สุดยอดอัศวิน บทที่ 44 : กลับบ้าน
สุดยอดอัศวิน บทที่ 44 : กลับบ้าน
วันที่สอง หัวหน้ากองคาราวานคืนเงินค่าโดยสารที่ฌอนให้มาอย่างสุภาพ ไม่เพียงแค่นั้น ยังแปลงค่าซากศพสัตว์ร้ายหมาป่าและซากของจ่าฝูงหมาป่าที่ฌอนฆ่าเป็นเงินให้ฌอนด้วย
รวมกันแล้วได้สองร้อยเหรียญเงิน ราคานี้สูงพอ ๆ กับครั้งล่าสุดที่กองคาราวานแคมป์เบลจ้างทหารรับจ้างทั้งหมดในเมืองหลวง ถึงสัตว์ร้ายอย่างหมาป่าที่ตัวใหญ่เท่าลูกวัวจะหายากและเป็นของมีค่า แต่ราคาที่คิดคำนวณก็ยังสูงเกินจริง หมายความว่าพวกเขายินดีตอบแทนฌอนจากใจจริง
วันนี้ ชายหนุ่มสวมชุดหรูหราลงจากรถม้าในระยะใกล้ที่สุด เขาเป็นคนแรกที่ออกจากกองคาราวาน พอมองกลับไปที่ฌอนด้วยความหวาดกลัว เขารู้โดยไม่ต้องเดาว่าอีกฝ่ายต้องหาทางแก้แค้นเขาแน่ ๆ ถ้ามีโอกาส จึงตัดสินใจลงจากรถเพื่อหลีกเลี่ยงฌอนไปซะ
หลังจากนั้น ปู่และหลานสาวท่าทางประหลาดก็ลงจากรถในวันที่สาม
ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ตอนที่อยู่กับพวกเขาสองคน ฌอนเคยคิดจะตรวจสอบพรสวรรค์ของชายชราเพื่อดูว่าเขาสามารถคัดลอกพรสวรรค์ที่ ‘น่าทึ่ง’ บางอย่างได้หรือไม่ แต่หมดโอกาสเพราะอีกฝ่ายลงจากรถไปแล้ว
ดังนั้นฌอนจึงเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในรถม้า บรรยากาศเงียบเหงาไปหน่อย แต่ฌอนไม่ใช่คนที่ทนความเหงาไม่ได้ ชาติก่อนเขาใช้เวลานับไม่ถ้วนในวันเสาร์และอาทิตย์ตามลำพังเพื่อทำโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ให้สำเร็จ ความเดียวดายจึงไม่มีผลอะไรกับเขา
วันที่ห้า กองคาราวานเดินทางมาถึงเมืองเมืองหนึ่ง
ที่นี่เป็นเมืองที่มีประวัติช้านาน กำแพงเมืองสร้างด้วยหินก้อนใหญ่และวัสดุก่อสร้างคล้ายซีเมนต์ เนื่องจากเวลาผ่านไปนาน ภายนอกจึงเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามสภาพดินฟ้าอากาศ
เมื่อถึงจุดนี้แล้วฌอนก็ลงจากรถ เพราะนี่คือเมืองเอซาย ซึ่งเป็นเมืองที่ครอบครัวของเจ้าของร่างเดิมอาศัยอยู่
นี่คือเมืองที่มีประชากร 100,000 คน เมื่อเทียบกับพื้นที่โดยรอบแล้ว เป็นเมืองที่ค่อนข้างเจริญพอสมควร
ตรงประตูเมืองมีคนเข้าแถวรอเข้าเมืองมากมาย ความยาวของแถวเกินกว่าสิบเมตร
“ท่านฌอน”
เมื่อมองไปที่แถวยาวข้างหน้าเขา ฌอนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อเขาต้องการเดินเข้าไปต่อแถว เขาก็พบชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเดินมาหาเขาอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มคนนี้อายุยี่สิบต้น ๆ ค่อนข้างผอม สวมเสื้อผ้าสีน้ำเงินเหมือนเครื่องแต่งกายของคนรับใช้ในตระกูลหนึ่ง ทันทีที่เห็นเขา ฌอนจำได้ทันทีว่าเขาเป็นใคร
อาเธอร์ คูกด์ หนึ่งในคนรับใช้ที่ถูกเลี้ยงดูโดยตระกูลแคมป์เบลมาตั้งแต่เขายังเด็ก ฌอนเคยนั่งรถม้าที่เขาขับอยู่หลายครั้ง ดังนั้นจึงรู้จักเขาเป็นอย่างดี
ทำไมอีกฝ่ายถึงมาปรากฏตัวที่นี่ ฌอนไม่แปลกใจเลย เพราะก่อนที่จะเดินทางออกจากโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ เขาได้ส่งจดหมายทางนกพิราบผ่านหน่วยงานไปรษณีย์พิเศษ โดยแจ้งเวลาออกเดินทางไว้เรียบร้อน
เกรงว่าตระกูลแคมป์เบลได้คำนวณวันที่เขากลับมาไว้เรียบร้อย จึงส่งคนมาที่นี่เพื่อรอรับเขาโดยเฉพาะ
ภายใต้การนำของอีกฝ่าย ฌอนไม่ต้องเข้าแถว เดินผ่านประตูเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ถัดจากประตูเมืองไปโดยง่าย ขณะที่ทั้งสองเข้าไปในประตูเมือง เจ้าหน้าที่รักษาการณ์เมืองที่รักษาความสงบเรียบร้อยอยู่หน้าประตูไม่หยุดพวกเขา แต่ยังเบี่ยงตัวให้ทั้งสองเดินเข้าไปอย่างสุภาพ
“ทำไมพวกเขาไม่เข้าแถว”
“ใช่ ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมพวกเขาถึงไม่ได้เข้าแถวล่ะ?”
