ตอนที่ 78 สำนักเพลิงเทพ
ศิษย์สำนักกระบี่เริ่มดวงดาวมองหน้ากันด้วยความตกใจ ในครั้งนี้มีหลายสำนักที่ได้รับภารกิจจากสำนักกระบี่เซียนเมฆา เป็นธรรมดาที่จะขาดสำนักฉางหงไปไม่ได้
พื้นที่เก็บสมุนไพรถูกแบ่งไว้ล่วงหน้า แต่เป็นเพียงการประมาณเท่านั้น หากต้องการบอกว่าคนเก็บสมุนไพรข้ามพื้นที่ก็สมเหตุสมผลในทางทฤษฎี แต่ในความเป็นจริงการแบ่งพื้นที่นั้นคลุมเครือ คนเก็บสมุนไพรก็ไม่ได้โง่ ดังนั้นทำไมต้องไปเก็บสมุนไพรในพื้นที่อื่นด้วย
เพื่อให้ได้เงินเพิ่มเล็กน้อย? แล้วไม่ถามกันก่อนหรือ สิ่งนี้มีความเป็นไปได้ต่ำมาก
“ศิษย์พี่ ข้าคิดว่าอาจมีการเข้าใจผิดกัน” ใครบางคนพูดด้วยสีหน้าพอใจ
“หากเจ้าบอกเข้าใจผิดก็ต้องเข้าใจผิดหรือ? ข้าเห็นเขาขโมยสมุนไพรข้ามพื้นที่กับตา นี่คือสิ่งที่ข้าเห็น สิ่งที่ข้าไม่เห็นอาจมีอีกมาก” กวงติ้งป๋อหัวเราะเยาะ
“ข้า...ข้าไม่ได้ทำ!” คนเก็บสมุนไพรตกใจกลัวและรีบพูดปกป้องตัวเอง หากเรื่องนี้ถูกตัดสิน หลังจากนี้ข้าต้องโดนซ้อมปางตายแน่
“ข้าถามเจ้าหรือ?”
ทันใดนั้นกวงติ้งป๋อมาปรากฏตัวต่อหน้าคนเก็บสมุนไพรและเตะหน้าอกเขา คนเก็บสมุนไพรกระอักเลือดลอยกระเด็นไปด้านหลัง
“ปัง!”
เฉินเฟยรับร่างคนเก็บสมุนไพรและขจัดพลังมหาศาลที่อยู่ภายในซึ่งถือว่าช่วยชีวิตคนเก็บสมุนไพรไว้
แต่ถึงกระนั้นคนเก็บสมุนไพรยังมีเลือดออกจากปากและจมูก ถ้าไม่เริ่มรักษาเขาอาจคงตายในไม่ช้า
เฉินเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อยและตีร่างกายคนเก็บสมุนไพรสองสามครั้ง จากนั้นยัดโอสถรักษาเข้าปากคนเก็บสมุนไพรและใช้พลังช่วยเขาดูดซับโอสถ
เฉินเฟยฉวยโอกาสนี้วางคนเก็บสมุนไพรลง นี่คือทั้งหมดที่เขาทำได้ คนเก็บสมุนไพรจะมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าทนต่อไปได้หรือไม่
“ยังไม่ทันพูดให้ชัดเจนเจ้ากลับพยายามฆ่าคนปิดปาก!”
คำพูดและการกระทำของกวงติ้งป๋อจุดประกายความโกรธศิษย์สำนักกระบี่เริ่มดวงดาว เดิมทีขบวนขนส่งสมุนไพรก็ถูกโจมตีอยู่แล้ว ตอนนี้เหล่าศิษย์จึงเกิดไฟโกรธในใจ
การปรากฏตัวของกวงติ้งป๋อซึ่งทำวางตัวมีอำนาจเหนือกว่าและพยายามไล่คนออกไปทำให้ศิษย์สำนักกระบี่เริ่มดวงดาวทนไม่ไหว
“อะไร อยากสู้หรือ?”
