเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันแรกเป็นการโจมตีจากสำนักเพลิงเทพ
อย่างไรแล้วสำนักเพลิงเทพมักทำเช่นนี้ การโจมตีหลายครั้งมักปรากฏขึ้นโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า บางครั้งในสถานการณ์ที่ดี เมื่อคิดว่าสำนักเพลิงเทพจะไล่ตามต่อ สำนักเพลิงเทพกลับหดหัวหายไปทันที
บางครั้งเป็นที่ชัดเจนว่ากำลังจะพ่ายแพ้ แต่สำนักเพลิงเทพยังบ้าคลั่งส่งคนมาตายเรื่อยๆ
ตกกลางคืน เฉินเฟยนั่งสมาธิฝึกฝนตัวเอง ทันใดนั้นเฉินเฟยรู้สึกว่าแขนของเขาเย็นเฉียบ เฉินเฟยลืมตามองแขนตัวเอง เนื้อเน่าติดกระดูกเริ่มแสดงอาการอีกครั้ง
เฉินเฟยลุกขึ้นมองไปรอบด้านแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ เนื้อเน่าติดกระดูกไม่ได้แสดงอาการมากนัก แต่เฉินเฟยไม่ค่อยรู้เรื่องสิ่งแปลกประหลาดดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่ไปรายงานสถานการณ์นี้
“ศิษย์พี่กัว?” เฉินเฟยเดินไปหากัวหลินซานและเรียกด้วยเสียงต่ำ
“มีอะไรหรือ?” กัวหลินซานลืมตามองเฉินเฟยอย่างแปลกๆ
“มีสิ่งแปลกประหลาดอยู่ใกล้ๆนี้ ท่านต้องการไปเตือนอาจารย์อาเฉียนหรือไม่?”
“สิ่งแปลกประหลาดหรือ?” กัวหลินซานลุกขึ้นด้วยความประหลาดใจ
เฉินเฟยพยักหน้าแล้วเหยียดแขนออกมา กัวหลินซานเห็นรอยดำจางๆบนแขนเฉินเฟย
“เนื้อเน่าติดกระดูก?” กัวหลินซานบอกได้ทันทีเมื่อเห็นรอยประทับ
“ใช่ ตอนแรกถูกสิ่งแปลกประหลาดทำรอบประทับเอาไว้ ต่อมาข้าพบว่าเนื้อเน่าติดกระดูกนี้ไวต่อสิ่งแปลกประหลาดมากดังนั้นจึงเก็บมันไว้บนร่างกายเล็กน้อย” เฉินเฟยอธิบายสั้นๆ
“ศิษย์น้องช่างโชคดีเสียจริง แล้วหลังจากนั้นเจ้าไม่พบสิ่งแปลกประหลาดหรือ?” กัวหลินซานถามอย่างสงสัย
“ไม่นะ สิ่งแปลกประหลาดนั่นมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่า” เฉินเฟยนึกถึงอำเภอผิงหยินแล้วส่ายหัวพูด
กัวหลินซานเห็นสีหน้าเฉินเฟยจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาพูดว่า “ในเมื่อเนื้อเน่าแสดงอาการแปลว่ามีสิ่งแปลกประหลาดอยู่ใกล้ๆ แต่พวกมันไม่ควรจะแข็งแกร่ง เพื่อความปลอดภัยของสถานที่พักพวกเราไปสำรวจดูกันเถอะ หากแข็งแกร่งเกินไปค่อยถอยกลับ”
กัวหลินซานพูดจบก็หยิบเทียนแดงออกมาจากห่อที่อยู่ข้าง “ด้วยสิ่งนี้ แม้ต้องเผชิญกับสิ่งแปลกประหลาดก็ยังอยู่ได้อีกชั่วขณะหนึ่ง”
“ศิษย์พี่ ข้ามีเช่นกัน” เฉินเฟยมองเทียนแดงแล้วหยิบออกมาหนึ่งเล่ม
“ฮ่าฮ่า เช่นนั้นไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว” กัวหลินซานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เฉินเฟยพยักหน้าและเริ่มค้นหาตามการแสดงอาการของเนื้อเน่า
เนื้อเน่าไม่ได้แสดงอาการรุนแรงนักและน้อยกว่าสิ่งแปลกประหลาดที่เฉินเฟบเผชิญเมื่อสองสามครั้งก่อนหน้านี้มาก ด้วยเหตุนี้เฉินเฟยจึงไม่คัดค้านที่จะตามหามัน
ทั้งสองไปไปหยุดหยุด สิ่งแปลกประหลาดเหมือนจะเคลื่อนไหวด้วย ในไม่นานทั้งสองก็ออกมาไกลเกือบสิบลี้
“ไม่ต้องไล่ตามมันแล้ว สิ่งประหลาดนั้นกำลังผ่านไปหรือาจมีคนควบคุมอยู่ แต่ด้วยระยะนี้การคุกคามสถานที่พักของเราย่อมเป็นเรื่องยาก”
กัวหลินซานหยุดไล่ตาม พวกเขาไม่จำเป็นต้องฆ่าสิ่งแปลกประหลาดตราบใดที่มันไม่มาคุกคาม
เฉินเฟยพยักหน้ากำลังจะพูดตอบแต่ก็หยุดกะทันหัน หูเขาขยับเล็กน้อย เสียงแผ่วเบาดังมาจากระยะไกล
เฉินเฟยหันไปมองกัวหลินซาน พบว่ากัวหลินซานได้ยินเสียงนั้นด้วย
“ศิษย์พี่ ที่นั่นเป็นสถานที่พักชั่วคราวของสำนักใด?”
“ไม่ ที่นั่นไม่ใช่สถานที่ที่สมุนไพรเติบโตได้ และไม่มีสำนักตั้งฐานอยู่ที่นั่น” กัวหลินซานส่ายหัวพูด
“หรือจะเป็นสำนักเพลิงเทพ” ทันใดนั้นเฉินเฟยถามขึ้น
ดวงตากัวหลินซานเป็นประกาย ความเป็นไปได้นี้สูงมาก แต่ถ้าจะให้มั่นใจต้องไปยืนยันก่อน
“ศิษย์น้อง ระดับของเจ้ายังไม่สูงพอ เจ้ากลับไปหาอาจารย์อาเฉียนก่อนแล้วบอกให้อาจารย์อาเฉียนพาคนมา” กัวหลินซานมองไปยังระยะไกลแล้วพูดเสียงทุ้ม
“ศิษย์พี่กัวจะไปสำรวจคนเดียวหรือ แบบนั้นอันตรายเกินไป!” เฉินเฟยห้ามปรามอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่เป็นไร ข้าเพียงเฝ้าดูอยู่ห่างๆ จะไม่เข้าไปอยู่ในอันตราย” กัวหลินซานยิ้มและพูด “จำเป็นต้องรู้บางอย่างก่อนไม่เช่นนั้นเมื่ออาจารย์อาเฉียนและคนอื่นมาพวกเขาจะไม่รู้อะไรเลย นั่นจะยิ่งอันตรายมากขึ้น”
เฉินเฟยอ้าปากเล็กน้อยและสุดท้ายก็พยักหน้า นี่เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด
เฉินเฟยไม่กล้ารอช้า เขารีบกลับไปตามทางที่มา ตอนนี้ยิ่งเขากลับไปเรียกคนมาได้เร็วเท่าไหร่ กัวหลินซานยิ่งตกอยู่ในอันตรายน้อยลง
เท้าเฉินเฟยเป็นเหมือนสายลม แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ลี้สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป เนื้อเน่าติดกระดูกที่อยู่ในสภาพสงบนิ่งกลับมาแสดงอาการอีกครั้ง มีสิ่งแปลกประหลาดอีกตัวอยู่ใกล้ๆนี้
เนื้อเน่าติดกระดูกแสดงอาการมากขึ้น สิ่งแปลกประหลาดนั้นพุ่งเข้าหาเฉินเฟย