ตอนที่ 73 นักหลอมโอสถระดับเก้า
“ท่านมาทดสอบเข้าร่วมสมาคมหรือ?” ผู้คุมกันพาเฉินเฟยไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ผู้นำทางหญิงออมารีบเฉินเฟย
“ใช่” เฉินเฟยพยักหน้าและพูด “มีข้อกำหนดสำหรับการทดสอบหรือไม่?”
“แน่นอน”
ฉินจิ้งหลันพยักหน้าด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “ช่วงนี้มีคนมากมายต้องการเข้าร่วมสมาคมนักหลอมโอสถ ความต้องการจึงสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ท่านต้องหลอมโอสถจิตเบาให้สำเร็จและโอสถต้องมีลักษณะดี”
“สามารถทดสอบวันนี้เลยหรือไม่?” เมื่อได้ยินคำขอ เฉินเฟยเลยกำลังใจเพิ่มขึ้น
“จำเป็นต้องสมัครก่อน ค่าทดสอบหนึ่งพันตำลึง หากผ่านการทดสอบจะได้รับค่าทดสอบคืน หากไม่เป็นเช่นนั้นค่าทดสอบนี้จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาสมาคมนักหลอมโอสถ”
สีหน้าเฉินเฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดูแล้วคงทำไปเพื่อป้องกันผู้ที่ไม่เก่งพอเข้าร่วมการทดสอบและทำให้เสียแรงคนและทรัพยากรสมุนไพรของสมาคม
“ได้” เฉินเฟยไม่คัดค้าน
ฉินจิ้งหลันเชิญเฉินเฟยไปที่โต๊ะรับรอง ขั้นตอนการสมัครค่อนข้างยุ่งยากจากนั้นจ่ายเงิน ครู่ต่อมาฉินจิ้งหลันพาเฉินเฟยไปห้องหลอมโอสถแถวหนึ่ว ประตูบางห้องปิดลง ใครบางคนควรหลอมโอสถอยู่ด้านใน
“หากการทดสอบครั้งแรกล้มเหลว การทดสอบครั้งต่อไปต้องรอไปอีกครึ่งปีและค่าทดสอบเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ท่านคิดดีแล้วหรือยัง?” ฉินจิ้งหลันเตือนอีกครั้ง
“ขอบคุณที่เตือน” เฉินเฟยยิ้มเล็กน้อย
ฉินจิ้งหลันพยักหน้า พาเฉินเฟยไปที่ห้องหลอมโอสถห้องหนึ่ง “โปรดหลอมโอสถจิตเบาภายในครึ่งชั่วยาม หากเกินเวลาการทดสอบจะล้มเหลว”
เฉินเฟยมองไปรอบด้าน พบว่ามีสมุนไพรทุกชนิดอยู่ผสมปนเปกัน เห็นได้ชัดว่านักหลอมโอสถต้องคัดแยกด้วยตัวเอง เฉินเฟยหันมองฉินจิ้งหลัน ฉินจิ้งหลันยกหินถ่ายภาพในมือเพื่อบ่งบอกว่าได้เวลาเริ่ม
หากผ่านการประเมิน หินถ่ายภาพจะอยู่ในสมาคมนักหลอมโอสถเสมอและสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลาเพื่อป้องกันการเล่นพรรคเล่นพวกและการฉ้อโกง
เฉินเฟยเดินไปข้างหน้า พบสมุนไพรที่จำเป็นสำหรับโอสถจิตท่ามกลางสมุนไพรต่างๆอย่างง่ายดาย
เฉินเฟยทำความสะอาดเตาหลอมโอสถบนพื้น จุดไฟและรอให้เตาหลอมร้อนขึ้นอย่างทั่วถึง ใส่สมุนไพรทั้งหมดของโอสถจิตเบาลงไป
ฉินจิ้งหลันที่ยืนอยู่ด้านข้างขมวดคิ้วเล็กน้อย
ขั้นตอนของเฉินเฟยไม่มีอะไรผิดปกติ แต่การเคลื่อนไหวค่อนข้างมากและหยาบไปหน่อย นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องลำดับการใส่สมุรไพร จะใส่พวกมันทั้งหมดลงไปพร้อมกันได้อย่างไร ทำเหมือนมือใหม่ไปได้
ที่สำคัญกว่าคือไฟใต้เตาหลอมแรงเกินไป
การหลอมโอสถจำเป็นต้องควบคุมความร้อน เปลวไฟมีขนาดใหญ่เกินไป ความเร็วในการหลอมจะรวดเร็วแต่ความยากในการควบคุมจะยากขึ้น ดังนั้นการทดสอบของสมาคมจึงให้เวลาครึ่งชั่วยามเป็นพิเศษเพื่อให้นักหลอมโอสถไม่ต้องกังวล
ท้ายที่สุดแล้วในการหลอมโอสถ การหลอมช้าๆจะสามารถสร้างผลงานที่พิถีพิถันได้
ฉินจิ้งหลันรู้สึกว่าโอสถของเฉินเฟยน่าจะไหม้
เฉินเฟยไม่รู้ว่าฉินจิ้งหลันกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเพียงหลอมโอสถตามปกติโดยใช้พลังภายในปรับการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติสมุนไพรในเตาหลอมอย่างต่อเนื่อง
นี่เป็นสิง่ที่เฉินเฟยฝึกฝนด้วยตัวเอง เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในหลอมโอสถและเป็นวิธีดีที่สุดซึ่งไม่ส่งผลต่อรูปลักษณ์ภายนอก มันเหมาะสมกับคนอื่นหรือไม่เฉินเฟยไม่รู้ แต่มันเหมาะกับตัวเฉินเฟยมาก
ไม่อย่างนั้นจะมีโอสถจิตเบาเกือบร้อยเม็ดต่อวันได้อย่างไร แม้อัตราผลตอบแทนจะสูงแต่เฉินเฟยไม่อาจทำให้เสร็จได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วยาม
ในสายตาฉินจิ้งหลันที่กำลังรอเตาไหม้ กลิ่นหอมสมุนไพรเริ่มลอยอบอวลในห้องหลอมโอสถ
ฉินจิ้งหลันสูดดมกลิ่น สีหน้านางประหลาดใจเล็กน้อย กลิ่นหอมสมุนไพรนี้ดูไม่เหมือนกำลังจะไม้ ด้วยการได้ดมกลิ่นโอสถเป็นเวลาหลายปี ฉินจิ้งหลันจึงรู้สึกว่ารูปลักษณ์ของโอสถนี้อาจดูดีมาก
ฉินจิ้งหลันมองเฉินเฟยอย่างประหลาดใจ แววตานางเปลี่ยนไปเล็กน้อย
การหลอมโอสถเป็นสิ่งที่หลอกกันไม่ได้ ฉินจิ้งหลันวางอคติที่มีในตอนแรกและมองการหลอมโอสถของเฉินเฟยอีกครั้ง กลายเป็นว่ามันดูว่องไวและสบายตา
“ปัง!’
หนึ่งเค่อค่อมา เฉินเฟยตบฝาเตา เสียงดังขึ้นทำให้ฉินจิ้งหลันด้านข้างตื่นตัว
“ใช้ได้หรือไม่?”
เฉินเฟยหยิบโอสถออกมาวางบนจานด้านข้างแล้วส่งให้ฉินจิงหลัน
ฉินจิ้งหลันมองโอสถจิตเบาที่เรียบเนียนบนจานและไม่อาจซ่อนความชื่นชมในดวงตาได้ โอสถจิตเบาระดับนี้จะไม่สามารถหลอมได้เลยหากไม่เข้าใจสูตรโอสถอย่างสมบูรณ์
ฉินจิ้งหลันได้เห็นการหลอมต่างๆมากมาย แต่จำนวนครั้งที่นางได้เห็นโอสถจิตเบาระดับนี้สามารถนับได้ด้วยนิ้วมือ สิ่งสำคัญคือความเร็วในการหลอมของเฉินเฟยรวดเร็วมาก
“ต้องยืนยันก่อน”
ฉินจิ้งหลันโค้งคำนับเล็กน้อย วางหินถ่ายภาพ ทัศนคติของนางเปลี่ยนไปมาก “คุณชายโปรดตามข้ามา”
เฉินเฟยยิ้มเล็กน้อยและเดินตามฉินจิ้งหลันไปที่โต๊ะรับรอง ฉินจิ้งหลันส่งมอบจานลายครามและหินถ่ายภาพ ครู่ต่อมาโอสถและหินถ่ายภาพได้รับการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว
คนของสมาคมยืนยันข้อมูลกับเฉินเฟยแล้ววางแผ่นหยกไว้ด้านหน้า
“นี่คือสิ่งยืนยันตัวตนในสมาคมนักหลอมโอสถของท่าน โปรดเก็บรักษาไว้ให้ดี” ฉินจิงหลานมอบป้ายหยกด้วยความเคารพ
เฉินเฟยรับมันมา มองเตาหลอมโอสถที่สลักอยู่บนป้ายหยกและอดยิ้มไม่ได้ เขาก็มีผู้สนับสนุนสักที ในที่สุดจะได้ขายโอสถเหนือสามัญโดยไม่ต้องกังวลว่าจะโดนจับจ้องอีกแล้ว
“อย่างไรก็ตาม ในสมาคมมีขายสูตรโอสถหรือไม่?” เฉินเฟยหันไปถาม
“ไม่มีขาย” ฉินจิ้งหลันส่ายหัวและพูด “แต่ท่านสามารถแลกเปลี่ยนกับค่าผลงานสมาคมได้”
“ค่าผลงาน?” เฉินเฟยขมวดคิ้ว
“เมื่อทำภารกิจที่สมาคมออกให้สำเร็จจะได้รับค่าผลงาน หรือสามารถบริจาคสูตรโอสถที่ท่านศึกษาให้กับสมาคมได้ หลังการประเมินผลจะได้รับรางวัลตามมูลค่าการบริจาค”
ฉินจิ้งหลันยิ้ม “ค่าผลงานไม่เพียงแต่ใช้แลกเปลี่ยนกับโอสถเท่านั้น หากมีค่าผลงานเพียงพอยังสามารถออกภารกิจได้เช่นกัน ตราบใดที่เนื้อหาภารกิจไม่ทำร้ายผู้อื่นโดยทั่วไปแล้วจะออกภารกิจได้”
ทันใดนั้นเฉินเฟยตระหนักว่าสิ่งนี้ค่อนข้างคล้ายกับสำนักนิกาย ทั้งหมดนี้เพื่อจุดประสงค์ในการเพิ่มความภักดีของผู้คนที่อยู่ภายใต้ ไม่อย่างนั้นของฟรีมากมายยากที่จะแลกกับความภักดี
“การหลอมโอสถจิตเบาและโอสถเหนือสามัญได้ สถานะจะแตกต่างกันหรือไม่?”
“แน่นอนว่าย่อมแตกต่าง หากหลอมโอสถเหนือสามัญได้และคุณภาพของโอสถผ่านการทดสอบจะสามารถเลื่อนระดับจากนักหลอมโอสถระดับเก้าเป็นนักหลอมโอสถระดับแปด บางครั้งภารกิจบางอย่างในสมาคมมีข้อจำกัดให้นักหลอมโอสถระดับสูงรับได้เท่านั้น” ฉินจิ้งหลันมองเฉินเฟยด้วยดวงตาสดใสและประหลาดใจ
ชายหนุ่มเป็นนักหลอมโอสถระดับแปด? แม้จะดูคล้ำไปหน่อย แต่รูปร่างเขาสูงตรง พอได้มองอย่างใกล้ชิดก็ค่อนข้างสะดุดตา
ทันใดนั้นเฉินเฟยเริ่มจัดประเภทนักหลอมโอสถ แต่เป็นเรื่องปกติที่จะคิดสิ่งนี้ ท้ายที่สุดแล้วโอสถเหนือสามัญใช้สมุนไพรมากกว่าโอสถจิตเบาและยังมีความยากในการหลอมมากกว่า
มันสามารถแยกแยะระดับการหลอมโอสถทั้งสองอย่างได้อย่างชัดเจน และยังสะดวกสำหรับการจัดการของสมาคม
“ข้าต้องการทดสอบนักหลอมโอสถระดับแปด”
เฉินเฟยมองฉินจิ้งหลัน หลังจากหลอมโอสถจิตเบาอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ เฉินเฟยได้เพิ่งความชำนาญโอสถเหนือสามัญถึงระดับรู้แจ้งแล้ว
ได้เวลาแสดงฝีมือ
“คุณชายโปรดรอสักครู่ ข้าจะไปรายงานให้” ฉินจิ้งหลันเดินออกไปไกลและกลับมาหลังผ่านไปพักหนึ่ง
“คุณชายโปรดตามข้ามา”
ฉินจิ้งหลันโค้งคำนับเล็กน้อยและพาเฉินเฟยไปที่ห้องหลอมโอสถ เมื่อทั้งสองมาถึงห้องหลอมโอสถ ในนั้นมีนักหลอมโอสถเฒ่ารออยู่
การประเมินนักหลอมโอสถระดับแปดเข้มงวดมาก
“คุณชายสามารถเริ่มได้เลย”
ในห้องหลอมโอสถ ฉินจิ้งหลันพูดเสียงต่ำ
ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือไม่ แต่เฉินเฟยรู้สึกว่าเสียงฉินจิ้งหลันนุ่มนวลกว่าก่อนหน้านี้มาก
อืม ไพเราะ! น่าฟัง!