พอเห็นว่าทั้งสองเดินเข้าไปในประตูเมืองได้ง่าย ๆ ผู้คนจำนวนมากที่เข้าคิวรอก็เริ่มตะโกน
“หุบปาก!”
หัวหน้าทหารรักษาการณ์เมืองที่ควบคุมลูกน้องนับสิบเป็นชายวัยกลางคนที่มีหนวดเครา
“ถ้าครอบครัวของพวกคุณติดสิบอันดับแรกในเมืองเอซาย ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าแถว ต่อให้เป็นแค่ร้อยอันดับแรก ผมก็จะเปิดทางให้พวกคุณเข้าไปโดยไม่ต้องต่อคิว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ คนที่ตะโกนก็ปิดปากเงียบ
เมืองเอซายไม่ใหญ่ไม่เล็ก สำหรับเมืองที่มีประชากร 100,000 คน การที่พวกเขาติดอันดับหนึ่งในสิบตระกูลมหาอำนาจ หมายความว่าภูมิหลังของสองคนนี้ไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็ในสายตาพวกเขา
ขืนทำให้คนตระกูลนี้ขุ่นเคือง พวกเขารู้ผลที่ตามมาหลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ทันที
ทั้งสองคนเข้าไปในประตูเมือง พบว่ามีรถม้าสีแดงรออยู่ที่นั่นแล้ว มีตราสัญลักษณ์วงกลมของตระกูลแคมป์เบลอยู่บนนั้น ฌอนก้าวเข้าไปในรถม้า โดยที่ชายหนุ่มชื่ออาเธอร์ประจำตำแหน่งคนขับ ตรงไปที่ใจกลางเมือง
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา รถม้าก็ผ่านประตูกว้างเข้าไปในคฤหาสน์หลังหนึ่ง
นี่คือคฤหาสน์ที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยพื้นที่นับหมื่นตารางเมตร คฤหาสน์ของตระกูลแคมป์เบล
ถึงแม้จะรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อยตอนก้าวลงจากรถม้า แต่ฌอนก็ยังหาห้องส่วนตัวของตัวเองในคฤหาสน์แห่งนี้เจออย่างง่ายดาย โดยอาศัยความทรงจำของฌอนคนเก่า
ห้องนี้เป็นห้องที่ค่อนข้างกว้าง ถือได้ว่าเป็นห้องที่ดีที่สุดห้องหนึ่งในคฤหาสน์ ถึงอย่างไร เจ้าของร่างเดิมก็เป็นถึงคือลูกชายคนโตของหัวหน้าตระกูลแคมป์เบลล์ ผู้ซึ่งจะได้สานต่อมรดกของตระกูลแคมป์เบลล์ในอนาคต
โต๊ะและเก้าอี้ในห้องถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เกือบเหมือนกับตอนที่ฌอนจากไปเมื่อต้นปีเป๊ะ ๆ ไม่มีฝุ่นตามพื้น ใต้โต๊ะ และใต้เก้าอี้เลย เห็นได้ชัดว่าห้องนี้มีคนเข้ามาทำความสะอาดอยู่บ่อย ๆ
“ท่านฌอน คุณกลับมาแล้ว!”
