[ตอนฟรี] ตอนที่ 9 : เหรียญตราจ้าวเทวะ
หลานชิงหย่าถึงกับตะลึง ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
นางปิดแก้มอันร้อนผ่าวที่โดนตบและมองจวินจ้างเจี้ยนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ใบหน้าของจวินจ้างเจี้ยนแสดงออกถึงความมืดมนเป็นอย่างมากและความเย็นชาก็ปรากฏในดวงตาของเขา
“นายน้อยจ้างเจี้ยน นี่ท่านตบหน้าข้า?” หลานชิงหย่ากล่าวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
รู้สึกถึงแก้มที่เริ่มบวกมากขึ้นเรื่อยๆ หลานชิงหย่ารู้สึกราวกับว่านางกำลังฝัน
ไม่ใช่ว่าจวินจ้างเจี้ยนยอมเชื่อฟังนางมาตลอดเลยรึ?
เพราะเหตุนี้ยิ่งทำให้หลานชิงหย่ารู้สึกว่าตัวตนลำดับแห่งตระกูลจวินไม่ได้สูงส่งอะไรมากเลย
หลานชิงหย่ากระทั่งเคยจินตนาการว่าในอนาคต นางจะสามารถควบคุมจวินจ้างเจี้ยนได้อย่างสมบูรณ์และทำตามที่นางบอกทุกอย่าง
ถามหน่อยว่าผู้ติดตามที่มีแซ่เป็นคนนอกคนไหนจะสามารถควบคุมตัวตนลำดับแห่งตระกูลจวินได้?
หลานชิงหย่าผู้นี้สามารถ!
แต่ตอนนี้ เมื่อมองไปที่ใบหน้าอันมืดมนของจวินจ้างเจี้ยน หลานชิงหย่ารู้สึกราวกับว่านางได้กลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว
“ใครบอกให้เจ้าไปยั่วยุจวินเซียวเหยา?” จวินจ้างเจี้ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่กำลังพยายามข่มความโกรธ
“ข้า… ข้านึกถึงหน้าท่านเสมอนะนายน้อยจ้างเจี้ยน ก่อนหน้านี้ท่านเลือกจวินหลิงหลงให้ติดตามท่านแต่นางเมินเฉย แต่ท้ายที่สุดนางกลับยินยอมที่จะติดตามจวินเซียวเหยานั่น…” หลานชิงหย่ายังคงพูดปกป้องตัวเอง
“นังโง่!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น จวินจ้างเจี้ยนก็อดไม่ได้ที่จะตบหน้าอีกครึ่งหนึ่งของหลานชิงหย่าอีกครั้ง
หลานชิงหย่าถูกตบปลิวออกไป ทำให้ปากของนางแตกและเลือดไหลออกมามากมาย
“เจ้ารู้ตัวตนของจวินเซียวเหยารึเปล่าและบิดาของเขาล่ะ เป็นใคร?” จวินจ้างเจี้ยนโมโหอย่างแท้จริง
หลานชิงหย่าคนนี้คิดว่าตำแหน่งของเขาในสถานะลำดับมันจะมั่นคงเกินไปเลยต้องการที่จะสั่นคลอนมันเล่นรึ?
“ไม่ใช่จวินหวูหุ่ย ที่ตอนนี้ไม่รู้ไปอยู่ไหนหรอกหรือ!” หลานชิงหย่ากัดฟันสีเงินของนางและแสดงออกด้วยสีหน้าอันน่าเกลียด
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ดูหมิ่นท่านลุงหวูหุ่ย!”
จวินจ้างเจี้ยนตบหน้าหลานชิงหย่าไปมากกว่าสิบครั้งในคราเดียว แก้มของนางบวมเป่งจนดูเหมือนกับหัวหมู
ผู้ติดตามทั้งหมดโดยรอบต่างตะลึงงัน
นี่พระอาทิตย์กำลังขึ้นทางทิศตะวันตกงั้นหรือ?
“ไม่เพียงแต่จวินเซียวเหยาเป็นลูกชายของท่านลุงหวูหุ่ย แม้แต่มารดาของเขาก็ยังเป็นเทพธิดาแห่งตระกูลเจียงและเขายังเป็นคนที่ท่านบรรพชนที่สิบแปดให้ความสำคัญอีกด้วย แล้วแบบนี้เจ้าพยายามยั่วยุเขาเพราะต้องการให้ข้าสูญเสียตำแหน่งลำดับสิบในสถานะลำดับรึไง?”
จวินจ้างเจี้ยนอยากจะตบหลานชิงหย่าให้ตายไปเลยจริงๆ
แน่นอนว่าการยั่วยุใครสักคนย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่นี่ผู้ติดตามของเขากลับไปยั่วยุจวินเซียวเหยาผู้ที่มีสถานะและภูมิหลังสูงสุดซะเอง
“นายน้อยจ้างเจี้ยน ชิงหย่าผิดไปแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตชิงหย่าด้วย!” หลานชิงหย่ารีบคุกเข่าลงและเอาหัวโขกกับพื้นในขณะที่เลือดไหลเต็มคาง
นางได้คำนวณทุกอย่างไว้หมดแล้ว แต่นางกลับไม่เคยคาดคิดว่าจวินจ้างเจี้ยนจะหวาดกลัวจวินเซียวเหยาถึงขนาดที่ไม่มีความลังเลที่จะลงมือกับนางเลย
“ลุกขึ้น ไปสารภาพความผิดของเจ้าต่อจวินเซียวเหยาซะ!” จวินจ้างเจี้ยนกล่าวด้วยใบหน้าเฉยเมย
“นายน้อยจ้างเจี้ยน นี่…” หลานชิงหย่าราวกับถูกฟ้าผ่า
ถ้าหากเป็นเช่นนี้ นางจะมีหน้าอาศัยอยู่ในตระกูลจวินในอนาคตได้อย่างไร?
และการบอกให้นางก้มหัวและสารภาพผิดต่อหน้าของจวินหลิงหลงยิ่งทำให้นางรู้สึกอึดอัดมากกว่าการยอมกินอุจจาระซะอีก
“หือ? ไม่ไปรึ?” ดวงตาของจวินจ้างเจี้ยนฉายแววตาอันแหลมคมราวกับกระบี่
“ข้าจะไป…” หลานชิงหย่ารู้สึกหวาดกลัว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความอัปยศอดสู
ต่อมา ผู้ติดตามคนหนึ่งได้นำกิ่งหนามมัดหนึ่งมาและสั่งให้หลานชิงหย่าแบกไว้บนหลัง
กิ่งหนามอันแหลมคมทิ่มแทงแผ่นหลังอันขาวนวลของนาง ทำให้หลานชิงหย่าครวญครางด้วยความเจ็บปวด
“ลืมมันไปเถอะ ข้าจะไปกับเจ้าเองเพื่อแสดงความจริงใจ” จวินจ้างเจี้ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจไปกับนาง
หลานชิงหย่ายิ่งสิ้นหวังมากขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกของนางที่เห็นจวินจ้างเจี้ยนรู้สึกกระวนกระวาย
แล้วจวินเซียวเหยาจะสูงส่งมากขนาดไหน ถึงสามารถทำให้จวินจ้างเจี้ยนรู้สึกหวาดกลัวได้ขนาดนี้?
จากนั้นจวินจ้างเจี้ยนจึงนำหลานชิงหย่าที่กำลังแบกกิ่งหนามเพื่อสารภาพผิดออกจากเกาะแห่งจิตวิญญาณและมุ่งตรงไปที่พระราชวังเทียนตี้
ระหว่างทาง ศิษย์รุ่นเยาว์ตระกูลจวินหลายคนสังเกตเห็นทั้งคู่
“นั่นมัน… จวินจ้างเจี้ยนแห่งลำดับสิบ เขาออกจากการปิดด่านแล้วรึ?”
“ความแข็งแกร่งของจวินจ้างเจี้ยนเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ดูเหมือนว่าเขากำลังมุ่งตรงไปที่พระราชวังเทียนตี้ เป็นไปได้รึเปล่าว่าเขากำลังจะไปสร้างปัญหาให้กับบุตรพระเจ้า?”
“ไม่ใช่ ดูที่หลานชิงหย่าสิ…”
หลายดวงตาจ้องมอง
เมื่อมองไปที่หลานชิงหย่าซึ่งกำลังโดนลงโทษ บนแผ่นหลังอันขาวนวลปกคลุมไปด้วยคราบเลือดแห้งกรัง แก้มของนางแดงและบวมเป่ง มุมปากของนางแตกและเลือดไหลออกมา ทำให้นางดูน่าอับอายมากยิ่งขึ้นไปอีก
“เป็นไปได้รึเปล่าว่าจวินจ้างเจี้ยนไม่ได้จะทวงหาความยุติธรรม แต่เป็น…การไปขอโทษ?”
ศิษย์รุ่นเยาว์ตระกูลจวินทั้งหมดต่างตกตะลึง
ลำดับสิบผู้น่าเกรงขามแห่งตระกูลจวินเป็นผู้ยอมรับผิดเองโดยตรง?
“ไอหยา ไอหยา ข้าเกรงว่าคงจะมีแค่ใต้เท้าบุตรพระเจ้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะเอาชนะเหล่าลำดับได้โดยไม่ต้องออกแรงสู้” ชายหนุ่มคนหนึ่งในตระกูลจวินอุทาน
ท่ามกลางสิบลำดับ มีใครที่ไม่เต็มไปด้วยหยิ่งผยองบ้าง?
มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะศัตรูได้โดยไม่ต้องต่อสู้
แต่จวินเซียวเหยาสามารถทำได้
ภายในพระราชวังเทียนตี้ จวินเซียวเหยากำลังพักผ่อน
สาวใช้คนสวยจวินหลิงหลงกำลังชงชาให้กับจวินเซียวเหยา
ใช้น้ำค้างหมื่นปีต้มเป็นน้ำร้อนและชงคู่กับใบชาที่เด็ดมาจากต้นพฤกษาโบราณแห่งการรู้แจ้งเต๋า
สำหรับชาถ้วยนี้ หากเปลี่ยนเป็นโลกภายนอก ผู้บ่มเพาะทั่วไปบางคนอาจจะไม่มีโอกาสทั้งชีวิตที่จะได้ลิ้มลองมัน
แต่จวินเซียวเหยาดื่มมันทุกวัน
“นายท่าน โปรดดื่ม…” จวินหลิงหลงยื่นถ้วยชาให้ และปฏิบัติตัวราวกับสาวใช้ผู้รอบคอบและพิถีพิถัน
จวินเซียวเหยารับถ้วยชา จิบไปหนึ่งครั้ง พยักหน้าและกล่าว “เจ้าทำได้ดีเลย…”
ใบหน้าอันน่ารักของจวินหลิงหลงแดงก่ำทันที คำชมนั้นหมายถึงการชงชารึเปล่า?
ในตอนนั้นเอง องครักษ์ประจำพระราชวังเทียนตี้ตะโกนอย่างเคารพนอบน้อมจากหน้าประตู “ใต้เท้าบุตรพระเจ้า ท่านจวินจ้างเจี้ยนได้มาถึงพระราชวังเทียนตี้แล้วขอรับ”
“ในที่สุดก็มาถึงแล้วรึ? ปล่อยให้ข้ารอมาตั้งหลายวัน” ดวงตาของจวินเซียวเหยาเปล่งประกาย เรี่ยวแรงที่หายไปก็กลับคืนมา
ในที่สุด เนื้อเรื่องประมาณว่าตัวประกอบมาให้ตบก็เริ่มแล้วสินะ?
หลานชิงหย่าต้องกลับไปและร้องไห้ฟูมฟาย ทำให้จวินจ้างเจี้ยนเกรี้ยวกราด จากนั้นก็ตัดสินใจที่จะมาสอนบทเรียนให้กับเขา
จวินเซียวเหยาอยากได้คนมาทดสอบพลังเทพคชสารทลายโลกันตร์ของเขาด้วยพอดี
ใบหน้าอันน่ารักของจวินหลิงหลงยังคงสงบ นางรู้ดีว่าจวินจ้างเจี้ยนผู้นั้นไม่มีความสามารถพอที่จะทำอะไรจวินเซียวเหยาได้
“ฮ่าฮ่า น้องชายเซียวเหยา นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกันตั้งแต่เจ้าเติบใหญ่เลยนะ แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่ามันจะลงเอยเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
น้ำเสียงอันทุ้มไพเราะดังขึ้นและจวินจ้างเจี้ยนก็ก้าวเท้าเข้ามาในประตู ตามมาด้วยหลานชิงหย่าที่ก้มหน้าต่ำและแบกมัดกิ่งหนามไว้บนหลังอย่างน่าอับอาย
“เฮ้ เดี๋ยวก่อน นี่…มันไม่ถูกต้องนะ…” เมื่อเห็นแบบนี้ จวินเซียวเหยารู้สึกตงิดในใจ
เขารู้สึกได้ว่าจวินจ้างเจี้ยนนั้นไม่เล่นตามเนื้อเรื่อง
“ผู้ติดตามภายใต้บัญชาของข้าได้ยั่วยุน้องชายเซียวเหยา ข้าจึงสั่งให้นางมาที่นี่เป็นพิเศษเพื่อสารภาพผิดต่อเจ้า ข้าหวังว่าน้องชายเซียวเหยาผู้ใจกว้างจะรับคำขอโทษนี้” จวินจ้างเทียนยิ้มเล็กน้อย
หลานชิงหย่ากัดฟันแน่นและรู้สึกอัปยศเป็นอย่างมาก แต่นางยังคุกเข่าลงบนพื้น
หลังจากบีบเคล้นคำพูดอย่างไม่ยินยอม ประโยคก็ออกมาจากปาก “ข้าหวังว่าใต้เท้าบุตรพระเจ้าและจวินหลิงหลงจะยกโทษให้กับชิงหย่า…”
หลังจากกล่าวออกมา หลานชิงหย่าแทบอยากจะมุดหัวของนางลงไปในดิน
สีหน้าของจวินหลิงหลงเย็นชา
ส่วนจวินเซียวเหยายังคงเงียบเช่นกัน
เห็นแบบนี้ เปลือกตาของจวินจ้างเจี้ยนถึงกับกระตุก
เขากลัวจริงๆ ว่าจวินเซียวเหยาจะนำไปบอกกับท่านบรรพชนที่สิบแปด หากมันเกิดขึ้น อนาคตสถานะลำดับของเขาคงจะย่อยยับอย่างสมบูรณ์
หลังจากแอบกัดฟันแน่น จวินจ้างเจี้ยนจึงตัดสินใจนำเหรียญตราออกมาและกล่าว “ยังไงก็ตาม ข้าเคยออกไปฝึกฝนที่โลกภายนอกมาก่อน และข้าก็ได้รับเหรียญตราจ้าวเทวะหยวนเทียนมาสองเหรียญโดยบังเอิญ ลือกันว่ามันอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับคลังสมบัติลับแห่งจ้าวเทวะหยวนเทียน มันไร้ประโยชน์สำหรับข้าที่จะเก็บไว้สองชิ้น ข้าอยากจะมอบมันให้กับน้องชายเซียวเหยาชิ้นหนึ่ง”
“คลังสมบัติลับจ้าวเทวะ!” ในดวงตาอันงดงามของจวินหลิงหลงปรากฏความตกตะลึงอย่างลับๆ เหนือขึ้นไปจากขอบเขตศักดิ์สิทธิ์คือขอบเขตจ้าวเทวะ
นั่นคือตัวตนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของแดนสวรรค์โดยแท้จริง เป็นอมตะและมิอาจถูกทำลาย เป็นตัวตนที่ขัดกับกาลเวลาในทุกยุคสมัย
มูลค่าของสมบัติแห่งจ้าวเทวะเช่นนี้ไม่อาจจินตนาการถึง!
