ตอนที่แล้วสุดยอดอัศวิน บทที่ 41 : จ่าฝูงหมาป่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปสุดยอดอัศวิน บทที่ 43 : ฆ่าหมาป่า

สุดยอดอัศวิน บทที่ 42 : ต่อสู้กับหมาป่า


สุดยอดอัศวิน บทที่ 42 : ต่อสู้กับหมาป่า

ผู้คุ้มกันวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังต่อสู้กับสัตว์ร้ายรูปร่างคล้ายหมาป่า บนร่างกายของเขามีบาดแผลหลายแห่งเหมือนถูกมีดคมเชือดเฉือน ซึ่งก็คือรอยกรงเล็บอันแหลมคมของสัตว์ร้ายที่ทิ้งไว้บนตัวเขา

เขากระชับดาบยาวไว้ในมือ ต่อต้านการโจมตีของสัตว์ร้ายรูปร่างคล้ายหมาป่าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่รู้สึกว่าดาบในมือเริ่มหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกำลังจะสูญเสียการยึดเกาะในวินาทีต่อมาและร่วงตกลงไปที่พื้น

เขารู้ว่าเมื่อไหร่ที่ตัวเองไม่สามารถถือดาบยาวไว้ในมือได้อีก นั่นหมายถึงเวลาตายของเขา

เขาคิดจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนอื่น แต่เห็นว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ต่างก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเขา และพวกเขาทั้งหมดพยายามดิ้นรนทั้ง ๆ ที่เข้าใกล้ความตายทุกเมื่อ

ทันใดนั้น สัตว์ร้ายรูปร่างคล้ายหมาป่าที่เผชิญหน้ากับเขาก็พุ่งเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบโต้ มันก็กระโจนขึ้นสูง เผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมของมัน หมายกัดคอของเขา

“ไม่ดีแล้ว…”

ผู้คุ้มกันวัยกลางคนหวาดกลัวมาก คิดจะเบี่ยงตัวหลบ แต่ความเร็วของสัตว์ร้ายรูปร่างคล้ายหมาป่าตัวนี้เร็วเกินไป อีกอย่าง ตอนนี้เขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้ว แม้แต่การเคลื่อนไหวก็ช้าลง จนไม่สามารถหลบได้ชั่วขณะหนึ่ง ได้แต่รอให้ปากของสัตว์ร้ายพุ่งเข้ามาใกล้

พรึ่บ!

ขณะนั้นเอง ดาบยาวก็ปรากฏขึ้นจากด้านข้าง ทันทีที่มันปรากฏขึ้น มันก็ฟันเข้าบริเวณคอของสัตว์ร้ายรูปร่างคล้ายหมาป่าที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมาอย่างต่อเนื่องหลังจากมันถูกปลิดชีพทันที สัตว์ร้ายรูปร่างคล้ายหมาป่าถูกสังหารด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

หลังจากได้รับการช่วยเหลือแล้ว ผู้คุ้มกันวัยกลางคนก็มองไปยังคนที่เพิ่งยื่นดาบเข้ามาช่วยด้วยสีหน้าตื้นตันและพูดว่า

“หัวหน้า ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่ ฆ่าหมาป่าตัวนั้นได้แล้วเหรอ”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ผู้คุ้มกันวัยกลางคนแสดงความกลัวอย่างไม่ปิดบังบนใบหน้า มองไปยังชายผู้แข็งแกร่งด้วยความเคารพนบนอบเป็นอย่างยิ่ง

เขาเคยเห็นความน่ากลัวของหมาป่าตัวนั้นมาก่อน ผู้คุ้มกันคนหนึ่งพยายามโจมตีมัน แต่กลับถูกมันกระแทกจนร่างลอยกระเด็นออกไปพร้อมกับดาบในมือ หลังจากล้มลงกับพื้น เขาก็อาเจียนเป็นเลือดและหมดสติไป ไม่น่าเชื่อเลยว่าจ่าฝูงหมาป่าตัวนั้นตายด้วยน้ำมือของหัวหน้าเพียงคนเดียว เป็นไปได้ไหมว่าเร็ว ๆ นี้ความแข็งแกร่งของหัวหน้าพัฒนามากขึ้น?

