[ตอนฟรี] ตอนที่ 8 : จวินจ้างเจี้ยนปรากฏกาย
หลังจากนั้น จวินเซียวเหยาได้นำจวินหลิงหลงและจวินจ้านเทียนกลับไปยังพระราชวังเทียนตี้
ส่วนรุ่นเยาว์ตระกูลจวินคนอื่นในสนามประลอง ทำได้เพียงเฝ้าดูพวกเขาจากไปด้วยความอิจฉาและหวาดกลัว
หากผลลัพธ์ของจวินเซียวเหยาออกมาไม่ดี ทุกคนก็จะลอบตำหนิในใจเป็นธรรมดา
แต่ตอนนี้ ความสำเร็จของจวินเซียวเหยาได้พิชิตทุกคนโดยสมบูรณ์
เจ้าไม่เห็นหรือว่าแม้แต่จวินหลิงหลงยังเต็มใจที่จะเป็นสาวใช้ส่วนตัวของจวินเซียวเหยา?
“เจ้าคิดว่าจวินจ้างเจี้ยนจะหาทางกู้หน้าคืนรึเปล่า?” ชายหนุ่มคนหนึ่งถามด้วยความสนใจ
“ไม่มีทาง ตราบใดที่จวินจ้างเจี้ยนฉลาดพอ เขาก็ไม่ควรไปยั่วยุบุตรพระเจ้า” คนที่เหลือกล่าวพร้อมส่ายหัว
ทุกคนรู้กันดีว่าจวินเซียวเหยาถูกประเมินไว้สูงมากโดยบรรพชนที่สิบแปดและยังมีอนาคตอันสดใส เขามีชะตาที่ถูกกำหนดให้กลายเป็นเสาหลักของตระกูลจวินในอนาคต
หากจวินจ้างเจี้ยนมีปัญหากับจวินเซียวเหยาเพียงเพราะหลานชิงหย่า มันคงเป็นเรื่องที่โง่เง่าอย่างมาก
ส่วนตัวของจวินเซียวเหยานั้น เขาไม่ได้นำเรื่องของจวินจ้างเจี้ยนมาใส่ใจด้วยซ้ำ
ถ้าหากจวินจ้างเจี้ยนมาเพื่อถามหาความยุติธรรมให้กับหลานชิงหย่า จวินเซียวเหยาจะยินดีมากที่ได้สู้กับเขา
“ที่นี่คือพระราชวังเทียนตี้?”
จวินหลิงหลงมองไปที่พระราชวังอันตระหง่านตาตรงหน้า การแสดงออกของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ถึงแม้สถานะของนางจะนับว่าสูง แต่นางก็ไม่มีคุณสมบัติในการเข้ามาพักอาศัยในพระราชวังเทียนตี้
“ทำตัวสบายๆ ไม่ต้องเกร็ง” จวินเซียวเหยาโบกมือ
“ขอบคุณนายท่าน” จวินหลิงหลงโค้งคำนับจวินเซียวเหยาแล้วยิ้มอย่างอ่อนหวาน
“ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้อื่น คงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้จวินหลิงหลงแสดงออกเช่นนี้ แต่ข้ากลับสามารถรับนางเป็นสาวใช้ได้ตามต้องการ นี่คือพลังของอำนาจและสถานะสินะ?” จวินเซียวเหยาถึงกับพูดไม่ออก
การกลับมาเกิดใหม่คืองานที่ต้องมีความเป็นมืออาชีพโดยแท้
“จะว่าไปแล้ว ท่านปู่ หลังจากนี้ข้าจะให้หลิงหลงเป็นผู้ดูแลเรื่องต่างๆ ในแต่ละวัน ดังนั้นท่านไม่ต้องเหนื่อยมาหาข้าทุกวันอีกแล้ว” จวินเซียวเหยาหันไปกล่าว
“เหอะ เจ้าหลานคนนี้…” จวินจ้านเทียนเป่าเคราตัวเองและหรี่ตามอง
พอได้สาวสวยมาเป็นสาวรับใช้ก็ถีบหัวส่งท่านปู่เลยใช่ไหม?
ถึงมันจะช่วยไม่ได้ แต่จวินเซียวเหยายังคงต้องประนีประนอมกับจวินจ้านเทียน เพราะเขาจำเป็นต้องมาเป็นบางครั้งเพื่อสั่งสอนเรื่องต่างๆ ให้จวินเซียวเหยา
หลายวันถัดมา จวินเซียวเหยาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำความเข้าใจเคล็ดฝึกฝนร่างกายพลังเทพคชสารทลายโลกันตร์
พลังเทพคชสารทลายโลกันตร์ไม่ได้มีเพียงแค่การบ่มเพาะพลังกายอันมหาศาลเท่านั้น แต่ยังประกอบไปด้วยทักษะอันหลากหลายที่สามารถฝึกฝนได้ด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่างทักษะการโจมตีที่ทรงพลังที่สุด ทักษะหอกเทพอเวจี
เพราะเทพคชสารบรรพกาลสามารถปราบปรามขุมนรกอันไร้ก้นบึ้ง ดูดซับปราณนรกและควบแน่นเป็นหอกอันทรงพลังที่ทะลวงทุกสิ่ง
นอกจากนั้นยังมีทักษะการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยเช่นกันนั่นคือทักษะเทพนรกปกปัก กล่าวได้ว่าไร้เทียมทานจนมิอาจทำลาย
มันกระทั่งว่าสามารถสำแดงปีกแห่งมารขึ้นมาได้ หนึ่งปีกกระพือ หนึ่งความว่างเปล่าฉีกขาด
เมื่อจวินเซียวเหยามีความเข้าใจลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ทักษะที่มากยิ่งขึ้นก็จะถูกปลดล็อกในอนาคต
ในขั้นสุดท้าย มันกระทั่งสามารถสำแดงเทพคชสารบรรพกาลที่แท้จริงได้หรืออัญเชิญประตูแห่งยมโลก เพื่อเรียกเหล่าปีศาจนับอนันต์ออกมาต่อสู้ให้กับจวินเซียวเหยา!
“พลังเทพคชสารทลายโลกันตร์นี้เหมาะสมแล้วที่จะฝึกฝน” จวินเซียวเหยาเต็มไปด้วยความชื่นชม
ถึงแม้ตระกูลจวินจะมีเคล็ดฝึกฝนร่างกายระดับสูงมากมาย แต่ในแง่ของการนำมาใช้งานจริงพวกมันยังไม่สมบูรณ์เท่ากับพลังเทพคชสารทลายโลกันตร์
“ข้าหวังจริงๆ ว่าจะยังมีโอกาสให้ลงชื่ออีก” จวินเซียวเหยาแทบรอไม่ไหวที่จะได้ลงชื่ออีก
ติ๊ง!
ในทันที เสียงจักรกลของระบบได้ดังขึ้นในความคิดของจวินเซียวเหยาอีกครั้ง
“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ สถานที่ลงชื่อแห่งใหม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง!”
“กรุณาลงชื่อ ณ งานเลี้ยงฉลองวันเกิดสิบปี!”
เมื่อจวินเซียวเหยาได้ยินเสียงคำพูดนี้ เขาผงะเล็กน้อย “งานเลี้ยงฉลองวันเกิดสิบปี หมายถึงงานของข้ารึ?”
เขาได้ยินจากจวินจ้านเทียนว่าเมื่อเขาอายุครบสิบปี ตระกูลจวินจะจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดสิบปีอันยิ่งใหญ่ให้กับเขา
ในเวลานั้น ขุมกำลังมากมายในแดนอมตะหวงเทียน เหล่าตระกูลโบราณ นิกายระดับสูงและขุมกำลังอื่นๆ จะได้รับเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงทั้งหมด
แม้แต่ตัวตนลำดับศูนย์ของจวินเซียวเหยาก็จะถูกประกาศออกไปในงานเลี้ยงเช่นกัน
งานเลี้ยงในครั้งนี้จึงนับได้ว่าเป็นการเผยตัวครั้งแรกของจวินเซียวเหยาสู่สาธารณชน
“ดูเหมือนว่าสถานที่และเวลาในการลงชื่อจะเป็นการสุ่มขึ้นมาและไม่มีข้อกำหนดตายตัว” จวินเซียวเหยาครุ่นคิด
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร พลังเทพคชสารทลายโลกันตร์และวิถีเทพเกลาวิญญาณก็เพียงพอสำหรับจวินเซียวเหยาในการฝึกฝนแล้วตอนนี้
“ข้าจะตั้งตารองานเลี้ยงฉลองวันเกิดสิบปีก็แล้วกัน…” จวินเซียวเหยายิ้มเล็กน้อย
“ว่าแต่ ทำไมจวินจ้างเจี้ยนถึงไม่มีการเคลื่อนไหวใดเลยล่ะ? หรือว่าเจ้านั่นเป็นพวกขี้ขลาดตาขาว?”
จวินเซียวเหยาบ่นพึมพำกับตัวเองและแอบรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
...
ในเวลาเดียวกัน
ภายในตระกูลจวิน มีเกาะแห่งจิตวิญญาณเกาะหนึ่งกำลังลอยอยู่เหนือความว่างเปล่า
สิบลำดับแห่งตระกูลจวินจะได้รับการปฏิบัติค่อนข้างแตกต่างจากศิษย์ทั่วไป แต่ละคนจะได้รับคฤหาสน์ส่วนตัวเป็นของตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นวังแห่งสวรรค์ หรือเกาะแห่งจิตวิญญาณ หรือถ้ำสรวงสวรรค์
เจ้าของเกาะแห่งจิตวิญญาณนี้คือลำดับสิบแห่งตระกูลจวิน อันเป็นคฤหาสน์ส่วนตัวของจวินจ้างเจี้ยน
บนเกาะแห่งจิตวิญญาณนั้นมียอดเขาสูงตระหง่าน ดูคล้ายกับกระบี่อันมโหฬารที่กำลังเสียดแทงสู่ท้องนภา รอบยอดเขาสูงกำลังแผ่กระจายปราณกระบี่ไปทั่วราวกับพลังแห่งสวรรค์!
ที่เชิงเขา หลานชิงหย่าในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าได้รอคอยอยู่ตรงนี้มานานหลายวัน
“นายน้อยจ้างเจี้ยนยังไม่ได้ออกจากการปิดด่านอีกหรือ?” หลานชิงหย่าแสดงออกถึงความวิตกกังวล ความคับแค้นใจและการยอมจำนน
ยิ่งหลานชิงหย่านึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่สนามประลองเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกเศร้าและโกรธมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
แต่นางไม่กล้าที่จะสร้างปัญหาให้กับจวินเซียวเหยาและจวินหลิงหลง ดังนั้นนางจึงทำได้แค่พึ่งพาจวินจ้างเจี้ยนเท่านั้น
ในอดีต ทุกครั้งที่ใครบางคนได้ยั่วยุหลานชิงหย่า ตราบใดที่พวกเขาได้เจอกับจวินจ้างเจี้ยน คนเหล่านั้นต้องเป็นฝ่ายขออภัยทุกครั้งในตอนจบ
เพราะเหตุผลนี้เองที่ทำให้หลานชิงหย่าบ่มเพาะความหยิ่งผยองในตัวเอง
บูมม!
ในเวลานี้ คลื่นขนาดมหึมาได้แผ่กระจายออกมาอย่างกะทันหันจากยอดเขา
พายุพลังปราณอันน่าสะพรึงได้เคลื่อนไปมาระหว่างผืนฟ้าและแผ่นดินราวกับพายุใหญ่กำลังก่อตัว
“นั่นนายน้อยจ้างเจี้ยน นายน้อยได้ทะลวงผ่านแล้ว!”
บนเกาะแห่งจิตวิญญาณ ผู้ติดตามบางคนของจวินจ้างเจี้ยนต่างพากันตกใจและหันไปมองบนยอดบนสุดของภูเขา
ความคับแค้นใจบนใบหน้าของหลานชิงหย่าได้หายไป แทนที่ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
จวินจ้างเจี้ยนทะลวงผ่าน ความแข็งแกร่งของเขากำลังพุ่งทะยานอีกครั้ง มันจะต้องช่วยระบายความโกรธให้กับนางได้แน่นอน
ไม่ต้องถึงขนาดสอนบทเรียนให้กับจวินเซียวเหยา แต่อย่างน้อยที่สุดก็ต้องสอนบทเรียนให้กับจวินหลิงหลง
บนยอดสุดของภูเขา เด็กหนุ่มในชุดคลุมสีดำพร้อมกระบี่ห้อยอยู่ด้านหลังเดินก้าวในอากาศลงมาทีละก้าว
กล่าวโดยทั่วไป หลังจากขอบเขตทะเลจิตวิญญาณ ถัดมาคือขอบเขตวิหารศักดิ์สิทธิ์ซึ่งผู้หนึ่งจะสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้
มันชัดเจนแล้วว่าเด็กหนุ่มในชุดคลุมสีดำผู้นี้คือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตวิหารศักดิ์สิทธิ์
เขามีอายุประมาณสิบสามถึงสิบสี่ปี ผมสีดำยาวสลวย ดวงตาดำอันลึกล้ำ บรรยากาศรอบตัวของเขาราวกับกระบี่เทวะอันน่าหวาดหวั่นที่เสียดแทงสู่สวรรค์
เด็กหนุ่มผู้นี้คือลำดับสิบแห่งตระกูลจวิน จวินจ้างเจี้ยน!
