สุดยอดอัศวิน บทที่ 45 : ไข่มุกแห่งตระกูลแคมป์เบล
สุดยอดอัศวิน บทที่ 45 : ไข่มุกแห่งตระกูลแคมป์เบล
ถนนไอวาตั้งอยู่ใจกลางเมืองเอซาย เป็นหนึ่งในย่านการค้าที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมืองเอซาย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถม้าแล่นเข้าสู่ถนนไอวา และหยุดที่หน้าร้านชื่อว่ายิลลี่ เบเกอรี่
ที่นี่ไม่ใช่ร้านเบเกอรี่ขนาดใหญ่ พื้นที่ทั้งร้านกว้างแค่ร้อยกว่าตารางเมตร แต่มีคนเดินเข้าออกจากร้านเบเกอรี่แห่งนี้มากมาย
ในหมู่พวกเขาเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์กับเด็กหญิงและเด็กชายตัวเล็ก ๆ รวมถึงชายหนุ่มและหญิงสาวที่สนิทสนมกัน แต่พวกเขาแต่งตัวดีอย่างไม่มีข้อยกเว้น ดูจากเนื้อผ้าแล้วคาดเดาไม่ยากว่าทุกคนมีภูมิหลังทางครอบครัวที่ดีมากและเหนือกว่าคนทั่วไป
ราคาขนมในร้านเบเกอรี่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองไม่ถูกเลย แม้แต่ขนมปังประเภททั่วไปยังมีราคามากกว่าสิบเหรียญทองแดง ไม่มีสามัญชนคนไหนยอมจ่ายเงินเท่ากับค่าจ้างครึ่งเดือน เพื่อซื้อขนมปังที่ ‘อร่อย’ เพียงอย่างเดียว
ฌอนและลิลี่ลงจากรถม้า ทันใดนั้นกลิ่นขนมปังหอมเย้ายวนก็โชยมา เมื่อได้กลิ่นนั้นฌอนยังปกติดี แต่สาวน้อยลิลลี่แทบรอไม่ไหวแล้ว ลากฌอนวิ่งไปที่ร้านเบเกอรี่โดยเร็ว
พอผลักประตูไม้สองบานที่สูงเพียงหนึ่งเมตรให้เปิดออก ทั้งสองก็เดินเข้าไป เจอเคาน์เตอร์รูปวงแหวนเป็นอย่างแรก
บนเคาน์เตอร์มีขนมปังหลายชนิดที่มีรูปร่างและรสชาติแตกต่างกัน รวมทั้งเนย ผลไม้ และแฮม...
หลังเคาน์เตอร์รูปวงแหวน มีเด็กสาวหน้าตาธรรมดายืนอยู่ พวกเธอทั้งหมดสวมผ้ากันเปื้อนทูนิคสีขาว ส่งยิ้มหวาน แนะนำขนมปังหน้าเคาน์เตอร์ให้กับลูกค้าที่เดินผ่านไปมา
ฌอนไม่ยอมรับคำแนะนำของพวกเขา หรือพูดให้ชัดคือ เขาไม่อยากเสียเวลาฟังคำแนะนำของพวกเธอ
ทันทีที่เข้าไปในร้าน ลิลลี่ลากฌอนตรงไปที่เคาน์เตอร์ที่มีขนมปังเนย จ้องมองตรงไปที่ขนมปังเนยบนเคาน์เตอร์
เมื่อเห็นท่าทางของลิลลี่ หญิงสาวที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ก็ยิ้มหวานและพูดกับฌอน
“ลูกค้าคะ นี่เป็นขนมปังเนยสดค่ะ ต้องการรับสักสองชิ้นไหมคะ”
“อืม เอาสองชิ้นเลย”
ฌอนลูบหัวลิลลี่ แล้วพยักหน้า
“ได้ค่ะ ทั้งหมด 40 เหรียญทองแดง”
หญิงสาวห่อขนมปังสองชิ้นด้วยกระดาษอย่างชำนาญแล้วยื่นให้ฌอน แต่ลิลลี่เอื้อมมือไปหยิบมาก่อนหนึ่งชิ้น เมื่อเห็นท่าทางหวงของของลิลลี่ ฌอนยิ้มกว้างแล้วยื่นมือไปรับขนมปัง พร้อมกับยื่นเหรียญเงินให้หญิงสาว
ช่วงครึ่งปีหลัง ค่าครองชีพที่พ่อบ้านเอามาส่งให้ บวกกับเงินที่ได้จากซากสัตว์ร้ายหมาป่าหลายตัวก่อนหน้านี้ ตอนนี้ฐานะทางการเงินของเขาค่อนข้างมั่งคั่ง ไม่มีปัญหาในการจ่ายเงินซื้อขนมปังสองชิ้น
ทั้งสองถือขนมปังคนละชิ้น เดินออกจากร้านเบเกอรี่ไปพร้อมลิลลี่ แต่พวกเขาไม่ได้กลับไปที่รถม้าทีเดียว กลับเดินไปตามถนนในขณะที่กินขนมปังเนยในมือไปด้วย ปล่อยให้อาเธอร์ขับรถม้าตามหลังอย่างช้า ๆ
ถึงราคาจะแพงไปหน่อย แต่ขนมปังในร้านเบเกอรี่นี้รสชาติดีจริง ๆ กลิ่นหอมของขนมปังและเนยอบอวลอยู่ในสมองของฌอน
หลังจากกัดไปหนึ่งคำ ความนุ่มของขนมปังและความหวานของเนยก็เต็มปากของเขา ฌอนอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าหงึก ๆ ในแง่ของรสชาติ มันไม่ได้แย่ไปกว่าร้านเบเกอรี่ระดับไฮเอนด์ในชาติที่แล้วมากนัก แต่เพราะเนื้อครีมที่ไม่เหมือนใครในโลกนี้ ทำให้มันมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
แม้ว่าโลกนี้จะเลวร้ายกว่าชาติที่แล้วมากในด้านระดับอารยธรรมและการพัฒนา แต่ก็เหนือกว่าชาติที่แล้วในบางด้าน
พูดให้ชัดคือโลกนี้กำลังพัฒนาไปอีกทางหนึ่ง ถ้าชาติที่แล้วเป็นวิถีของเทคโนโลยี โลกปัจจุบันก็คงเป็นวิถีแห่งวิวัฒนาการด้วยตัวมันเอง
มนุษย์ใช้ความกล้าหาญเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเอง เพื่อให้พวกเขามีพลังเหนือสามัญสำนึก ในขณะที่พ่อมดต้องการควบคุมพลังประหลาดทุกชนิดผ่านการฝึกคาถา แม้ว่าวิธีการจะแตกต่างกัน แต่เส้นทางที่ใช้ก็ไม่มีข้อยกเว้น พวกเขาทั้งหมดต่างเลือกวิถีทางเสริมสร้างความแข็งแกร่งและพัฒนาตนเอง
เนื่องจากความแข็งแกร่งอันทรงพลังของพวกเขา สถานะของกลุ่มนี้ในเผ่าพันธุ์ของตนจึงได้รับการยกระดับอย่างไม่สิ้นสุด ส่งผลให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของพวกเขาเจริญรุ่งเรืองอย่างไร้ขีดจำกัด เช่น อาหาร เสื้อผ้าระดับไฮเอนด์ อาวุธ...
กล่าวได้ว่าตราบเท่าที่คนกลุ่มนี้จำเป็นต้องใช้พลัง สังคมก็จะเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โลกนี้คือโลกแห่งความเป็นจริง ที่คนส่วนใหญ่โคจรรอบคนส่วนน้อย
หากเป็นชาติที่แล้ว การรวมศูนย์อยู่แต่ในชนชั้นสูงแบบนี้ การจลาจลและการประท้วงย่อมเกิดขึ้นตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ที่นี่ต่างออกไป
การรวมศูนย์ทางอำนาจมีอำนาจสูงสุด ประสิทธิภาพการควบคุมจลาจลก็สูงด้วยเช่นเดียวกัน ต่อให้ใครก่อจลาจลขึ้นก็ไร้ประโยชน์ เมื่อเวลาผ่านไป รูปแบบทางสังคมจะถึงคราวสิ้นสุดอย่างสมบูรณ์ ไม่มีทางเกิดการประท้วงขึ้นแน่ ๆ
สิ่งที่ช่วยให้รูปแบบทางสังคมนี้ดำเนินต่อไปและสามารถใช้อำนาจแบบรวมศูนย์ได้
ก็คือหลักการดำเนินกิจการของตระกูลแคมป์เบลล์ที่ฌอนอาศัยอยู่
ครอบครัวนี้เริ่มสร้างความมั่งคั่งในธุรกิจเครื่องหนัง จากนั้นจึงค่อย ๆ ขยายกิจการออกไป และเริ่มมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมอื่น ๆ จนก่อตั้งเป็นบริษัทแคมป์เบลล์ในปัจจุบัน
แต่จนถึงขณะนี้ การพัฒนายังตกอยู่ในภาวะคอขวดและถดถอยลงไปเล็กน้อย เหตุผลคือไม่มีพลังมากพอที่จะแข่งขันกับตระกูลอื่น
ถึงพวกเขาจะใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อจ้างคนที่มีความสามารถแข็งแกร่งซึ่งฝึกฝนทักษะมานานหลายปี แต่ท้ายที่สุดแล้ว ลูกจ้างก็คือลูกจ้าง ไม่สามารถรับประกันความภักดีได้ ตราบใดที่มีผลประโยชน์ไม่เพียงพอ อีกฝ่ายสามารถลาออกจากตระกูลแคมป์เบลได้ทุกเมื่อ หรือแม้แต่แทงข้างหลัง
หลังจากประสบกับการถูกหักหลังหลายครั้ง บริษัทแคมป์เบลได้เรียนรู้จากประสบการณ์อันเจ็บปวด และตัดสินใจฝึกฝนทักษะการค้าขายด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติอัศวินไม่ใช่สิ่งที่ใครจะมีก็ได้ ตระกูลแคมป์เบลล์ไม่ใช่ตระกูลที่มีสายเลือดอัศวิน ไม่เคยมีอัศวินถือกำเนิดในตระกูล ในที่สุด หลังจากเฟ้นหากันอย่างหนักจากรุ่นสู่รุ่น พวกเขาพบว่าฌอนมีคุณสมบัติอัศวิน เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ฌอนสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนอัศวินยุคใหม่
ลิลลี่ถือขนมปังชิ้นหนึ่งพลางเดินไปกินไป แต่ในระหว่างเดิน ฌอนก็ต้องขมวดคิ้ว
เบื้องหน้าพวกเขาคือร้านขายเครื่องประดับ ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันที่หน้าร้าน และได้ยินการโต้เถียงดังมาจากด้านใน ดูเหมือนว่าจะมีข้อพิพาทระหว่างร้านขายเครื่องประดับกับลูกค้า
สาเหตุที่เขาขมวดคิ้ว เป็นเพราะโลโก้วงกลมบนแผ่นป้ายของร้านขายเครื่องประดับแห่งนี้ เป็นโลโก้ของบริษัทแคมป์เบล ซึ่งหมายความว่าตระกูลแคมป์เบลเป็นเจ้าของร้านขายเครื่องประดับแห่งนี้
ตระกูลแคมป์เบลล์เริ่มต้นกิจการเกี่ยวกับเครื่องหนัง และพัฒนาไปสู่กิจการสาขาอื่น ๆ ซึ่งเครื่องประดับก็เป็นหนึ่งในสาขาที่ขยายออกไป
เหตุผลที่เลือกทำกิจการเครื่องประดับก็เพราะสาขานี้มีกำไร และความแตกต่างของราคาระหว่างวัตถุดิบกับสินค้าสำเร็จรูปมีมาก ทำให้มีช่องโหว่ในการทำกำไร
“ไปดูกันเถอะ…”
ฌอนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจับมือสาวน้อยลิลลี่อาศัยพละกำลังที่เหนือคนธรรมดา ฝ่าฝูงชนที่เฝ้าดูมายังตำแหน่งใกล้กับร้านเครื่องประดับ
เวลานี้ ที่หน้าร้านเครื่องประดับ มีชายหนุ่มร่างเตี้ยคนหนึ่งถือเครื่องประดับหยกที่ตัวเรือนเป็นเงินแท้อยู่ในมือ ตะโกนเสียงดัง
“ดูนี่สิทุกคน นี่คือเครื่องประดับหยกคุณภาพสูงที่ฉันซื้อมาจากร้านนี้ในราคา 30 เหรียญเงิน หลังจากถามพ่อค้าอัญมณีในเมือง ผู้เชี่ยวชาญเบมประเมินราคาให้ ทุกคนรู้ไหม นี่ไม่ใช่หยกเลย แต่เป็นเศษหินแก้วต่างหาก หลอกขายเศษหินแก้วว่าเป็นหยก พวกคุณคิดว่าร้านนี้ฉ้อโกงหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ผู้ชมหลายคนก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย
ผู้เชี่ยวชาญเบมมีชื่อเสียงไม่น้อย คนอื่น ๆ เคยได้ยินเรื่องของเขามามาก เขาคือปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องประดับ ในเมื่อเขาบอกว่าเป็นหินแก้ว ก็ต้องเป็นหินแก้วอย่างไม่ต้องสงสัย
“อะไรนะ เครื่องประดับหยก 30 เหรียญเงินทำมาจากหินแก้วจริงเหรอ”
“แย่แล้ว ฉันเพิ่งซื้อหยกชิ้นหนึ่งจากร้านนี้เมื่อสองสามวันก่อน มันทำมาจากหินแก้วด้วยหรือเปล่านะ?”
“ไม่ได้ ฉันต้องขอคืนเงิน!”
หลายคนที่ซื้อเครื่องประดับหยกจากร้านนี้ต่างมองร้านขายเครื่องประดับด้วยสายตาคาดโทษ แล้วส่งเสียงดังเพื่อขอคืนสินค้า
เมื่อเห็นแบบนั้นฌอนก็เลิกคิ้วขึ้น ถึงเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการบริหารกิจการของบริษัทแคมป์เบล แต่เขารู้ดีว่าบริษัทแคมป์เบลนั้นมีชื่อเสียงรุ่งเรืองแค่ไหนในเมืองเอซาย เรื่องห่วยแตกทำนองนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จะต้องมีคนคิดไม่ซื่อกับพวกเขาแน่
ถึงเขาจะพอเดาได้ว่ามีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อน แต่ฌอนก็ไม่คิดจะออกหน้าแก้ต่าง
ในแง่หนึ่ง เขายังไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี อีกแง่หนึ่งเป็นเพราะเขาเห็นคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น
เธอคือเด็กสาวอายุประมาณสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี ผมสีบลอนด์ปล่อยยาวสยาย ใบหน้างดงาม ผิวขาวผ่อง สวมชุดผ้าไหมยาวที่เผยให้เห็นรูปร่างเพรียวบาง
เด็กสาวเดินออกมาจากร้าน ชำเลืองมองผู้คนที่กำลังตะโกนด่าทอร้านเครื่องประดับพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เงียบเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงของเธอไม่ดังมาก แต่ทุกคนที่ได้ยินรีบหุบปากฉับ เพราะคนส่วนใหญ่รู้จักผู้หญิงตรงหน้าดี
ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คนที่โด่งดังที่สุดในบริษัทแคมป์เบล ก็คือหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
ยูน่า แคมป์เบล ไข่มุกแห่งตระกูลแคมป์เบลเป็นเด็กสาวที่มีพรสวรรค์สูงส่ง โดยเฉพาะพรสวรรค์ทางธุรกิจที่หาตัวจับยาก
เธอใช้เวลาเพียงสิบวันในการทำให้ร้านค้าที่สูญเสียรายได้จนแทบปิดกิจการลงกลับมามีกำไรอีกครั้ง และช่วยให้ร้านพ้นจากภาวะล้มละลาย
ใครก็ตามที่ทำธุรกิจต่างยกนิ้วให้เธอโดยไม่ลังเลเมื่อพูดถึง ชื่อเสียงของเธอไม่ได้โด่งดังแค่เพราะเธอเป็นลูกสาวของหัวหน้าตระกูลแคมป์เบลล์ แต่เป็นเพราะความสามารถที่แท้จริงของเธอต่างหาก
หลายคนได้ยินว่าบริษัทแคมป์เบลล์จงใจขยายสาขาทางธุรกิจ และวางแผนที่จะส่งมอบธุรกิจให้กับเธออีกหลายอย่าง นี่แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีความสามารถทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ
เมื่อเห็นหญิงสาวคนนี้ ดวงตาของลิลลี่เป็นประกาย ชี้ไปที่หญิงสาวและพูดอย่างมีความสุข
“ดูสิ พี่ชาย นั่นพี่สาวของพวกเรา!”
“อืม”
ฌอนพยักหน้า แต่คิดในใจว่า “บังเอิญจริง ๆ”
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพี่สาวของเจ้าของร่างเดิม
เขาแค่มาเดินซื้อของแบบสบาย ๆ ไม่คิดว่าจะเจอคนมา ‘หาเรื่อง’ อยู่หน้าร้านของเขา นับประสาอะไรกับการที่พี่สาวปรากฏตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย