ตอนที่แล้วตอนที่ 73 นักหลอมโอสถระดับเก้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 75 แสดงความเข้าใจ

ตอนที่ 74 ตีสนิท


เมื่อเทียบกับใบหน้าเป็นมิตรของฉินจิ้งหลัน นักหลอมโอสถเฒ่าต้วนจื้อเลี่ยคนนั้นไม่แสดงสีหน้าอย่างสมบูรณ์

สำหรับการประเมินหลอมโอสถระดับแปดจะมีการเพิ่มคนอีกหนึ่งคนเพื่อให้กระบวนการเข้มงวดและรอบคอบขึ้น ต้วนจื้อเลี่ยเป็นนักหลอมโอสถระดับแปด ดังนั้นเขาจึงมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผู้ตรวจสอบ

แต่เมื่อเห็นใบหน้าอ่อนเยาว์ของเฉินเฟย มุมปากต้วนจื้อเลี่ยเลยถึงกับกระตุก

ใช่ ในบรรดานักยุทธ์เฉินเฟยเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้าระดับหลอมกระดูก กลุ่มใหญ่รอบเมืองเซียนเมฆาล้วนดูถูกเขาซึ่งเป็นศิษย์ที่มีศักยภาพต่ำ

แต่ในบรรดานักหลอมโอสถ อายุของเฉินเฟยถือว่ายังน้อย นักหลอมโอสถให้ความสำคัญความเข้าใจเช่นเดียวกับประสบการณ์ เมื่อเติบโตแล้วแม้ความเข้าใจจะไม่ดีแต่ยังสามารถสรุปประสบการณ์และการฝึกฝนของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ

พรสวรรค์ในการหลอมโอสถของต้วนจื้อเลี่ยค่อนข้างธรรมดา แต่หลังจากผ่านไปหลายปีเขาก็สามารถหลอมโอสถเหนือสามัญและโอสถในระดับเดียวกันได้

สำหรับโอสถทะยานเนินเขา ตอนนี้สามารถหลอมได้เป็นบางครั้งแต่อัตราความสำเร็จต่ำและคุณภาพของโอสถไม่ดีนัก

เฉินเฟยยังเด็กมากแต่เขากลับเข้ารับการทดสอบนักหลอมโอสถระดับแปดได้ นั่นทำให้ต้วนจื้อเลี่ยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เมื่อไม่นานมานี้ผู้ที่อยู่ในวัยนี้ก็เริ่มเข้าร่วมการประเมินการหลอมโอสถมากขึ้นเรื่อยๆ

เฉินเฟยเลือกสมุนไพรก่อน จากนั้นจุดไฟตั้งเตาตามปกติและใส่สมุนไพรทั้งหมดลงเตาหลอมโอสถ

เปลวไฟแผดเผาด้านล่างเตา เฉินเฟยใช้พลังภายในควบคุมการปรับเปลี่ยนคุณสมบัติสมุนไพร หลังจากนั้นไม่นานกลิ่นหอมสมุนไพรเริ่มโชยออกมาจากเตา

ฉินจิ้งหลันมองเฉินเฟย ก่อนหน้านี้นางรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวการหลอมโอสถของเฉินเฟยหยาบกระด้างและบ้าบิ่น เมื่อมองดูในตอนนี้กลับเห็นชัดว่าเขาไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยและเต็มไปด้วยความมั่นใจ

เมื่อเทียบกับคนที่ระมัดระวังในการหลอมโอสถแล้ว นี่ต่างหากควรเป็นลักษณะที่แท้จริงของการหลอมโอสถ

ต้วนจื้อเลี่ยสูดกลิ่นหอมสมุนไพร แววตาเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เตาหลอมโอสถเหนือสามัญนี้จะเป็นโอสถที่ดีและไม่ด้อยไปกว่าระดับโอสถที่เขาหลอมโดยใช้เวลาหลายสิบปี

“ปัง!”

หนึ่งเค่อต่อมา เฉินเฟยใช้ฝ่ามือตบฝาเตา กลิ่นหอมสมุนไพรเข้มข้นขึ้น

ต้วนจื้อเลี่ยอดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้า มองโอสถเหนือสามัญที่แน่นิ่งในเตาหลอม แววตาประหลาดใจปรากฏในดวงตาเขา

“ใช้ได้หรือไม่?” ฉินจิ้งหลันอดไม่ได้ที่จะถามด้วยเสียงต่ำ

“รอทดสอบก่อน แต่ข้าไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร”

ต้วนจื้อเลี่ยหยิบจานลายคราม มองดูรูปร่างโอสถเหนือสามัญอย่างใกล้ชิด มันดีกว่าที่เขาหลอมได้จริงๆ โอสถนี้พูดได้ว่าดึงประสิทธิภาพโอสถเหนือสามัญออมาหมดแล้ว

“สหายน้อยเจ้าต้องการประเมินต่อหรือไม่?”

ต้วนจื้อเลี่ยเงยหน้ามองเฉินเฟย หลอมโอสถเหนือสามัญระดับนี้ได้ ระดับโอสถทะยานเนินเขาน่าจะไม่เลวเพราะรากฐานแข็งแกร่ง

ฉินจิ้งหลันมองเฉินเฟยด้วยตาเบิกกว้าง เป็นไปได้ไหมว่าเฉินเฟยยังสามารถผ่านการทดสอบนักหลอมโอสถระดับเจ็ดได้ด้วย?

นักหลอมโอสถระดับเจ็ด แม้จะมีอยู่ในเมืองเซียนเมฆาอันใหญ่โตแต่ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่น่านับถือ สถานะของตัวตนนี้สูงกว่านักยุทธ์ขัดเกลาอวัยวะภายใน

“ไม่มีสูตรโอสถทะยานเนินเขา”

เฉินเฟยส่ายหัว แม้เขาจะอ่านตำราแพทย์มากมายและซื้อโอสถทะยานเนินเขากลับมาศึกษา แต่การย้อนสูตรโอสถไม่ใช่เรื่องง่าย

ตามความเร็วของความคืบหน้าในปัจจุบัน เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปีกว่าที่เฉินเฟยจะคาดเดาโอสถทะยานเนินเขาได้

ต้วนจื้อเลี่ยพยักหน้ารับ นักหลอมโอสถที่มาจากที่อื่นมีสูตรโอสถทะยานเนินเขาน้อยมาก

ด้วยการหลอมโอสถระดับนี้คงมาที่เมืองเซียนเมฆมาไม่ได้เพราะจะโดนตระกูลต่างๆกักตัวไว้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปล่อยไป

“ผู้อาวุโส ท่านต้องการขายสูตรโอสถทะยานเนินเขาหรือไม่?” เฉินเฟยถามด้วยความคาดหวัง

ตราบใดที่ราคาไม่สูงเกินจริงก็ควรซื้อเอาไว้ ท้ายที่สุดแล้วหลังจากเฉินเฟยหลอมมันเองได้เขาจะสามารถหาเงินคืนมาได้อย่างรวดเร็ว

“สูตรโอสถของชายชรามีแลกเปลี่ยนในสมาคม ไม่อาจซื้อขายส่วนตัวได้” ต้วนจื้อเลี่ยส่ายหัวพูด

“สูตรโอสถต้องใช้ค่าผลงานของสมาคมในการแลกเปลี่ยน ตามกฎแล้วนักหลอมโอสถไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อขายเป็นการส่วนตัว หากตรวจพบทั้งสองฝ่ายจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง” ฉินจิ้งหลันอธิบายอย่างรวดเร็ว

เฉินเฟยพยักหน้า นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ หากอนุญาตให้มีการซื้อขายส่วนตัว ค่าผลงานในสมาคมจะเป็นของไร้ประโยชน์และจะไม่มีนักหลอมโอสถคนใดทำภารกิจของสมาคมให้สำเร็จ

หากไม่ห้ามสถานการณ์แบบนี้ สมาคมนักหลอมโอสถคงกลายเป็นตัวตลก

“หากเจ้าต้องการสูตรโอสถทะยานเนินเขา นอกจากแลกเปลี่ยนกับสมาคมแล้วยังสามารถเข้าร่วมตระกูลได้ หากสนใจข้าจะแนะนำกับบางตระกูลให้” ต้วนจื้อเลี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณผู้อาวุโส แต่ผู้เยาว์ยังไม่มีความตั้งใจเข้าร่วมตระกูลในตอนนี้” เฉินเฟยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว

สำนักนิกายเป็นตัวตนที่ใหญ่ขึ้นจากตระกูลขุน ตอนนี้เฉินเฟยอยู่ในสำนักกระบี่เริ่มดวงดาว หากต้องการสูตรโสถจริงเขาสามารถหาจากสำนักกระบี่เริ่มดวงดาวได้ แม้แต่สมาคมนักหลอมโอสถยังเป็นทางออกที่ดี

การเข้าร่วมตระกูลย่อมมีข้อจำกัดต่างๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อให้ได้สูตรโอสถเร็วขึ้นเล็กน้อยมันไม่คุ้มค่ากับการสูญเสีย

“ไม่เป็นไร หากวันหนึ่งเจ้าเปลี่ยนก็มาหาข้าได้” ต้วนจื้อเลี่ยพยักหน้าและหันหลังเดินไป

ฉินจิ้งหลันโค้งคำนับเฉินเฟย พาเฉินเฟยไปที่โต๊ะรับรองและมอบจานลายครามและหินถ่ายภาพ

การตรวจสอบใช้เวลานาน ในเวลาเดียวกันต้วนจื้อเลี่ยถูกขอความเห็นและเขาไม่ได้คัดค้าน การประเมินนักหลอมโอสถระดับแปดของเฉินเฟิยผ่านไปอย่างราบรื่น

ป้ายหยกที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อครู่ถูกส่งมาให้ ป้ายหยกรูปแบบอื่นถูกส่งมอบให้เฉินเฟย

เฉินเฟยมองดูลวดลายบนแผ่นหยก เมื่อเทียบกับอันก่อนมันละเอียดกว่าเล็กน้อย ในขณะเดียวกันลวดลายเมฆยังหนาแน่นกว่า

“ปกติข้าขายโอสถที่ถนนทางเหนือ ข้าสามารถแสดงสัญลักษณ์สมาคมนักหลอมโอสถได้หรือไม่?”

เมื่อรับป้ายหยกมาแล้วเฉินเฟยหันมองฉินจิ่งหลัน ฉินจิ้งหลันมองเฉินเฟยอย่างตั้งใจ เมื่อเห็นเฉินเฟยหันมามองอย่างกะทันหันใบหน้านางจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ได้ สมาคมมีขวดโอสถพิเศษอยู่ซึ่งห้ามผู้ที่ไม่ใช่นักหลอมโอสถของสมาคมใช้มัน คนอื่นๆจะรู้ว่าคุณชายเป็นสมาชิกของสมคม” ฉินจิ้งหลันก้มหน้าพูดเสียงต่ำ

เฉินเฟยมองฉินจิ้งหลัน ผู้หญิงคนนี้โลภร่างกายของเขาหรือ? จะหน้าแดงทำไม!

ครึ่งชั่วยามต่อมา เฉินเฟยเดินออกมาจากสมาคมไปพบฉือเต๋อเฟิง

“เป็นอย่างไรบ้าง?” ฉือเต๋อเฟิงถามอย่างรวดเร็วเมื่อพบเฉินเฟย

ก่อนหน้านี้ฉือเต๋อเฟิงไปสอบถามเกี่ยวกับสมาคมนักหลอมโอสถจึงมีความเข้าใจทั่วไปเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของสมาคมนักหลอมอสถ

โดยพื้นฐานแล้วตราบใดที่เป็นนักหลอมโอสถที่เป็นที่รู้จักในสมาคม กองกำลังธรรมดาจะไม่ทำให้อับอาย

สำหรับเรื่องเล็กน้อยเช่นการขายโอสถที่ถนนทางเหนือ พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะเกิดสถานการณ์แบบเดียวกับในเมืองซิ่งเฝินอีก

สมาคมนักหลอมโอสถยังคงมีชื่อเสียงมากรอบเมืองเซียนเมฆา

“ในวันข้างหน้าให้เจ้านำป้ายหยกข้าไปซื้อขวดโอสถกับสมาคม จากนี้ไปคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก” ใบหน้าเฉินเฟยแสดงรอยยิ้ม