[ตอนฟรี] ตอนที่ 6 : คำร้องขอของจวินหลิงหลง
บันทึกห้าล้านจินของจวินจ้างเจี้ยนถูกเขียนไว้บนศิลาจารึกโบราณไท่เยว่มาเป็นเวลานาน
มันไม่ใช่ว่าเขาคือศิษย์ที่มีพละกำลังมากที่สุดท่ามกลางศิษย์รุ่นเยาว์ในตระกูลจวิน
แต่ลำดับที่เหลือหลายคนได้ออกไปผจญภัยฝึกฝนหรือปิดด่านฝึกตนภายนอกตระกูล พวกเขาจึงไม่ได้ทดสอบพละกำลังของตัวเองที่ศิลาจารึกโบราณไท่เยว่
ในตอนนี้ เมื่อเห็นว่าจวินเซียวเหยากำลังจะลงมือ สายตาทั้งหมดของผู้ชมล้วนจับจ้อง
ท้ายที่สุดแล้ว จวินเซียวเหยานั้นคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดและได้รับสถานะบุตรพระเจ้าตั้งแต่แรก
ทุกการกระทำของเขาจึงดึงความสนใจจากทั่วสารทิศ
ถ้าผลลัพธ์ของจวินเซียวเหยาออกมาไม่ดี ถึงแม้ทุกคนจะไม่กล้าหัวเราะเยาะในที่สาธารณะ แต่มันชัดเจนว่าพวกเขาต้องมีความรู้สึกนี้กันบ้างในใจของพวกเขา
จวินจ้านเทียนผู้เร้นกายอยู่ในความว่างเปล่าพลันรู้สึกประหม่าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาจะสร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้กับตัวเองในตระกูลจวินเป็นครั้งแรกได้หรือไม่ได้ มันก็ขึ้นอยู่กับระดับความสำเร็จของจวินเซียวเหยาในครั้งนี้
แต่ตัวของจวินเซียวเหยาไม่ได้คิดถึงเพียงนั้น เขาแค่อยากจะทดสอบพละกำลังของตัวเองหลังจากทะลวงขอบเขตอย่างง่ายดาย
เขารวมนิ้วทั้งห้าสร้างเป็นกำปั้น เรียบง่ายและธรรมดา
จวินเซียวเหยารู้สึกราวกับว่ามีคชสารยักษ์นับพันกำลังวิ่งอยู่ในร่างกายของเขาและพลังอันน่าสะพรึงจากเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อก็ส่งไปที่กำปั้น
บูมม!
จวินเซียวเหยาต่อยไปที่ศิลาจารึกโบราณไท่เยว่หนึ่งหมัดและร่างเงาของเทพคชสารบรรพกาลดูเหมือนกับว่าปรากฏออกมาพร้อมกับการต่อย
ฉับพลันนั้น ศิลาจารึกโบราณทั้งแผ่นเกิดเสียงดังกึกก้องและสั่นไหวอย่างรุนแรง!
ตัวเลขสว่างวาบปรากฏบนศิลาจารึกโบราณไท่เยว่
สิบล้านจิน!
เฮือกกก……
ศิษย์ตระกูลจวินทั้งหมดต่างตกตะลึงและพากันขยี้ตาอย่างหมดหวัง ไม่อาจเชื่อจากสิ่งที่ตัวเองเห็น!
แค่สามขวบ แต่มีพละกำลังสิบล้านจิน!
พวกเขาคงไม่มีวันเชื่อถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง!
ดวงตางดงามของหลานชิงหย่าเบิกกว้าง ร่างกายอันบอบบางสั่นไหวและหัวใจของนางตกตะลึงอย่างถึงที่สุด!
ถึงแม้นางไม่อยากยอมรับมัน แต่ศิลาจารึกโบราณไท่เยว่ไม่เคยผิดพลาดมาก่อน!
ดวงตาอันสวยงามของจวินหลิงหลงเกิดความตกตะลึงเช่นกัน การคาดเดาในใจเริ่มมีความเป็นไปได้เพิ่มมากขึ้น
แม้แต่จวินจ้านเทียนที่เร้นกายอยู่ในความว่างเปล่า ใบหน้าแก่ๆ ของเขายังทำหน้าตะลึงงัน ซึ่งดูแล้วตลกเล็กน้อย
ยังไงก็ตาม เรื่องมันยังไม่จบ!
ร่องรอยการแตกปรากฏขึ้น ด้วยหมัดของจวินเซียวเหยาเป็นจุดศูนย์กลาง รอยแตกก็เริ่มแผ่ขยายไปทั่วทุกทิศเหมือนกับใยแมงมุม
“นี่….”
แม้แต่ตัวของจวินเซียวเหยายังผงะ
เขาสาบานได้เลยว่าเขาไม่ได้มีจุดประสงค์จะทำลายทรัพย์สินของสาธารณะ
แคร่ก!
ภายใต้สายตาอันตกตะลึงของทุกคน ศิลาจารึกโบราณไท่เยว่แตกเป็นเสี่ยงทีละเล็กทีละน้อย จนในที่สุดก็พังทลายลงและแตกออกเป็นชิ้นเล็กนับไม่ถ้วน
ในเวลาเดียวกันที่มันได้พังทลายลง เสียงที่ดูเหมือนล่องลอยมาจากช่วงอนันตกาลอันยาวนานดังก้องไปทั่วทั้งตระกูลจวิน!
“บันทึกนิรันดร์สุดขีดถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง ส่งมอบรางวัลเต๋าแห่งสวรรค์!”
เสียงอันไพเราะอย่างยิ่งยวดดังมาจากความว่างเปล่าราวกับมหาจักรพรรดิกำลังกระซิบออกมา
แต่สิ่งที่เขากล่าวได้สร้างความตกตะลึงทั่วไปทุกสารทิศ!
บันทึกนิรันดร์สุดขีด!
นี่มันหมายความว่าอะไร?
มันหมายความว่าจากช่วงโบราณกาลจนถึงปัจจุบัน ผ่านยุคสมัยมานับไม่ถ้วน คนในช่วงอายุเดียวกันกับจวินเซียวเหยา ไม่มีใครมีพละกำลังที่แข็งแกร่งมากกว่าเขาแม้แต่คนเดียว
แม้แต่มหาจักรพรรดิหรือจักรพรรดิโบราณในวัยสามขวบก็ไม่สามารถเทียบกับร่างกายของจวินเซียวเหยาได้!
นี่เป็นสถิติที่น่าสะพรึงอย่างแน่นอน!
ในการเปรียบเทียบ บันทึกของจวินจ้างเจี้ยนห้าล้านจินนั้นจัดว่ากระจอกงอกง่อยอย่างจัดเจน
“ใต้เท้าบุตรพระเจ้า ท่านได้ทำลายขีดจำกัดอันเป็นนิรันดร์!” ดวงตาอันงดงามของจวินหลิงหลงกำลังส่องแสงแวววาว
หากเป็นก่อนหน้านั้นนางแค่คาดเดา แต่ตอนนี้นางมั่นใจถึงห้าในสิบส่วน!
จวินเซียวเหยาอาจจะเป็นตัวตนอันไร้เทียมทานในเสี้ยวหนึ่งของอนาคต ผู้หันแผ่นหลังให้กับทุกสรรพชีวิต!
ใบหน้าของหลานชิงหย่ากลายเป็นซีดเซียว บันทึกสถิตินี้น่าพรั่นพรึงจนนางมิอาจจะจินตนาการถึง
เมื่อนึกถึงการคาดเดาว่าจวินเซียวเหยาจะมีพละกำลังแค่หนึ่งแสนจิน หลานชิงหย่ารู้สึกอับอายเล็กน้อยและหน้าแดง
“ฮ่าฮ่าฮ่า หลายชายข้า ยอดเยี่ยมมาก!”
จวินจ้านเทียนจำต้องปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า ใบหน้าของเขาแดงก่ำและไม่อาจปิดปากที่ยิ้มจนถึงหูได้
มุมปากของจวินเซียวเหยาถึงกับกระตุก ทำไมได้ยินเสียงนี้ถึงเหมือนได้ยินคำสาปกัน?
ศิษย์ตระกูลจวินทั้งหมดเห็นจวินจ้านเทียนปรากฏ
พวกเขาทั้งหมดโค้งคำนับและกล่าว “ผู้เยาว์คารวะท่านผู้อาวุโสตระกูล!”
“ท่านปู่ ศิลาจารึกโบราณนี่แตกซะแล้ว…” จวินเซียวเหยาพูดเสียงอ่อน
“ไม่เป็นอะไรหรอก อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด แต่เจ้าต่างหากที่นำความประหลาดใจครั้งใหญ่มาสู่ตระกูลจวินของข้าอีกครั้งแล้ว!” จวินจ้านเทียนอดไม่ได้ที่จะดีใจ
เทียบกับบันทึกนิรันดร์ที่ถูกเขียนโดยจวินเซียวเหยาแล้ว เรื่องที่ศิลาจารึกโบราณไท่เยว่แตกจะสำคัญได้ยังไง?
ในเวลานี้ กลุ่มเมฆแห่งแสงกลียุคได้ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าและตกลงสู่มือของจวินเซียวเหยา
นี่คือรางวัลจากการทำลายขีดจำกัดอันเป็นนิรันดร์
จวินเซียวเหยานำมามองดูใกล้ๆ และพบว่ามันคือแผ่นหยกอันหนึ่ง
เขาส่งคลื่นกระแสจิตวิญญาณแทรกผ่านเข้าไปในหยก จวินเซียวเหยาค้นพบทันทีว่าสิ่งที่บันทึกอยู่ในแผ่นหยกคือเคล็ดฝึกฝนการกลั่นวิญญาณระดับสูงสุด
วิถีเทพเกลาวิญญาณ!
“น่าสนใจ นี่อยากให้ข้าไร้เทียมทานทั้งร่างกายและวิญญาณเลยรึ?”
จวินเซียวเหยาลอบยิ้ม
ร่างกายของเขาทะลวงผ่านถึงสุดยอดขอบเขตและเขาไร้คู่เปรียบนับตั้งแต่โบราณกาล เมื่อนับรวมเคล็ดฝึกฝนการกลั่นวิญญาณระดับสูงสุด หากร่างกายและวิญญาณของเขาสมบูรณ์แบบทั้งหมด ใครจะสามารถเป็นศัตรูกับเขาได้?
จวินเซียวเหยาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงเก็บแผ่นหยกไว้ก่อนและตัดสินใจจะศึกษามันอย่างละเอียดในอนาคต
ในเวลาเดียวกัน มีแสงรุ้งมาจากระยะห่างไกลออกไป นั่นคือผู้อาวุโสระดับสูงของตระกูลจวินที่กำลังตะโกนเสียงดัง
“บรรพชนที่สิบแปดรับรู้ถึงการทำลายบันทึกนิรันดร์สุดขีด จึงมีประกาศิตให้มอบรางวัลแก่จวินเซียวเหยาเป็นโอสถอมตะสามต้น!”
ประกาศของผู้อาวุโสตระกูลพลันสร้างความวุ่นวายไปทั่วอีกครั้ง
ศิษย์ตระกูลจวินส่วนหนึ่งอิจฉาริษยาสุดๆ!
โอสถแห่งความอมตะนั้นล้ำค่าถึงที่สุด
กล่าวโดยทั่วไปแม้แต่ขุมกำลังระดับต้นๆ ในแดนอมตะหวงเทียนอาจมีโอสถอมตะเพียงแค่หนึ่งหรือสองต้น
ถึงแม้ตระกูลจวินจะเป็นตระกูลโบราณที่มีมรดกตกทอดมามากมาย แต่ก็ไม่ได้มีโอสถแห่งความอมตะมากนัก
การมอบรางวัลเป็นโอสถแห่งความอมตะสามต้นภายในครั้งเดียว ในตระกูลจวินยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย!
แต่เมื่อคำนึงถึงการทำลายบันทึกนิรันดร์ของจวินเซียวเหยาแล้ว รางวัลนี้จึงมีความชอบธรรม
หลานชิงหย่าตกตะลึงอย่างมากจนเริ่มเบลอเล็กน้อย
นางยังคงจำได้ฝังใจเมื่อจวินจ้างเจี้ยนมีโชคมากพอจนได้รับโอสถแห่งความอมตะมา กระทั่งนางยังปฏิบัติกับมันราวกับเป็นบรรพบุรุษและลังเลที่จะใช้มัน
แต่จวินเซียวเหยาได้รับมาสามต้นในครั้งเดียว ความแตกต่างนั้นช่างมหาศาล
“แจ้งท่านบรรพชนในนามของข้า ข้าขอแสดงความขอบคุณสำหรับรางวัลจากท่านบรรพชนที่สิบแปด” จวินเซียวเหยากล่าวด้วยความใจเย็น ไร้ความเย่อหยิ่งหรือหุนหัน
เขากำลังเตรียมตัวที่จะกลับพระราชวังเทียนตี้เพื่อปิดด่านและย่อยผลลัพธ์ของครั้งนี้
จวินหลิงหลงลังเลเล็กน้อย นางกัดริมฝีปากของนางและก้าวเดินออกมาพร้อมกล่าวด้วยความกระวนกระวาย “ท่านใต้เท้า ได้โปรดอยู่ก่อน”
“หือ?” จวินเซียวเหยาหันหน้ากลับมาและเห็นจวินหลิงหลง
นางสวมใส่ชุดคลุมหลวงรัดรูปร่างสุดงดงามซึ่งกำลังแสดงทรวดทรงสุดแสนจะพิเศษออกมา
ผมสีทองโค้งเป็นลอนราวกับคริสตัลอันกระจ่างและแวววาว ใบหน้าคือหยกอันไร้ที่ติ ทั้งขาวและละเอียดลออ เป็นบรรยากาศที่ไม่มีใครเทียบได้
“เจ้าคือ?” จวินเซียวเหยาฉงน
“สาวน้อยจวินหลิงหลง ขอแสดงความเคารพต่อท่านใต้เท้าจวินเซียวเหยา” จวินหลิงหลงกล่าวด้วยความประหม่าเล็กน้อย
นางมักจะสงบและสุขุม แผ่บรรยากาศที่ละเอียดอ่อนและสง่างาม
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับจวินเซียวเหยาในเวลานี้ จวินหลิงหลงรู้สึกว่านางคือคนธรรมดาลึกไปจนถึงก้นบึ้งของหัวใจจนนางไม่อาจแสดงความเย่อหยิ่งได้แม้แต่น้อย
“มีอะไรผิดปกติรึ?” จวินเซียวเหยากล่าวเรียบๆ
สาวผมทองผู้นี้ดูน่าเย้ายวนใจมาก แต่จวินเซียวเหยาไม่ใช่คนประเภทเห็นผู้หญิงแล้วไปไม่เป็น
ดังนั้น ทัศนคติของจวินเซียวเหยาค่อนข้างเรียบเฉย
จวินหลิงหลงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย นางคารวะจวินเซียวเหยาและเอ่ยปาก
“หลิงหลงหวังว่าจะได้รับโอกาสเป็นผู้ติดตามของท่านใต้เท้า!”
เพียงประโยคเดียว ทั่วทั้งสนามประลองเงียบเป็นเป่าสาก
ศิษย์ชายหลายคนในตระกูลจวินหน้าซีดและรู้สึกอกหักช้ำรัก
ในสายตาของพวกเขา นางคือสตรีงามผู้อยู่สูงขึ้นไปเกินจะไขว่คว้าและทำได้แค่มองจากระยะไกล แต่ตอนนี้สตรีผู้นั้นกลับก้มหัวและโค้งคำนับ เสนอตัวเป็นผู้ติดตามของใครบางคน
ความรู้สึกมันราวกับว่าเทพธิดาในหัวใจกำลังยินยอมที่จะเป็นของเล่นให้ผู้อื่น
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)