“อะแฮ่ม…”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้คุ้มกันวัยกลางคนพูด ชายผู้แข็งแกร่งก็อับอาย ใบหน้าแดงก่ำ ชี้ไปยังสถานที่ที่ฌอนและจ่าฝูงหมาป่ากำลังต่อสู้กันซึ่งอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย

“เปล่าหรอก แต่มีเจ้าหนุ่มคนหนึ่งมาช่วยฉันสกัดกั้นเอาไว้ ฉันเลยออกมาช่วยพวกนายฆ่าสัตว์ร้ายตัวอื่น ๆ ก่อน แล้วค่อยกลับไปสนับสนุนเขาด้วยกัน”

เมื่อได้ยินสิ่งที่หัวหน้าพูด ผู้คุ้มกันวัยกลางคนก็ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นรีบหันศีรษะไปมองยังทิศทางนั้น ทันใดนั้นก็เห็นว่าเด็กหนุ่มอายุ 15 ปีกำลังต่อสู้กับหมาป่าที่ตัวใหญ่ราวภูเขาขนาดเล็กโดยมีดาบในมือแค่เล่มเดียว

เทียบกับขนาดของหมาป่าร่างยักษ์ ร่างกายของเด็กหนุ่มยังเล็กเกินไป ทว่าใบหน้าของเด็กหนุ่มกลับไม่ปรากฏความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นความรู้สึกกระตือรือร้นเมื่อได้ลิ้มลองสิ่งใหม่

หวือ!

ไม่ว่าจะเป็นฌอนหรือหมาป่า พวกเขาต่างเคลื่อนไหวกันเร็วมาก ทั้งสองพุ่งเข้ามาอยู่ใกล้กันแทบจะในทันที

ชัวะ!

ขณะนั้นเอง ฌอนควักดาบในมือออกมา ฟันไปที่คอของหมาป่าโดยตรง

ชิ้ง!

เสียงแกรกที่คาดไว้กลับไม่ปรากฏขึ้น เนื่องจากดาบของเขาถูกกรงเล็บแหลมคมซึ่งดูเหมือนดาบปลายแหลมห้าเล่มเข้ามาขวางไว้ มันคืออุ้งเท้าหน้าด้านซ้ายของหมาป่า

เมื่อเผชิญหน้ากับดาบที่สามารถเชือดคอมันได้ของฌอน สัญชาตญาณสัตว์ทำให้มันรู้สึกถึงอันตราย ดังนั้นจึงเหวี่ยงกรงเล็บอันแหลมคมออกไปเพื่อสกัดกั้นอาวุธของฌอนไว้

พรึ่บ!

ต่อให้ฌอนตวัดดาบลงไปอีกครั้ง หมาป่าก็ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด

พอรู้ตัวว่าดาบถูกขวางไว้ ฌอนก็หันดาบไปอีกทางหนึ่ง ฟาดฟันผ่านกรงเล็บอันแหลมคมของหมาป่าทันที

ฌอนในตอนนี้มีกำลังมากถึงสองพันในทุกท่วงท่า ถ้าเพิ่มพลังมหาศาลเข้าไปในดาบ มันจะสร้างพลังตัดผ่านที่น่ากลัวขนาดไหนกัน?

ทันใดนั้น รอยแผลเป็นที่เห็นได้อย่างชัดเจนถูกทิ้งไว้บนกรงเล็บอันแหลมคมของหมาป่า เลือดสีแดงเข้มไหลออกมาจากกรงเล็บไม่หยุดหย่อน

อ๊าก!

ถึงอย่างนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกลับกระตุ้นความดุร้ายของหมาป่าให้มากขึ้นแทน มันไม่คำนึงถึงอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับกรงเล็บตัวเอง เอี้ยวตัวกลับไปหมายกัดกระชากไหล่ของฌอน

ฌอนถอยออกไปโดยไม่ลังเล ขณะที่เขายืนอยู่ห่างออกไปเพียงก้าวเดียว กรามของหมาป่าก็กัดกระชากลงมาตรงตำแหน่งเดิมที่เขายืนอยู่

เมื่อกี้ถ้าเขาเคลื่อนไหวไม่เร็วพอ เกรงว่าร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาคงติดคมเขี้ยวมันไปแล้ว นี่ไม่ใช่การพูดเกินจริงแต่อย่างใด ดูจากปากของหมาป่า ข้อสันนิษฐานนั้นสามารถเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์

หวือ!

ฌอนพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง กดดาบฟันเข้าที่คอของหมาป่า พร้อมกับกระโดดหลบคมเขี้ยวของหมาป่าไปด้วย

แต่เมื่อเขาตวัดดาบเข้าไปตรงกลาง สัตว์ร้ายหมาป่ากลับเกิดความฉลาดขึ้นมาทันที จ่าฝูงหมาป่าสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าของอีกฝ่าย จึงบิดตัวไปอีกด้าน แล้วโฉบหัวลงมากัดอย่างรุนแรง

ฌอนไม่มีทางเลือกนอกจากหันดาบไปอีกทาง ฟันผ่าเข้าไปกลางกบาลของหมาป่า

โครม!

กลางกบาลของหมาป่า จู่ ๆ ก็มีเลือดไหลทะลักออกมาสมทบกับบาดแผลน่าเกลียดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ยิ่งดูน่ากลัวเข้าไปใหญ่

แต่จ่าฝูงหมาป่ากลับโหดเหี้ยมเสียจนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดของตัวเอง เพิกเฉยต่อบาดแผล และพุ่งเข้าหาฌอนไม่ยั้ง

เมื่อเห็นแบบนี้ ฌอนก็รีบเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางหนึ่ง แต่เพราะเขาอยู่ใกล้ปากหมาป่ามากเกินไป จึงได้กลิ่นเหม็นโฉ่ที่โชยออกมาจากปากหมาป่า

ในขณะที่ฌอนกำลังต่อสู่กับจ่าฝูงหมาป่า หัวหน้ากองคาราวาน ชายหนุ่มที่แต่งตัวหรูหรา รวมถึงปู่กับหลานสาวก็รีบมาที่นี่เช่นกัน เร่งรุดไปยังสถานที่ที่ผู้คุ้มกันและสัตว์ร้ายรูปร่างคล้ายหมาป่ากำลังเผชิญหน้า

หัวหน้าของกองคาราวานและชายหนุ่มที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรารู้สึกหวาดกลัวมาก เนื่องจากตอนนี้การซ่อนตัวอยู่ในค่ายไม่ปลอดภัยอีกต่อไป พวกเขาคิดว่าตัวเองควรวิ่งไปอยู่กับผู้คุ้มกันเหล่านั้นคงดีกว่า อย่างน้อยพวกเขายังสามารถช่วยเหลือได้ทันเวลา

ในขณะที่คุณปู่และหลานสาวที่เดินมาด้วยกัน กลับไม่มีร่องรอยความกลัวฉายอยู่บนใบหน้า พวกเขารักษาท่าทีสงบตั้งแต่ต้นจนจบ

เมื่อทั้งสี่มาถึง สิ่งที่พวกเขาเห็นคือฉากที่ฌอนกำลังต่อสู้กับหมาป่า

“หมาป่าตัวใหญ่อะไรอย่างนี้!”

เมื่อเห็นหมาป่าตัวนั้น หัวหน้าของกองคาราวานก็แสดงความประหลาดใจ เขาเดินทางไปทั่วอาณาจักรพร้อมกับกองคาราวาน เห็นสัตว์ร้ายรูปร่างคล้ายหมาป่ามาหลากหลายพันธุ์ แต่หมาป่าที่อยู่ตรงหน้าเขา เป็นหมาป่าตัวใหญ่ที่สุดตั้งแต่เขาเคยเห็นมา

ขนาดอันน่าสะพรึงกลัวของมันเทียบได้กับควายโตเต็มวัยหรืออาจจะสัตว์อื่นที่ใหญ่กว่านั้น

ชายหนุ่มที่แต่งตัวหรูหราตกใจกับความแข็งแกร่งของฌอนยิ่งกว่าเดิม

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายรูปร่างคล้ายหมาป่าตัวใหญ่ ฌอนสามารถต่อสู้กับมันได้อย่างใจเย็นโดยไม่มีวี่แววว่าจะพ่ายแพ้ เป็นความแข็งแกร่งที่น่ากลัวมาก

“คุณปู่ หมาป่าตัวนั้นตัวใหญ่มากเลย!”

เมื่อเห็นหมาป่าตรงหน้า เด็กสาวเบิกตากว้างที่ชื้นไปด้วยน้ำตาพร้อมกับปิดปากน้อย ๆ ของตัวเองเอาไว้ แสดงความตื่นกลัวและประหลาดใจ

“ตัวใหญ่จริง ๆ!”

ชายชรายังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นก่อนหน้า เขาพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กสาว

“เด็กคนนี้น่าสนใจไม่น้อย เขาค้นพบพรสวรรค์ตั้งแต่อายุยังน้อย น่าเสียดายที่เกิดในครอบครัวธรรมดา ถ้าเกิดในตระกูลมาร์ควิสหรือดยุค ความสำเร็จในปัจจุบันของเขาคงเทียบได้กับขุนนางตระกูลดยุคในเมืองหลวง เกรงว่าอาจเก่งกาจกว่านั้นด้วยซ้ำไป”

เขาพูดอย่างใจเย็น แต่คำไม่กี่คำที่เขาพูดอย่างใจเย็นกลับเปิดเผยข้อมูลจำนวนมากที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึง น่าเสียดายที่มีเพียงเด็กสาวเท่านั้นที่ได้ยิน

ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ หรือโรงเรียนอัศวินอื่น ๆ ในราชอาณาจักร ลูกของขุนนางที่เข้ามาเรียนมีตำแหน่งสูงสุดเป็นลูกของตระกูลเอิร์ล ไม่เคยมีลูกของตระกูลมาร์ควิสหรือดยุคปรากฏตัวเลยสักครั้ง

เหตุผลเดียวสำหรับสถานการณ์นี้ คือตระกูลมาร์ควิสและดยุคนั้นสูงส่งเกินกว่าจะฝึกฝนเป็นอัศวิน แม้แต่โรงเรียนอัศวินยุคใหม่ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดในราชอาณาจักรก็ไม่เข้าข่ายเงื่อนไขของพวกเขา

โรงเรียนอัศวินยุคใหม่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง และมีราชวงศ์คอยหนุนหลัง แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องจัดสรรทรัพยากรจำนวนมากให้นักเรียนทุกคนในโรงเรียนอย่างเสมอภาค ทำให้ทรัพยากรคงเหลือแทบไม่เพียงพอ

แต่ตระกูลของมาร์ควิสและดยุคนั้นแตกต่างออกไป ไม่ต้องพูดถึงทรัพยากรอันแสนมั่งคงของคนกลุ่มนี้ ตระกูลของพวกเขามีเด็กวัยรุ่นน้อยคนนัก ส่วนแบ่งทรัพยากรต่อหัวนั้นจึงไม่ควรเทียบเท่ากับนักเรียนอัศวินคนอื่น ๆ ด้วยเงื่อนไขดังกล่าว พวกเขาจะยอมลดตัวลงไปฝึกฝนด้านอัศวินไปทำไมกัน?

