1026 - วิญญาณจักรพรรดิสุริยัน
1026 - วิญญาณจักรพรรดิสุริยัน
นกบนต้นไม้ก็บินหนีไป และเด็กที่น่าสงสารก็เดินไปยังส่วนลึกของป่าสนอีกครั้ง และเมื่อเขาเห็นผีเสื้อที่บาดเจ็บบนดอกไม้ป่า เขาก็กระซิบเบาๆ
“ทำไมเจ้าถึงได้รับบาดเจ็บ สภาพของเจ้าเหมือนข้าเลย…”
เย่ฟ่านอยู่นอกป่าสนและเฝ้าดูทั้งหมดนี้อย่างเงียบๆ เขาไม่รีบร้อนที่จะออกจากทะเลเหนือ แต่พาเด็กน้อยไปพักผ่อนตามเกาะต่างๆ โดยหวังว่าเด็กน้อยจะปรับตัวได้โดยเร็วที่สุด
เด็กคนนี้หลงทางและสับสนมาก เขาจะกล่าววาจาก็ต่อเมื่อไม่มีใครอยู่รอบๆ และพูดคุยกับสัตว์ไม่ใช่มนุษย์
“ท่านพ่อ ท่านแม่ น้องสาวของข้า ทุกคนล้วนต้องการให้ข้ามีความสุข ลุงเจียงอยากให้ข้าเติบโตอย่างปลอดภัย และจากนั้นก็จะผลิดอกออกผลงดงามกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่... ข้าคิดถึงพวกเขา”
เย่ฟ่านไม่ได้กล่าวอะไรเลย เขาไม่สามารถพรากอารมณ์ความรู้สึกไปจากเด็กน้อยได้ เขาทำได้แค่รออย่างเงียบๆเท่านั้น
“ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร ข้าจะค่อยๆ ดีขึ้นและหยุดร้องไห้” ตงตงกล่าวด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
หกวันต่อมาเด็กน้อยเริ่มขอให้เย่ฟ่านสอนวิธีบ่มเพาะ แม้ว่าเขาจะพูดคุยกับสัตว์และมีดวงตาแดงก่ำ แต่เขาก็ไม่ได้ร้องไห้อีกต่อไป
เย่ฟ่านตรวจสอบร่างกายของเด็กน้อยอย่างช้าๆด้วยความระมัดระวัง ก่อนหน้านี้ตงตงถูกไล่ล่าจากเผ่าอีกาทองและกระดูกแทบจะถูกหมดละเอียด
อย่างไรก็ตามตอนนี้ร่างศักดิ์สิทธิ์สุริยันของเขากลับเปล่งประกายสดใสและดูไม่เหมือนคนที่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
“ร่างศักดิ์สิทธิ์สุริยันในตำนาน!” เย่ฟ่านมั่นใจแล้วว่านี่คือร่างกายลึกลับในตำนานอย่างแน่นอน
หายากมากที่จะมีเทพหยางอยู่ในร่างกาย ตั้งแต่สมัยโบราณร่างศักดิ์สิทธิ์สุริยันมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และทุกคนล้วนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะทั้งสิ้น
แน่นอนว่าร่างศักดิ์สิทธิ์สุริยันที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดก็คือจักรพรรดิสุริยันผู้ยิ่งใหญ่นั่นเอง
แม้ว่าตงตงจะมีเทพหยางอยู่ในร่างกายแต่มันก็ยากจะยืนยันว่าเขาเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์สุริยันจริงๆ หรือไม่
อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านมีความเชื่อมั่นในโชคชะตา เขาคิดว่าสวรรค์คงไม่ส่งเขามาที่นี่เพียงเพื่อช่วยเด็กน้อยที่ไม่มีนัยยะสำคัญสำหรับโลกใบนี้อย่างแน่นอน
“น่าเสียดายที่คัมภีร์สุริยันของข้าได้รับเพียงสองบทสุดท้าย มันไม่มีบทแรกที่เกี่ยวกับการสร้างรากฐาน”
เย่ฟ่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เด็กน้อยคนนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์สุริยันในตำนาน หากให้เขาบ่มเพาะในเส้นทางอื่นมันอาจเป็นการจำกัดอนาคตของเขา
เย่ฟ่านคิดอย่างรอบคอบและแกะสลักอักขระโบราณเก้าตัวที่จักรพรรดิสุริยันมอบให้ลงบนคิ้วของตงตงและฝังมันไว้ในทะเลแห่งความทุกข์ของเด็กน้อย
นี่คือรากฐาน ต่อให้เขาไม่สามารถฝึกฝนคัมภีร์สุริยันได้ แต่อักขระทั้งเก้าตัวนี้จะมีส่วนช่วยให้เขาปรับรากฐานได้กลมกลืนกับคัมภีร์สุริยันสองส่วนที่เหลือได้ดีมากขึ้น
เด็กคนนี้มีร่างศักดิ์สิทธิ์สุริยันติดตัวมาตั้งแต่เกิด บางทีสักวันหนึ่งเขาอาจจะใช้มันเพื่อตระหนักถึงสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถรับรู้ได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เย่ฟ่านสลักอักขระโบราณเก้าตัวลงในทะเลแห่งความทุกข์ของตงตง มันก็มีความเปลี่ยนแปลงที่น่าหวาดหวั่นเกิดขึ้นทันที
ในขณะนั้นเด็กน้อยสลบไสลไม่ได้สติ เย่ฟานรีบช่วยเขาขึ้นมาและใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ปกป้องหัวใจของเขาทันที
“เจ้าเป็นอะไร เจ้าเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นเจ้าอึดอัดหรือไม่?”
เมื่อตงตงตื่นขึ้นเย่ฟ่านก็ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา
“มันไม่อึดอัด” เด็กน้อยกระพริบตาโตแล้วกล่าวว่า “จู่ๆ ก็มีคนผมทองโผล่มาในร่างของข้า และเขาสอนให้ข้าเปิดทะเลแห่งความทุกข์”
“อะไรนะ!” เย่ฟานยืนขึ้นด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
เผ่าอีกาทองไล่ล่าเด็กคนนี้อย่างบ้าคลั่ง แท้ที่จริงแล้วเขาไม่เพียงครอบครองคัมภีร์สุริยันฉบับเต็มเท่านั้น แต่เขายังครอบครองวิญญาณของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อีกด้วย!
และนับตั้งแต่วันนั้นทุกครั้งที่ตงตงนอนหลับร่างกายของเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองเจิดจ้า เย่ฟ่านค่อนข้างมั่นใจว่าในช่วงเวลานี้จักรพรรดิสุริยันผู้ยิ่งใหญ่คงกำลังสอนทักษะบางอย่างแก่ตงตง
เมื่อตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้น ตงตงจะสามารถจดจำขั้นตอนที่ชายผมทองสั่งสอนและเขาสามารถฝึกตามกระบวนการทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
เย่ฟ่านสอบถามอย่างระมัดระวังและพบว่ามันเป็นวิธีการถ่ายทอดจิตแบบโบราณที่เขาไม่อาจเรียนรู้ได้ และเย่ฟ่านมั่นใจว่านี่จะต้องเป็นคัมภีร์สุริยันฉบับเต็มอย่างแน่นอน!
“มีความลับมากมายที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเด็กน้อยคนนี้…”
เย่ฟ่านค้นหาหลายครั้งแต่ไม่พบสิ่งแปลกปลอม ชายผมทองดูเหมือนจะซ่อนตัวอยู่ในทะเลแห่งความทุกข์ของตงตง
“ไปกันเถอะ เราควรกลับได้แล้ว”
ครึ่งเดือนต่อมาเย่ฟ่านตัดสินใจทิ้งทะเลเหนือและออกเดินทางพร้อมกับตงตง
“กลับไปทำไม มีคนไม่ดีอยู่ตรงนั้น”
ตงตงกล่าวอย่างจริงจังด้วยดวงตากลมโต
เย่ฟ่านยิ้มและกล่าวว่า “ยังมีคนดีอีกมากในโลกนี้ ข้าจะพาเจ้าไปพบกับคนดี และดูว่าเจ้าจะแย่งชิงอาวุธศักดิ์สิทธิ์โบราณจากคนเลวได้หรือไม่ เมื่อเจ้าโตขึ้นเจ้าจะได้ใช้มันเพื่อฆ่าคนเลวทั้งหมดในโลก”
ทะเลเหนือมืดและลึก และเมื่อเทียบกับมหาสมุทรอื่นๆ สีของน้ำนั้นพิเศษมาก ราวกับว่ามันถูกย้อมด้วยหมึก
มันกว้างใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุดและมีขนาดใหญ่กว่าแผ่นดินหลายเท่าซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับคนๆ หนึ่งที่จะข้ามไปอีกฟากหนึ่งของมันต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ตาม
โชคดีที่มีเกาะโบราณมากมายในทะเล และมีค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณตั้งอยู่ในเกาะบางแห่ง
ในพื้นที่ทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั้นไม่มีใครรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังกี่ตัวที่เกิดในทะเลนี้ มีสายพันธุ์โบราณมากมายและมีอสูรที่น่าตกใจนับไม่ถ้วน
ผู้คนยังสงสัยว่ามีการดำรงอยู่ที่เปรียบได้กับเซียนโบราณในบริเวณทะเล เพราะมันใหญ่มากจนไม่มีใครสามารถไปถึงจุดสิ้นสุดได้ และโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าผู้ที่แข็งแกร่งนั้นน่ากลัวเพียงใด
ตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่ทราบว่ามีผู้บ่มเพาะจำนวนเท่าใดที่ออกทะเล ตามหาแดนสวรรค์ ตามหาเซียนโบราณ ตามหาร่องรอยของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่
แม้ว่าทะเลเหนือจะไม่เหมือนทะเลจีนตะวันออกของโลกที่เย่ฟ่านจากมา แต่มันก็มีตำนานไม่รู้จบ เช่น เกาะเซียนเผิงไหล
ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางให้กับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ที่แก่ชราหลายคนมุ่งหน้าไปเพื่อตามหาความหวังเส้นสุดท้ายในการมีชีวิตอยู่
เย่ฟ่านนำตงตงบินข้ามทะเลเหนือและทันใดนั้นก็เห็นหมอกมงคลปกคลุมอยู่เบื้องหน้า ในขณะเดียวกันเสียงดนตรีอ้อยอิ่งก็ดังมาจากหมอกมงคลนั้น
สีหน้าเย่ฟ่านมีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เขาเร่งความเร็วและพุ่งเข้าไปในหมอกมงคลนั้นทันที
เบื้องหน้าของเขาคือเกาะเซียนที่มีห้าสีลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าหมอกมงคลจำนวนมากกำลังไหลออกมาจากถ้ำโบราณแห่งหนึ่ง
ในขณะนี้มีผู้คนมากมายกำลังหลั่งไหลเข้าสู่เกาะเซียน พวกเขาล้วนเป็นวีรบุรุษรุ่นเยาว์ไม่ว่าจะเป็น เผ่าพันธุ์มนุษย์ เผ่าพันธุ์อสูร ซึ่งมีทั้งชายและหญิง
เย่ฟ่านเดินเข้าสู่เกาะเซียนพร้อมกับผู้คนมากมาย สีหน้าของเขาดูสงบนิ่งไม่เหมือนกับผู้ที่ไม่ได้ถูกรับเชิญแม้แต่น้อย
“วังจักรพรรดิมนุษย์ส่งของขวัญแสดงความยินดี โดยที่รองประมุขวังมาด้วยตัวเอง”
“ราชามังกรดำแห่งทะเลเหนือมาถึงแล้ว”
“ผู้คุมกฎแห่งวิหารเซียนเต๋ามาถึงแล้ว!”
“วังกวงหาน…”
ทันทีที่เย่ฟ่านมาถึงเกาะโบราณแห่งนี้เขาก็ได้ยินเสียงขานชื่อผู้คนมากมายที่เพียงพอจะสั่นสะเทือนทุ่งดวงดาวโบราณ
“ทุกคนที่มาบนเกาะนี้ล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น เด็กน้อยอย่างเจ้าไม่อนุญาตให้เข้าไป”
อสูรจากเผ่าวัวตัวหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นองค์รักของสถานที่แห่งนี้เข้ามาขัดขวางเย่ฟ่าน
อย่างไรก็ตามสีหน้าของชายชราซึ่งยืนอยู่ข้างอสูรวัวตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบดึงแขนอสูรวัวกลับไปทันที
“เจ้าไม่ต้องการมีชีวิตอยู่หรือ เจ้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร?”
“เขาคือใคร”
“ลักษณะของเขาสะดุดตาขนาดนี้เจ้ายังไม่รู้อีก!!”