ลือกันว่าในวันที่เขาถือกำเนิด มือกระบี่ทุกคนในตระกูลจวินพร้อมใจกันดึงกระบี่ออกจากฝักของตัวเองและชูไปยังทิศทางที่จวินจ้างเจี้ยนเกิด
เขานั้นกำเนิดมาพร้อมกับดวงใจกระบี่วิสุทธิ์และกายากระบี่คงกระพัน ซึ่งสามารถกักเก็บปราณกระบี่ไว้ในร่างกายได้อย่างไร้ขีดจำกัด เขายังมีพรสวรรค์กระบี่ พรสวรรค์การต่อสู้ และพรสวรรค์ด้านวิทยายุทธระดับสัตว์ประหลาดด้วยเช่นกัน จึงทำให้กลายเป็นหนึ่งในสิบลำดับ
แม้ว่าจะเป็นเพียงลำดับสิบซึ่งอยู่ล่างสุดของการจัดอันดับ แต่อย่าได้คิดจะประมาทเขาแม้แต่น้อย
อย่างที่รู้กันว่าทั้งตระกูลจวินมีเหล่ารุ่นเยาว์พรสวรรค์ระดับสูงมากกว่าหมื่นคน จึงเป็นเรื่องยากมากขึ้นไปอีกที่จะได้รับสถานะลำดับ
ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเหมือนกับจวินเซียวเหยา ผู้เกิดมาอย่างสูงส่งพร้อมกับสถานะอันพิเศษ
“ชิงหย่า เจ้ากำลังรอข้าอยู่งั้นหรือ?”
เมื่อจวินจ้างเจี้ยนร่อนลงสู่พื้นดิน เหล่าผู้ติดตามโดยรอบพากันโค้งคำนับ แต่จวินจ้างเจี้ยนเพียงเมินเฉยและมองแค่หลานชิงหย่า
“นายน้อยจ้างเจี้ยน!”
หลานชิงหย่าบีบน้ำตาออกมาเล็กน้อยและโผตัวเข้าสู่อ้อมแขนของจวินจ้างเจี้ยนด้วยสีหน้าอันคับแค้นใจ
“นังคนนี้นี่…” ผู้ติดตามคนอื่นสบถในใจและมองด้วยสายตาเหยียดหยาม
ในฐานะของผู้ติดตามจวินจ้างเจี้ยน พวกเขาไม่อาจจะเข้าใจท่าทางของหลานชิงหย่าได้เลย
นางกล่าวว่าจวินหลิงหลงเป็นพวกแสร้งทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์ แต่นางต่างหากคือพวกที่แสร้งทำตัวเป็นคนใสซื่อตัวจริง
“เกิดอะไรขึ้นรึ ใครมาทำให้เจ้ารู้สึกแย่อีกแล้ว?” จวินจ้างเจี้ยนยิ้มจางๆ
เขารู้สึกหลงใหลในหลานชิงหย่ามากๆ ทัศนคติของเขาที่มีต่อนางจึงแตกต่างจากผู้ติดตามที่เหลือ
“เรื่องมันเป็นเช่นนี้…” หลานชิงหย่าจึงเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง
จากนั้นนางก็เอาแต่ร้องไห้เสียใจกับตัวเอง “นายน้อย ชิงหย่าเพียงแค่นึกถึงหน้าของท่าน ใครจะไปคิดว่าจวินเซียวเหยาและจวินหลิงหลงนั่นจะ…”
“เจ้าพูดว่า…เจ้าไปทำให้จวินเซียวเหยาขุ่นเคืองรึ?”
ผมยาวดำกำลังปกปิดดวงตาทั้งสองข้างของจวินจ้างเจี้ยน ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะเห็นสีหน้าของเขาอย่างชัดเจน
“เป็นเช่นนั้น นายน้อยจ้างเจี้ยน ท่านต้องทวงความยุติธรรมให้ชิงหย่านะ…” หลานชิงหย่ากล่าวด้วยความเสียใจ
เพี๊ยะ!
ยังไงก็ตาม สิ่งที่ตอบรับนางกลับกลายเป็นเสียงตบหน้าเสียงดังสนั่น!
“นี่เจ้าพยายามจะฆ่าข้ารึไง!?”
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่อ่านจนจบ)