หากเหรียญตราเช่นนี้ถูกปล่อยออกไปสู่โลกภายนอก มันจะก่อให้เกิดพายุแห่งการนองเลือด ดึงดูดผู้บ่มเพาะนับไม่ถ้วนจากทุกทิศทางให้มาต่อสู้แย่งชิงจนกว่าจะตกตายกันหมด!
แม้แต่จวินจ้างเจี้ยนยังใช้ความพยายามเป็นอย่างมากและจ่ายออกไปเป็นเงินมหาศาลเพื่อให้ได้รับสองชิ้น
จวินเซียวเหยารู้สึกประหลาดใจ ไม่คาดคิดเลยว่าจวินจ้างเจี้ยนเต็มใจที่จะนำของดีเช่นนี้มอบให้กับเขา
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงจักรกลของระบบได้ดังขึ้นในความคิดของเขา
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ สถานที่ลงชื่อแห่งใหม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง!”
“กรุณาลงชื่อ ณ คลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียน!”
“มีสถานที่ลงชื่อแห่งใหม่ด้วยรึ?” ดวงตาของจวินเซียวเหยาปรากฏประกายแสง
เขาเริ่มค้นพบกฎบางอย่างของระบบลงชื่อ
ข้อแรก สถานที่ลงชื่อมีได้หลายสถานที่ในเวลาเดียวกัน
ข้อสอง สถานที่ลงชื่อสามารถกระตุ้นด้วยการเกิดเหตุการณ์ต่างๆ
ยกตัวอย่าง ทันทีที่เขาได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับคลังสมบัติลับแห่งจ้าวเทวะหยวนเทียน สถานที่ลงชื่อก็มีการเปลี่ยนแปลงทันที
“ตอนนี้ลืมมันไปก่อนละกัน ดูเหมือนว่าข้าจะต้องไปที่นั่นในอนาคตอยู่ดี” จวินเซียวเหยาคิดในใจ
โอกาสที่จะได้ลงชื่อนั้นหาได้ยากมาก แต่รางวัลลับเหล่านั้นมันก็น่าหลงใหลเช่นกัน
“พี่ชายจ้างเจี้ยน ท่านช่างมองการณ์ไกลจริงๆ …”
จวินเซียวเหยายิ้มเล็กน้อยพลันยกมือขึ้นและเคลื่อนไหว เหรียญตราจ้าวเทวะหยวนเทียนจึงตกลงในมือของเขา
มุมปากของจวินจ้างเจี้ยนถึงกับกระตุก
ข้าว่าข้าเองก็เหลี่ยมเยอะอยู่พอตัว แต่เจ้าเด็กคนนี้กลับเหลี่ยมเยอะกว่าข้าซะอีก
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่จวินจ้างเจี้ยนรู้สึกใจสลาย เขายังรู้สึกตกตะลึงด้วยเช่นกัน
“เป็นพลังปราณที่น่าเกรงขามยิ่งนัก ถึงกับแปรเปลี่ยนเป็นปราณทองคำ เป็นไปได้รึไม่ว่ามันคือกายาเทพบรรพกาลอย่างที่ลือกัน?”
จวินจ้างเจี้ยนรู้สึกตื่นตระหนกในใจและยิ่งหวาดกลัวจวินเซียวเหยามากขึ้นไปอีก
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่อ่านจนจบ)