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของฝูงชน กวงติ้งป๋อไม่ได้หลบซ่อน ในทางกลับกันดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความต้องการสู้ “เรื่องของนักยุทธ์ หากแก้ไขปัญหาไม่ได้เพียงแค่สู้กันรอบหนึ่ง จะได้ชัดเจนว่าใครแพ้ใครชนะ แน่นอนว่าคนชนะย่อมเป็นฝ่ายถูก”
“เจ้าต้องการอะไร!”
เหวินจื่อเฉียนเดินออกมาโดยจ้องมองกวงติ้งป๋อ กัวหลินซานและศิษย์พี่ขัดเกลาไขกระดูกไม่ได้อยู่ที่นี่ ในเวลสนี้เหวินจื่อเฉียนเป็นศิษย์ที่อาวุโสที่สุด
กวงติ้งป๋อเหมือนจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องและยังสร้างเหตุผลขึ้นมา หากเป็นสถานการณ์ปกติเพียงแค่สู้กันก็จบ แต่ปัญหาคือตอนนี้พวกเขาเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้
ไม่ต้องพูดถึงท่าทางกวงติ้งป๋อเลย การบ่มเพาะอยู่ในระดับขัดเกลาไขกระดูก แม้ว่าพวกเขาจะมีคนมกากว่า การเอาชนะพวกเขาที่อยู่ในระดับหลอมกระดูกก็ไม่ใช่ปัญหา
ระดับเพียงสูงกว่าหนึ่งระดับก็ถือว่าสูงมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเป็นคนของสำนักนิกาย วิชายุทธ์ที่ใช้ฝึกฝนล้วนเป็นสิ่งยอดเยี่ยม
“ข้าไม่ได้ต้องการอะไร เพียงมาทวงความยุติธรรม”
กวงติ้งป๋อยิ้ม มองคนรอบด้านและพูด “ไม่อย่างนั้นเจ้ากับข้าส่งคนออกมาสู้หนึ่งคน แล้วเราค่อยคุยกันเรื่องนี้หลังการต่อสู้! การต่อสู้ธรรมดาคงน่าเบื่อไปหน่อย เอาสมุนไพรสองสามเล่มเกวียนมาพนันดีกว่า ว่าอย่างไร?”
เฉินเฟยขมวดคิ้ว พูดกันอยู่ตั้งนานจุดประสงค์คือสมุนไพรเหล่านี้ต่างหาก
แต่พอคิดว่าหลายสำนักนิกายได้รับภารกิจในครั้งนี้ หากรวบรวมสมุนไพรไม่เพียงพอก็ต้องอยู่บนภูเขาต่อไป ภารกิจแบบนี้ไม่ได้ซับซ้อนแต่มันน่าเบื่อ ใครๆต่างอยากกลับก่อนทั้งนั้น
เป็นเรื่องปกติที่สำนักฉางหงจะนำความคิดของพวกเขามาใช้กับสำนักกระบี่เริ่มดวงดาว ใครให้สำนักฉางหงทรงพลังกว่าสำนักกระบี่เริ่มดวงดาวเล่า
“เจ้าอยู่ระดับขัดเกลาไขกระดูก คิดจะรังแกพวกเราระดับหลอมกระดูกหรือ?” เหวินจื่อเฉียนขมวดคิ้ว
“ข้าลดระดับให้ได้”
กวงติ้งป๋อมองเหวินจื่อฉืออย่างดูถูกและพูด “แต่ถ้าหากยังไม่พอ ข้าจะกลับไปหาศิษย์น้องที่อยู่ระดับหลอมกระดูก ในสำนักมีระดับหลอมกระดูกค่อนข้างน้อย แต่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น”
“หาระดับหลอมกระดูกอะไร การต่อสู้ไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าจะสู้กับเจ้าเอง!”
มีเสียงตะโกนดังขึ้น ร่างกัวหลินซานเคลื่อนจากไกลมาใกล้และมาถึงที่พักในเวลาไม่นาน
กัวหลินซานไม่ได้พูดอะไรมาก กระบี่ปรากฏขึ้นในเมือ เขาฟันกวงติ้งป๋อหนึ่งกระบวนท่า
“ทำได้ดี!”
กวงติ้งป๋อหัวเราะเสียงดัง หอกในมือเขาเหมือนมังกรพลิกทะเล หอกฟาดไปที่กระบี่กัวหลินซานทันที แต่ทันใดนั้นสีหน้ากวงติ้งป๋อเปลี่ยนไป ปลายหอกในมือเขาโค้งงอภายใต้แรงปะทะนี้
“ปัง!”
กวงติ้งป๋อถอยร่นกลับ กัวหลินซานไม่ยอมหยุดมือ กระบี่ในมือเขากระจายเป็นกระบวนท่ากระบี่ห่อหุ้มกวงติ้งป๋ออย่างสมบูรณ์
ว่ากันว่าหอกนั้นอยู่ยงคงกระพันเมื่ออยู่ในที่กว้าง แต่ในขณะนี้กวงติ้งป๋อกลับถูกกดดันจนต้องถอยหลัง
ท่ากระบี่กัวหลินซานไร้ข้อจำกัดยิ่งกว่ากวงติ้งป๋อ หนึ่งกระบี่หนึ่งท่า ทุบตีกวงติ้งป๋อโดยไร้ซึ่งอารมณ์
“ปัง!”
กวงติ้งป๋อถอยไปหลายก้าวถึงจะหยุดลง กัวหลินซานถอยไปหนึ่งก้าว รอยแผลปรากฏขึ้นบนแก้มเขา
เมื่อดูจากสถานแล้วทั้งสองสูสีกันมาก หากจะตัดสินผู้ชนะคงต้องทุ่มสุดกำลัง ในเวลานั้นอาจเป็นการต่อสู้แบบชีวิตและความตาย หากไม่ตายจะไม่มีวันจบ
“กำลังมหาศาล กระดูกเหล็ก! อีกไม่กี่วันเจ้าคงทะลวงระดับขัดเกลาอวัยวะภายในได้ ยินดีด้วย!”
กวงติ้งป๋อหรี่ตามองกัวหลินซานและกุมมือ
“อย่าพูดเรื่องไร้ประโยชน์เหล่านี้ หากต้องการสู้ต่อก็เข้ามา!” กัวหลินซานโบกมือไม่ยอมรับการแสดงความยินดีของกวงติ้งป๋ออย่างสิ้นเชิง
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน ครั้งหน้าข้าจะมาสู้กับเจ้าใหม่”
กวงติ้งป๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค ร่างกายเขาสั่นไหวหายไปจากจุดนั้น
“ในที่สุดศิษย์พี่ก็กลับมา เป็นอย่างไรบ้าง?” ศิษย์ทุกคนเดินออกมาและมององกัวหลินซานอย่างมีความสุข
หากกัวหลินซานกลับมาไม่ทัน สถานการณ์ที่นี่จะรับมือได้ยาก
ระดับไม่ดีเท่าคนอื่น การเปรียบเทียบความแข็งแกร่งระหว่างสำนักนิกายจึงเสียเปรียบเช่นกัน หากสู้ไม่ได้ครั้งแล้วครั้งเล่าคนอื่นจะไม่ฟังที่พูด น่าผิดหวังจริงๆ
“ไปไม่ทัน ศิษย์น้องตายสองคน!” เสียงกัวหลินซานลดลงอย่างกะทันหัน
แม้จะไม่ได้สนิทกับศิษย์น้องเหล่านั้นแต่พวกเขามาจากสำนักเดียวกัน ตอนนี้พวกเขาจากไปแล้ว ในทางกลับกันการสูญเสียสมุนไพรเหล่านั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
เหล่าศิษย์ที่ยิ้มอยู่ตัวแข็งทื่อ แม้จะคาดเดาเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่พอได้ยินเข้าจริงก็ยังยอมรับไม่ได้
ภารกิจนี้ไม่อันตราย เป็นเพียงการคุ้มกันสมุนไพรและยังอยู่ใกล้เมืองเซียนเมฆา แต่นั่นแหล่ะ ศิษย์น้องสองคนตายตั้งแต่วันแรก การสูญเสียแบบนี้ไม่สามารถยอมรับได้
“ศิษย์พี่กัว ท่านเห็นหรือไม่ว่าเป็นฝีมือใคร?” เหวินจื่อเฉียนกัดฟันถาม
“ดูจากร่องรอยอาจเป็นฝีมือของสำนักเพลิงเทพ” กัวหลินซานพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม