[ตอนฟรี] ตอนที่ 45 : เซียวเฉินมุ่งไปที่คลังสมบัติลับ
ใบหน้าของจวินจ้างเจี้ยนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เขาได้รับเหรียญตราจ้าวเทวะหยวนเทียนเมื่อหลายปีก่อน แต่มันไม่เคยได้นำออกมาใช้สักที
แต่ตอนนี้ ข่าวของคลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียนก็ปรากฏในที่สุด
“โอ้ คลังสมบัติลับกำลังจะเปิดออก?” สายตาของจวินเซียวเหยาราบเรียบ
เขาไม่ได้รู้สึกประหลาดใจมาก มันอยู่ในการคาดการณ์ของเขาอยู่แล้ว
“ใช่แล้วขอรับ” จวินจ้างเจี้ยนพยักหน้าและกล่าวต่อ “มีรายงานว่ามีปรากฏการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในหนานหยวนเต้าโจว และมีกลิ่นอายของจ้าวเทวะแพร่กระจายออกมาในอากาศ หากไม่มีอะไรผิดพลาด มันต้องเป็นคลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียนอย่างไม่ต้องสงสัย”
จวินเซียวเหยาพยักหน้าเล็กน้อยและเอ่ย “เอาล่ะ เตรียมตัวกันเล็กน้อยแล้วออกเดินทางได้”
จวินจ้างเจี้ยนยังคงกล่าวต่อ “บุตรพระเจ้า มันควรมีรุ่นเยาว์สี่คนในตระกูลจวินของเราที่ถือครองเหรียญตราจ้าวเทวะหยวนเทียน”
“สี่?” จวินเซียวเหยาสับสน
“บุตรพระเจ้า ข้า จวินเสวี่ยฮวาง และ…” จวินจ้างเจี้ยนหยุดพูดและลังเลเล็กน้อย
“ใครหรือ?” จวินเซียวเหยาถามอย่างใจเย็น
“จวินว่านจี๋” จวินจ้างเจี้ยนถอนหายใจและกล่าว
เขารู้ว่าจวินว่านจี๋มีความไม่พอใจต่อจวินเซียวเหยา
“กลายเป็นเขานี่เอง ไม่เป็นไรหรอก” จวินเซียวเหยากล่าวอย่างไม่จริงจัง
เขาไร้เทียมทานในทุกแง่มุมและเป็นที่นับถือจากคนรอบตัว จวินว่านจี๋ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลย
ภายในไม่กี่วัน ข่าวการเปิดออกของคลังสมบัติลับในหนานหยวนเต้าโจวก็เริ่มแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งสามพันดินแดนอมตะ
คลังสมบัติลับจ้าวเทวะ ซึ่งก็คือสมบัติของผู้บ่มเพาะขอบเขตจ้าวเทวะ มันดึงดูดแม้กระทั่งขุมกำลังอมตะ นับประสาอะไรกับขุมกำลังในระดับที่ต่ำกว่า
ชั่วขณะหนึ่ง ทั่วทั้งสามพันดินแดนอมตะหวงเทียนก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
เป็นไปได้ว่านี่จะเป็นการรวมตัวกันครั้งยิ่งใหญ่ของเหล่าผู้บ่มเพาะ เป็นเวทีในการแข่งขันของขุมกำลังอันหลายหลาก
...
คุนโจว เหนือเทือกเขา
ร่างของเซียวเฉินและอู่หมิงเยว่ปรากฏ
เซียวเฉินได้รวบรวมข้อมูลมาแล้วก่อนหน้า และคลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียนก็ถูกเปิดออกแล้วในหนานหยวนเต้าโจว
ปรมาจารย์ชิงหลงได้บอกเขาไว้แล้วว่าเขาจะต้องเก็บเกี่ยวกระดูกมังกรในคลังสมบัติลับมาให้ได้
ดังนั้นเขาวางแผนที่จะไปเยือนหนานหยวนเต้าโจวด้วยเช่นกัน
“หมิงเยว่ เจ้าอยากไปหนานหยวนเต้าโจวกับข้าหรือเปล่า?” เซียวเฉินมองอู่หมิงเยว่ด้วยความอ่อนโยนในดวงตา
ในช่วงเวลานี้ แม้ว่าจะไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้นระหว่างเขาและอู่หมิงเยว่
แต่ความสัมพันธ์ก็เข้ากันได้ดีเป็นอย่างมาก
นี่ทำให้เซียวเฉินคิดว่าเขาน่าจะใกล้เผด็จศึกอู่หมิงเยว่ได้แล้ว
ใบหน้าของอู่หมิงเยว่ถูกปกปิดด้วยผ้าคลุมหน้าสีขาว แต่ดวงตาอันสดใสราวฤดูใบไม้ร่วงกลับกำลังจ้องมองเซียวเฉินด้วยความอ่อนโยน
อย่างไรก็ตาม นางส่ายหัวเบาๆ และเอ่ย “ข้าขอโทษนะเซียวเฉิน เมื่อคลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียนเปิดออก ขุมกำลังจากทั่วทุกทิศทางจะมารวมตัวกัน ถ้าข้าปรากฏตัว นั่นจะทำให้ตัวตนของข้าถูกเปิดเผยและถูกจับกุมได้ง่าย”
คำพูดของอู่หมิงเยว่ทำให้สีหน้าของเซียวเฉินมืดมนลงเล็กน้อย
ตอนนี้เขารู้ตัวตนที่แท้จริงของอู่หมิงเยว่แล้ว
นางคือองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์เทพผานหวู่ สถานะของนางยอดเยี่ยมอย่างน่าอัศจรรย์
และเหตุผลที่นางแอบหนีออกมาฝึกฝนคนเดียวก็เป็นเพราะนางไม่ต้องการเผชิญหน้ากับการเลือกคู่ครองในอนาคต
นางไม่ต้องการให้เวลาชีวิตส่วนตัวของนางถูกนำไปใช้ประโยชน์และโดนคนอื่นครอบงำ
“หมิงเยว่ สักวันข้าจะไปเยือนราชวงศ์เทพผานหวู่เพื่อสู่ขอเจ้า!”
เซียวเฉินไม่รู้ว่าทำไม แต่สมองของเขารู้สึกเร่าร้อนขึ้นแล้วเขาก็เอ่ยออกมาทันที
เมื่ออู่หมิงเยว่ได้ยิน แก้มสองข้างของนางก็เหมือนเมฆแดงสองก้อนทันที ราวกับแสงแดดยามเช้าที่สะท้อนหิมะ มันสวยงามมาก
“เซียวเฉิน เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน?” อู่หมิงเยว่แสดงด้านเขินอายอันหาดูได้ยาก
มันมีคำกล่าวที่ว่าสตรีที่ตกหลุมรักมักไร้สมอง
แม้ว่าอู่หมิงเยว่จะไม่ได้ตกหลุมรักขนาดนั้น แต่นางก็มีความประทับใจที่ดีมากต่อเซียวเฉิน
และนางก็เข้าใจดีว่าแม้เซียวเฉินจะมีความสามารถอันยอดเยี่ยม แต่เขาก็อยู่ในสถานะที่ไม่เหมาะสม
มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับราชวงศ์เทพผานหวู่ที่จะอนุญาตให้องค์หญิงใหญ่แต่งงานกับองค์ชายดาษดื่นจากดินแดนชิงหลงโบราณ
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องกังวล ข้า เซียวเฉิน เอ่ยสิ่งใดย่อมหมายความตามนั้น และข้าไม่มีวันคืนคำ!”
ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ความมั่นใจและรอยยิ้มอันสดใสนั้นทำให้อู่หมิงเยว่มีความรู้สึกที่พิเศษ
เซียวเฉินช่างแตกต่างกับอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่นางเคยเห็นมาก่อน เขาแน่วแน่และเรียบง่าย
จากนั้น แม้เซียวเฉินจะไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ แต่เขายังคงอำลาอู่หมิงเยว่อย่างดี
“เซียวเฉิน แม้ว่าหมิงเยว่จะไม่สามารถไปกับเจ้าได้อย่างเปิดเผย แต่ข้าสามารถช่วยเจ้าได้อย่างลับๆ หากเจ้าประสบกับอันตรายใดๆ ในคลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียน หมิงเยว่จะช่วยเจ้าเอง”
อู่หมิงเยว่กระซิบแผ่วเบาในใจ
นางได้ตัดสินใจที่จะหลบซ่อนอยู่ในเงามืดและติดตามเซียวเฉิน
สาเหตุก็เพราะนางมีลางสังหรณ์อันคลุมเครือบางอย่างในใจ
การเดินทางไปคลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียนในครั้งนี้ของเซียวเฉินจะต้องอันตรายสุดขีดเป็นแน่
...
หงโจว เขตแดนรังจู่หลง
ภายในเทือกเขาที่ยืดยาวออกไปหลายพันลี้และกำลังรวบรวมปราณมังกร
เสียงอันน่าเกรงขามได้ดังขึ้น
“ปี้ชรือ ย้อนกลับไปเมื่อครั้งนั้น จ้าวเทวะหยวนเทียนช่างหยิ่งยโสและต่ำทราม เขาได้ขโมยกระดูกมังกรโบราณอันล้ำค่าหลายชิ้นไปจากรังจู่หลงของเรา ยามนี้ที่คลังสมบัติลับเปิดออก เจ้าจงไปและนำกระดูกมังกรโบราณกลับมา”
ด้วยเสียงที่สิ้นสุดลง
หญิงสาวคนหนึ่งในเกราะน้ำเงินเผยตัวออกมาทันที
นางมีใบหน้าอันงดงาม รูปร่างเพรียวและสันทัดในชุดเกราะน้ำเงิน นางดูกล้าหาญราวกับวีรสตรี
แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของหญิงสาวคนนี้คือเขามังกรสีครามสองเขาที่ยื่นออกมาจากผมดำและมันเงาของนาง ซึ่งแสดงให้เห็นว่านางไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เป็นราชวงศ์จักรพรรดิ
แม่นางคนนี้นามว่าหลงปี้ชรือ นางคือมังกรสาวผู้มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมแห่งรังจู่หลง
ในรังจู่หลง สถานะของมังกรสาวเทียบเท่าทายาทมังกร
และหลงปี้ชรือคนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าหลงฮ่าวเทียนถึงหนึ่งส่วน
เพราะบรรพบุรุษของนางครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงจักรพรรดิโบราณชางหลง
จักรพรรดิโบราณของราชวงศ์จักรพรรดิคือการคงอยู่สูงสุดเทียบได้กับมหาจักรพรรดิของเผ่ามนุษย์
ดังนั้นจากมุมมองนี้ หลงปี้ชรือจึงถือได้ว่ามีร่องรอยของสายเลือดจักรพรรดิโบราณ
แม้ว่ามันจะส่งต่อมาจนถึงทุกวันนี้ แต่สายเลือดจักรพรรดิโบราณในตัวของหลงปี้ชรือก็เบาบางเกินกว่าที่จะสกัดออกมาได้
แต่ยังไงซะ นางก็เป็นถึงลูกหลานของเชื้อสายจักรพรรดิโบราณชางหลง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงพรสวรรค์ของนาง
“ค่ะ ปี้ชรือน้อมรับคำสั่งของท่านบรรพชน และจะนำกระดูกมังกรโบราณกลับมาให้ได้อย่างแน่นอน” หลงปี้ชรือกำหมัดของนางด้วยท่าทางองอาจไม่แพ้ผู้ชาย
“อีกอย่าง เจ้าต้องระมัดระวังบุตรพระเจ้าตระกูลจวินให้ดี คลังสมบัติลับเปิดครานี้เขาอาจเข้าร่วมเพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่ง” เสียงอันน่าเกรงขามกล่าวเตือน
“บุตรพระเจ้านั่นแข็งแกร่งมากเลยหรือ?” หลงปี้ชรือขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทุกวันนี้นางได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินจนหูนางจะเป็นแผลอยู่แล้ว
“ตัวตนที่สังหารหลงฮ่าวเทียนได้ง่ายๆ เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?” เสียงนั้นกล่าว
“หลงฮ่าวเทียนผสานไปเพียงแค่แก่นแท้มังกรเดียว ซึ่งนับว่าไม่อ่อนแอ แต่ปี้ชรือผสานไปแล้วถึงสองแก่นแท้มังกร และเป็นการผสานที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย ในแง่ของความแข็งแกร่ง หลงฮ่าวเทียนย่อมเทียบไม่ติดกับปี้ชรือ”
หลงปี้ชรือเชิดคางขาวเนียนของนางเล็กน้อยด้วยความมั่นใจ
พวกเขาล้วนเป็นอัจฉริยะที่มีโอกาสเกิดหนึ่งในล้าน ใครจะชักจูงใครได้?
ก่อนที่จะได้เห็นพลังของจวินเซียวเหยา กระทั่งสมาชิกตระกูลอย่างจวินจ้างเจี้ยนก็ไม่ใส่ใจ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขุมกำลังศัตรูอย่างหลงปี้ชรือ
ส่วนใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะแพ้อย่างย่อยยับ ความจองหองอวดดีในใจเหล่านั้นก็จะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้
ถ้าเจ้าหวาดกลัวตั้งแต่เริ่มต้น มันก็หมายความว่าใจของเจ้าได้แตกสลายและไม่มีความจำเป็นต้องฝึกฝนเลย
“ยังไงซะก็ระวังตัวด้วย” เสียงนั้นเตือน
“น้อมรับคำสั่ง ปี้ชรือขอตัวลา” หลงปี้ชรือป้องมือเล็กน้อย แต่นางก็ไม่ได้ฟังคำเตือนและจากไปทันที
เสียงอันน่าเกรงขามถอนหายใจเบาๆ เช่นกัน “เฮ้อ เมื่อคิดถึงเชื้อสายจักรพรรดิโบราณชางหลงของข้าแล้ว มันก็เคยมีธิดาสายตรงนางหนึ่งผู้ถูกผนึกไว้ในศิลาปราณเทวะ แต่ตอนนี้ไม่รู้ชะตากรรมว่าหายไปไหนแล้ว แถมเคล็ดแปรผันมังกรฟ้าฉบับสมบูรณ์ก็หายไปเช่นกัน”
“ถ้าหากเราสามารถค้นหาธิดาคนนั้นและปลดผนึกให้นางถือกำเนิดได้ เมื่อนั้นรังจู่หลงของข้าก็จะมีตัวตนเฉกเช่นหลงอ้าวเทียนอีกคน”
“ในเวลานั้น ทายาทมังกรไร้เทียมทานและมังกรสาวไร้เทียมทานจะก้าวไปด้วยกัน แล้วบุตรพระเจ้าตระกูลจวินจะนับว่าอะไร?”
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)