สำหรับตำแหน่งอัศวินและความก้าวหน้าทางอาชีพนั้นไม่ใช่ปัญหา

ในฐานะที่เป็นลูกหลานของตระกูลมาร์ควิสและดยุคที่สืบทอดความรุ่งเรืองมาอย่างยาวนาน พวกเขาจะขาดอัศวินและอำนาจระดับสูงในตระกูลไปได้อย่างไร

ทายาทสายตรงบางคนได้รับการชี้แนะจากอัศวินระดับสูงแห่งอาณาจักรตั้งแต่ยังเด็ก ความแข็งแกร่งของผู้ที่เติบโตขึ้นภายใต้การแนะนำของอัศวินผู้แข็งแกร่งหรือจะธรรมดาสามัญ?

แต่เด็กเหล่านี้ในความหมายของชายชรา ดูเหมือนไม่ใช่บุคคลที่หาตัวจับยาก และธรรมดาสามัญราวกับเขาเคยเห็นคนกลุ่มนั้นมานับไม่ถ้วน ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ได้พบเห็นกันง่าย ๆ

ลูกหลานของตระกูลดยุคเหล่านั้นมีอัตลักษณ์สูงส่งยิ่ง ใช่ว่าอยากพบก็สามารถพบได้ทันที ถ้าอีกฝ่ายไม่มีตัวตนหรือสถานระที่เท่าเทียมกันหรือสูงกว่า ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

“คุณปู่ คุณดูชื่นชมเขามากเลยนะคะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา เด็กสาวก็แสดงรอยยิ้มพร้อมกับเผยสีหน้าประหลาดใจในเวลาเดียวกัน

เธอเคยเห็นความแข็งแกร่งของลูกหลานตระกูลดยุคเหล่านั้นมามาก พวกเขาหลายคนมีพละกำลังที่น่าสะพรึงกลัวราวกับอัศวินที่ได้รับการแต่งตั้งทั้งที่ยังไม่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่คุณปู่กลับยกย่องเด็กหนุ่มตรงหน้าเทียบเท่ากับพวกเขาเหล่านั้น

“เขาสมควรได้รับการยกย่องจริง ๆ”

ชายชรายกยิ้มเล็กน้อย มองไปที่ฌอนอย่างใจเย็น สายตาเขาจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของฌอนโดยไม่ให้คลาดสายตา

ด้วยช่วงวัยของเขา ถ้าไม่มีทรัพยากรเพียงพอ การไปถึงระดับนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาเขากลับมีพรสวรรค์อัศวินอยู่ในระดับปานกลาง และสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าคือพรสวรรค์ด้านฝีมือดาบของเด็กหนุ่ม

จากกระบวนท่าการใช้ดาบของเด็กหนุ่มคนนี้ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายมีความสัมพันธ์กับดาบอย่างลึกล้ำ คาดเดาว่าพรสวรรค์ด้านฝีมือดาบของเขาคงอยู่ในระดับสูงสุด เป็นนักดาบอัจฉริยะอย่างแท้จริง

“คุณปู่ หรือว่าคุณอยาก…”

เด็กสาวเห็นว่าชายชรายกย่องเด็กหนุ่มถึงขั้นนี้ ก็อดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้ขณะที่พูดอย่างนั้น

ชายชราส่ายหน้าขัดจังหวะหญิงสาว

“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ปู่อาจจะยังมีความคิดทำนองนั้นอยู่ แต่ตอนนี้ปู่แก่ตัวลงมากแล้ว ไม่มีพลังแบบนั้นอีกต่อไป”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เด็กสาวก็รู้สึกสงสารเด็กหนุ่มขึ้นมา มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าเด็กหนุ่มกำลังจะพลาดโอกาสแบบไหนไป ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มจะเสียใจแค่ไหนเมื่อรู้เรื่องเหล่านี้ในอีกหลายปีให้หลัง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด