ตอนที่ 76 ดาวประดับราตรีและไล่ล่าวิญญาณ
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าเอาจริงหรือ?” กัวหลินซานอดไม่ได้ที่จะถาม เขาได้อ่านบันทึกที่ศิษย์สำนักทิ้งไว้เช่นกัน
“เร็วไปหรือ?” เฉินเฟยถามอย่างไม่แน่นอน
อันที่จริง หากมีทางเลือกเฉินเฟยยังต้องการฝึกพลังเข้าใจต้นกำเนิดแบบเงียบๆไปจนถึงขั้นห้า แต่วิธีฝึกของสำนักกระบี่เริ่มดวงดาวทำให้เฉินเฟยไม่มีทางเลือก
พูดอีกอย่างคือสำนักนิกายส่วนใหญ่ล้วนสอนวิชาแบบนี้
มอบตำราวิชาให้แล้วปล่อยไปฝึกฝนด้วยตัวเอง ข้อแรกสำนักนิกายจะดูความรับผิดชอบ ข้อสองจะดูลักษณะนิสัยและความภักดีก่อนตัดสินใจว่าจะมอบตำราวิชาให้หรือไม่
เว้นแต่ว่าเฉินเฟยเต็มใจชะลอความก้าวหน้าในการบ่มเพาะ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางซ่อนมันไว้ หลังสังเกตในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เฉินเฟยพบว่าเขาไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร เฟิงซิวผู่เป็นคนเข้มงวดแต่ไม่ใช่คนเลว
นอกจากนี้หลังจากกลายเป็นศิษย์ เฉินเฟยยังผูกพันกับสายของเฟิงซิวผู่
“ศิษย์ที่สำเร็จเร็วที่สุดก่อนหน้านี้ใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือน” กัวหลินซานยิ้มกว้าง เขารู้สึกว่าศิษย์น้องเล็กขี้อวดไปหน่อย
“ไม่ว่าใช้เวลาสิบวันหรือหนึ่งเดือน ท้ายที่สุดขึ้นอยู่กับผลลัพธ์” เฟิงซิวผู่โบกมือ การคำนวนนี้เป็นเพียงการประมาณเท่านั้น
“อาจารย์ ขอเรียนวิชาอื่นด้วยได้หรือไม่?” ทันใดนั้สเฉินเฟยถามขึ้น
“เจ้าต้องการเรียนวิชาประเภทใด?” เฟิงซิวผู่ไม่ปฏิเสธทันทีและถามอย่างอยากรู้
“วิชาดาบ ท่าร่าง วิชาธนู ทั้งหมดนี้เป็นวิชาที่ศิษย์ใช้อยู่”
“ศิษย์น้องเล็ก ก่อนหน้านี้เจ้าเรียนรู้มากจริงๆ” กัวหลินซานอดหัวเราะไม่ได้
“ผู้ฝึกตนทั่วไปมักใช้วิธีต่างๆ ทำให้ศิษย์พี่หัวเราะแล้ว” เฉินเฟยหัวเราะเช่นกัน
“วิชาธนูไม่เกี่ยวข้องกับอาจารย์ หลังจากนี้หากมีโอกาสเจ้าสามารถไปค้นหาหอตำราได้ ตอนนี้การฝึกพลังเข้าใจต้นกำเนิดของเจ้าไม่เลว อาจารย์จะสอนวิชากระบี่และท่าร่างให้เจ้าชุดหนึ่ง”
เฟิงซิวผู่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบตำราสองเล่มจากชั้นตำรามาวางบนโต๊ะ
“กระบี่ดาวประดับราตรี? อาจารย์ พลังของวิชากระบี่นี้ไม่อ่อนแอไปหน่อยหรือ? ข้าไม่เห็นลูกศิษย์คนอื่นฝึกวิชากระบี่นี้นานแล้ว” กัวหลินซานมองตำราและถาม
“กระบี่ดาวประดับราตรีไม่ดีในการโจมตีและให้ความสำคัญกับการป้องกัน ระดับของเฉินเฟยยังไม่เพียงพอ ไม่ว่าวิชากระบี่จะทรงพลังเพียงใดหากระดับบ่มเพาะไม่สามารถติดตามได้ก็ไร้ประโยชน์ เมื่อเผชิญกับอันตรายการป้องกันตัวเองย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”
เฟิงซิวผู่อธิบาย เมื่อนึกถึงระดับของเฉินเฟยที่เพิ่งเข้าระดับหลอมกระดูก กัวหลินซานจึงคิดว่ามันสมเหตุสมผล
แม้ว่ากระบี่ดาวประดับราตรีจะไม่ทรงพลังในการโจมตี แต่การป้องกันของมันแข็งแกร่งมาก แน่นอนว่ามันเหมาะกับเฉินเฟยมากกว่า
“ฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณนี้เป็นเช่นเดียวกัน มันไม่ดีในการเคลื่อนไหวไปมาและการปีนป่ายอยู่ในระดับปานกลาง แต่การวิ่งระยะไกลยอดเยี่ยมมาก เมื่อเผชิญกับอันตรายอย่าคิดถึงการต่อสู้เสมอไป หากหนีได้ก็หนี ไม่มีอะไรต้องอาย” เฟิงซิวผู่ยิ้ม
ดวงตาเฉินเฟยเป็นประกาย คำพูดเฟิงซิวผู่น่ากระหายเกินไปสำหรับเฉินเฟย หากเจอคนที่ไม่อาจชนะได้แน่นอนว่าให้วิ่งหนีโดยตรง
ตอนนี้เฉินเฟยกำลังคิดว่าจะเป็นการดีที่สุดที่จะเลือกการวิ่งได้ดี นักยุทธ์ที่เขาพบตอนนี้อยู่ในระดับขัดเกลาไขกระดูกหรืออวัยวะภายในและล้วนเป็นนักยุทธ์ของสำนักนิกาย
เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนทั่วไป พลังของนักยุทธ์สำนักนิกายเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย หากเฉินเฟยยังต้องการต่อสู้ข้ามระดับ โอกาสที่จะรอดนั้นต่ำมาก
ในเมื่อไม่อาจชนะได้ การวิ่งให้เร็วจึงเป็นสิ่งสำคัญ
“ขอบคุณท่านอาจารย์” เฉินเฟยกุมมือ
เฟิงซิวผู่โบกมือเปิดตำรากระบี่ดาวประดับราตรี “ตอนนี้มีลูกศิษย์น้อยมากที่ฝึกกระบี่ดาวประดับราตรี ไม่เพียงแต่พลังโจมตีไม่เพียงพอ แต่ยังเป็นเพราะความยากในการฝึกฝน ต่อจากนี้เจ้าต้องตั้งใจฟังคำอธิบายของอาจารย์ หากเจ้าไม่เข้าใจตรงไหนให้ถามข้าได้ทุกเมื่อ”
เฉินเฟยพยักหน้า เฟิงซิวผู่เริ่มอธิบายขั้นตอนของการฝึกกระบี่ดาวประดับราตรี
เมื่อเทียบกับการฝึกกระบี่ในอดีตของเฉินเฟย กระบี่ดาวประดับราตรีฝึกยากกว่ามาก และวิชากระบี่นี้ส่วนใหญ่ล้วนใช้ป้องกันตัว การโจมตีมีเพียงสองสามกระบวนท่าเท่านั้น
เมื่อคำอธิบายลึกซึ้งขึ้นเฉินเฟยจึงค่อยๆหยุดความคิดฟุ้งซ่านและทุ่มเทให้กับการศึกษา เมื่อพบสิ่งที่ไม่เข้าใจเขาจะถามทันที
เพียงพริบตาเดียวได้ผ่านไปหนึ่งยาม ก่อนที่เฟิงซิวผู่จะอธิบายกระบี่ดาวประดับราตรีเสร็จ
“เข้าใจได้หรือไม่?” เฟิงซิวผู่มองเฉินเฟยแล้วถาม
เฉินเฟยชำเลืองมองระบบ กระบี่ดาวประดับราตรีปรากฏขึ้นแล้ว แต่แถบความคืบหน้าแตกต่างจากวิชาก่อนหน้านี้เล็กน้อย และความชำนาญที่ต้องใช้ยังเพิ่มขึ้น
[วิชายุทธ์: กระบี่ดาวประดับราตรี(เริ่มต้น1/300)]
“ศิษย์เข้าใจ” เฉินเฟยเงยหน้ามองเฟิงซิวผู่
เฟิงซิวผู่พยักหน้าเล็กน้อยและมองกัวหลินซาน เมื่อเห็นว่าเขาสนใจเช่นกันจึงไม้ได้ไล่ออกไป หยิบตำราฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณอีกเล่มออกมา
ใช้เวลาอีกเกือบหนึ่งชั่วยามในการอธิบาย ในช่วงกลางเฟิงซิวผู่หยุดอธิบายแล้วแสดงให้เห็น เมื่อเทียบกับความยากในการฝึกกระบี่ดาวประดับราตรี เท้าไล่ล่าวิญญาณไม่ได้ยากน้อยกว่ากันเลย แม้แต่เฉินเฟยยังคิดว่ามันยากกว่าด้วย
เฉินเฟยมองระบบ พบว่าฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณได้เริ่มต้นแล้วและความชำนาญที่ต้องใช้ยังเป็นแบบเดียวกับกระบี่ดาวประดับราตรี
เฉินเฟยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าตราบเท่าที่วิชายุทธ์อยู่ในระดับเดียวกันความชำนาญที่ต้องใช้จะเท่ากัน ส่วนความยากในการฝึกฝนยังคงตัดสินไม่ได้
“สำหรับวันนี้มีเพียงเท่านี้ หลินซานไม่ค่อยรู้เรื่องกระบี่ดาวประดับราตรีและฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณมากนัก หากมีคำถามให้มาหาข้า”
เฟิงซิวผู่มอบตำราสามเล่มให้เฉินเฟย เฉินเฟยรีบทันที
“ขอบคุณท่านอาจารย์ที่สั่งสอน!”
เฟิงซิวผู่พยักหน้าเล็กน้อย หลังจากคุยกันอีกสักพักเฉินเฟยทั้งสองก็รีบลาและจากไป
เฟิงซิวผู่มองด้านหลังเฉินเฟยที่จากไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนหน้านี้คิดว่าความสำเร็จในเส้นทางยุทธ์ของเฉินเฟยคงเป็นแบบนั้น แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะน่าประหลาดใจเช่นนี้ เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงจริงๆ
เฟิงซิวผู่สอนวิชากระบี่ดาวประดับราตรีและฝีเท้าไล่ล่าวิญญาณให้เฉินเฟยเป็นพิเศษ นอกจากเหตุผลที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ยังมีการพิจารณาความเข้าใจของเฉินเฟยด้วย
หากร่างกายเฉินเฟยและพลังเข้าใจต้นกำเนิดเข้ากันได้อย่างมาก แม้ความสำเร็จจะไม่เลวแต่มันยังมีขีดจำกัดสูงสุดเช่นระดับขัดเกลาอวัยวะภายใน
แต่ถ้าหากไม่ใช่เพราะความเข้ากันแต่เป็นเพราะความเข้าใจที่แท้จริงของเฉินเฟยเอง ขีดจำกัดในอนาคตของเฉินเฟยย่อมสูงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ระดับขัดเกลาอวัยวะภายในเป็นระดับสุดท้ายของระดับปรับแต่งร่างกายทั้งห้า แต่เส้นทางยุทธ์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ระดับปรับแต่งร่างกาย
“ข้าละอายใจจริงๆที่ทำให้ศิษย์พี่เสียเวลา” เฉินเฟยมองกัวหลินชานแล้วพูด
“ศิษย์สำนักเดียวกัน เหตุใดต้องสุภาพเช่นนี้ และการที่มีโอกาสได้ฟังอาจารย์อธิบายเคล็ดลับในการฝึกฝนย่อมไม่สายเกินไปที่จะติดตาม ข้าจะรู้สึกเสียเวลาได้อย่างไร”
กัวหลินซานหัวเราะและตบไหล่เฉินเฟย คำพูดของกัวหลินซานไม่ได้สุภาพ แม้เขาจะไม่ได้เรียนรู้วิชากระบี่ดาวประดับราตรีแต่หลักการของการฝึกบางอย่างก็เชื่อมโยงกัน ดังนั้นจึงไม่เรื่องเสียหายที่จะฟังมากขึ้น
“อย่างไรก็ตาม ภารกิจถูกกำหนดไว้แล้วและจะเริ่มในอีกห้าวัน ศิษย์น้องเตรียมตัวให้พร้อม เราต้องไปอยู่บนเขาหลายวัน” กัวหลินซานพูดขึ้นทันใด
“เข้าใจแล้วศิษย์พี่ เมื่อถึงเวลานั้นโปรดดูแลข้าด้วย” เฉินเฟยพยักหน้า
ทั้งสองคุยกันอีกสักพักจึงแยกจากกัน
เฉินเฟยกลับมาที่บ้านตัวเอง ปิดประตู จดจ้องที่ระบบ