ตอนนั้นเอง หญิงสาวในชุดสาวใช้สีเขียวก้เดินเข้ามาทักทายเขา
ผู้หญิงคนนี้ชื่อไอรีน อาร์โนลด์ เธออายุสิบห้าปี หน้าตาสวยมากทีเดียว เธอเป็นสาวใช้ที่เคยรับใช้เขาตอนที่ฌอนอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลแคมป์เบล หรือเรียกว่าสาวใช้ส่วนตัวของเขานั่นเอง
“ครับ ผมกลับมาแล้ว”
เขาเลียนแบบนิสัยดั้งเดิมของฌอนในความทรงจำ พยักหน้าและตอบกลับ
ไอรีนดูมีความสุขมาก รีบชงชาให้ฌอน ซึ่งเป็นชามะลิของโปรด เห็นได้ชัดว่าแม้ผ่านไปหนึ่งปีอีกฝ่ายก็ยังจำนิสัยของฌอนได้
ในฐานะสาวใช้ โดยหลักการแล้วคงมีเฉพาะตอนที่เธอได้อยู่รับใช้เจ้านายเท่านั้น จึงจะถือว่าเป็นสาวใช้ส่วนตัวอย่างแท้จริง
ระหว่างฌอนไปเรียนที่โรงเรียนอัศวินยุคใหม่ และไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลแคมป์เบล เธอถูกสาวใช้คนอื่น ๆ กลั่นแกล้งตลอดทั้งปี ตอนนี้ฌอนกลับมาแล้ว เธอจึงมีความสุขมาก
ฌอนจิบชามะลิที่ชงโดยไอรีน มองไปที่เครื่องเรือนในห้องและครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
เจ้าของร่างเดิมมีพี่น้องสามคน คนโตเป็นน้องสาวชื่อ ยูนา แคมป์เบลล์ ซึ่งแก่กว่าเขาสามปี งานของเธอคือช่วยตระกูลแคมป์เบลทำธุรกิจ ดูเหมือนว่าเธอจะมีความสามารถมากทีเดียวในด้านธุรกิจ ทำให้ได้รับกำไรต่อปีมหาศาล
เขาเป็นลูกคนรอง และภายใต้เขามีน้องสาวชื่อ ลิลลี่ แคมป์เบล ซึ่งเพิ่งจะอายุ 10 ขวบในปีนี้
แม่ของพวกเขาเสียชีวิตไปแล้ว พ่อก็คือหัวหน้าตระกูลแคมป์เบลล์คนปัจจุบัน นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสามารถไปเรียนที่โรงเรียนอัศวินยุคใหม่ได้
กล่าวได้ว่าความจริงแล้วบรรดาผู้เฒ่าของตระกูลแคมป์เบลล์ต่อต้านความคิดของพ่อ ไม่อยากให้เขาส่งลูกชายคนเดียวไปเรียนที่โรงเรียนอัศวินยุคใหม่
เขามีลูกพี่ลูกน้องอีกสองสามคน แต่ความสัมพันธ์ไม่ค่อยจะดี เหตุผลหลักเป็นเพราะตระกูลต้องจ่ายค่าเล่าเรียนแพง ๆ ให้กับฌอนทุกปี หลังจากตัดค่าใช้จ่ายรายเดือนแล้ว พวกเขาจึงไม่มีความประทับใจที่ดีต่อฌอนสักเท่าไหร่
พวกเขาก็คือเครือญาติของเจ้าของร่างเดิมนั่นเอง
เขาไม่เคยติดต่อกับคนเหล่านั้นสมัยอยู่ที่โรงเรียนอัศวินยุคใหม่ เพราะขี้เกียจเกินกว่าจะค้นหาความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับคนเหล่านั้น แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป เขาได้กลับมาที่บ้านตระกูลแคมป์เบลล์ทั้งที บางทีอาจต้องสานสัมพันธ์เพื่อให้เข้ากับคนเหล่านั้นได้ ความทรงจำจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
“พี่ชาย พี่ชาย!”
ในขณะที่ฌอนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เด็กหญิงตัวเล็กในชุดกระโปรงสีชมพูก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เด็กหญิงตัวน้อยหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาหยกแกะสลัก ปากนิดจมูกหน่อย ดวงตากลมโตใสแจ๋ว มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับฌอนมาก เธอคือน้องสาวของเขานั่นเอง ลิลลี่ แคมป์เบล
“ลิลลี่ ไม่เจอกันนานเลย เธอเป็นไงบ้าง”
ฌอนทักทายเด็กหญิงตัวน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนโทนเดียวกับที่เจ้าของร่างเดิมมักจะทักทายเธอ
“ไม่ดี”
ไม่คาดคิดว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะทำหน้ามุ่ย สะบัดหน้าหนีไปทางด้านข้าง และพูดด้วยความโกรธ
“พี่กลับมาแล้วแต่ไม่ยอมมาหาหนู ฮือ หนูไม่โอเคเลย!”
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเด็กหญิงตัวน้อย ฌอนก็รู้สึกขบขันมาก รอยยิ้มบนใบหน้าแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
สมัยชาติที่แล้ว เขาเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง ตอนเด็กเขาเคยอิจฉาคนที่มีพี่น้องอยู่บ่อย ๆ
พอเห็นว่าท่าทางแง่งอนของเด็กหญิงตัวน้อยค่อนข้างน่าเอ็นดู เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมั่นเขี้ยว ลุกขึ้นเดินไปหาเด็กหญิงตัวน้อยพลางลูบหัวเธอแล้วพูดว่า
“เรื่องนี้พี่ผิดเอง แต่พี่จะไปซื้อขนมปังเนยที่เธอชอบมาให้เป็นการไถ่โทษก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินคำว่าขนมปังเนย เด็กหญิงตัวน้อยก็ตาเป็นประกาย เธอไม่โกรธฌอนอีกต่อไป จับแขนฌอนไว้ด้วยมืออันอ่อนโยนไม่ยอมปล่อย ลากฌอนออกไปจากห้องโดยตรงราวกับกลัวฌอนจะเปลี่ยนใจ
ฌอนยิ้มร่า ยอมให้เด็กหญิงตัวน้อยลากไปจนถึงโรงเลี้ยงม้าในคฤหาสน์
คอกม้าที่นี่มีม้ามากกว่าสิบตัว เวลานี้ คนรับใช้สามคนกำลังอาบน้ำขัดตัวให้ม้า และให้อาหารพวกมัน เมื่อเห็นฌอนและเด็กหญิงตัวน้อยเดินใกล้เข้ามา พวกเขาก็วางงานลงอย่างรวดเร็วและโค้งคำนับเล็กน้อย
“ท่านฌอน คุณหนูลิลลี่”
“อืม”
ฌอนพยักหน้าและพูดว่า
“เราจะออกไปข้างนอก ช่วยเตรียมรถม้าให้หน่อย”
“ได้ครับท่านฌอน”
คนรับใช้ทั้งสามตอบด้วยความเคารพ ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็เตรียมม้าและรถม้าให้พวกเขา แถมยังเป็นธุระเรียกสารถีให้ด้วย บังเอิญว่าสารถีคนนี้ก็คืออาเธอร์ คูกด์ ซึ่งไปรอรับเขาที่หน้าประตูเมือง เขาถามฌอนอย่างนอบน้อม
“ท่านฌอน จะไปไหนเหรอครับ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฌอนก็ขมวดคิ้ว ในขณะที่กำลังรื้อฟื้นความทรงจำว่าจะไปไหนดี เด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตะโกนออกไปก่อน
"ไปถนนไอวา หนูจะไปถนนไอวา"
เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงตัวน้อยร้องขออย่างจริงจัง ฌอนย่อมไม่ปฏิเสธ ดังนั้นภายใต้การให้สัญญาณของฌอน รถม้าจึงแล่นไปตามเส้นทางพิเศษสำหรับรถม้าในคฤหาสน์ เคลื่อนผ่านประตูคฤหาสน์ไป
ขณะที่พวกเขากำลังจะออกจากประตู ก็มีรถม้าคันหนึ่งขับเข้ามาจากด้านนอก
เด็กชายอายุสิบหกปีอยู่ในรถม้า หน้าตาหล่อเหลามาก แต่ใบหน้าซีดเล็กน้อย
เขากระโดดลงจากรถม้า โบกมือให้คนเฝ้าประตู เรียกเขามาอยู่ข้าง ๆ
“เมื่อกี้นี้ใครเพิ่งจะออกไป?”
เมื่อคนเฝ้าประตูได้ยินคำถาม ก็ตอบตามตรงด้วยความกระตือรือร้น
“เรียนท่านโคล ท่านฌอนกับคุณหนูลิลลี่เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เองครับ”
“ฌอนกลับมาแล้วเหรอ”
สีหน้าประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม
“ใช่ครับ เพิ่งกลับมาเมื่อเช้านี้เอง”
เด็กหนุ่มพยักหน้า มองรถม้าอยู่ในระยะไกล โบกมือไล่คนเฝ้าประตู แล้วเดินไปยังตัวคฤหาสน์