[ตอนฟรี] ตอนที่ 43 : วีรบุรุษช่วยสาวงาม
ภายนอกของจวินเซียวเหยายังคงสงบนิ่ง แต่ภายในกลับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
คาดไม่ถึงว่าสถานที่ลงชื่อแห่งใหม่จะมีการเปลี่ยนแปลง
แต่เห็นได้ชัดว่าสุสานผานหวู่ไม่เหมือนกับคลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียน
ที่นั่นเป็นพื้นที่ลับส่วนตัวของราชวงศ์เทพผานหวู่ จะให้คนนอกเข้าไปได้อย่างไร?
“ท่านปู่ บางทีราชวงศ์เทพผานหวู่อาจไม่ยอมให้คนนอกเข้าไปในพื้นที่ลับของพวกเขาถูกไหม?” จวินเซียวเหยาส่ายหัวเบาๆ
“เอ่อ.. นั่นก็จริง แต่ทุกอย่างมันก็ไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ปู่แค่กำลังบอกเจ้าว่ามันมีหนทางนี้ ถ้ามันไม่ได้ผลจริงๆ ก็ช่างมัน การรีบเร่งย่อมไม่ส่งผลดีต่ออนาคตของเจ้า” จวินจ้านเทียนกล่าวอย่างเอาแต่ใจ
“งั้นค่อยคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ภายหลังนะครับ” จวินเซียวเหยาพูดไม่ออก
ความเอาแต่ใจของตระกูลจวินเหมือนจะอยู่ในสายเลือดตั้งแต่เกิด
แต่ถ้าเป็นไปได้ จวินเซียวเหยายังคงต้องการแก้ปัญหาทั้งหมดด้วยตัวของเขาเอง
“จักรพรรดิผานหวู่มีกายาเทพบรรพกาล หากข้าสามารถค้นหาข้อมูลบางอย่างได้ มันจะช่วยให้ข้าไม่ต้องอ้อมไปมามากมาย” จวินเซียวเหยาพึมพำ
กายาเทพบรรพกาลเป็นสิ่งที่หายากสุดๆ และยากมากที่จะถือกำเนิดขึ้นมาในแต่ละยุคสมัย
แต่กายาเทพบรรพกาลที่พิสูจน์เส้นทางแห่งเต๋าและบรรลุขอบเขตจักรพรรดินั้นหายากยิ่งกว่า
ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเหมือนจวินเซียวเหยาผู้มีสูตรโกงในการทำลายโซ่ตรวนทั้งสิบเส้นในตอนที่ถือกำเนิด
ในยุคสมัยของจักรพรรดิผานหวู่ บางทีมันอาจไม่ใช่เรื่องยากในการบ่มเพาะกายาเทพบรรพกาลเหมือนกับยุคนี้ แต่มันเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะทำลายโซ่ตรวนอย่างง่ายดาย
“สุสานผานหวู่ หากข้ามีโอกาสในอนาคต ข้าต้องไปเยี่ยมเยือนแน่” จวินเซียวเหยาคิดในใจ
หลังจากนั้น จวินเซียวเหยายังคงฝึกฝนต่อไปในพระราชวังเทียนตี้
เขามีลางสังหรณ์อย่างคลุมเครือในใจว่าคลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียนอาจจะเปิดออกภายในไม่กี่ปีนี้
ก่อนจะถึงเวลานั้น จวินเซียวเหยาก็จำเป็นต้องเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของตัวเองต่อไป
...
กาลเวลาลอยล่อง พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกหนึ่งปี
ตอนนี้จวินเซียวเหยาอายุสิบเอ็ดปีแล้ว แต่รูปลักษณ์ภายนอกของเขากลับดูเหมือนหนุ่มน้อยวัยสิบห้าหรือสิบหกปี
ร่างสูงโปร่งหล่อเหลาราวกับพระเจ้าผู้ไร้มลทิน ผู้ใดเผลอจ้องมองจำต้องอับอายเพราะเกรงว่าสายตาของตัวเองจะสร้างความแปดเปื้อนให้จวินเซียวเหยา
ในปีที่ผ่านมา การบ่มเพาะของจวินเซียวเหยาได้มาถึงระดับสมบูรณ์แบบของขอบเขตสะพานศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ดูเหมือนความก้าวหน้าจะไม่มากนัก
เหตุผลหลักก็เพราะเขาใช้ความพยายามทั้งหมดไปกับการฝึกฝนเหล่าเคล็ดทักษะ
หลังจากฝึกฝนเพลงดาบสังหารอมตะรูปแบบที่สองสำเร็จ ความเร็วนี้ถึงกับทำให้บรรพชนที่สิบแปดพูดไม่ออกและถอนหายใจไม่หยุด
ส่วนสุดยอดกระดูก หลังจากดูดซับสารอาหารไปมากมาย มันก็ได้เลื่อนระดับไปสู่ทักษะที่สมบูรณ์นามว่า หัตถ์พระเจ้า
นี่คือรูปแบบที่สมบูรณ์ของเทพชิงแสง
แก่นแท้มังกรก็ถูกย่อยโดยจวินเซียวเหยาอย่างหมดจดเช่นกันและสายเลือดมังกรอันเข้มข้นได้ช่วยให้เขาปลุกอีก 20,000 พลังคชสารยักษ์
ตอนนี้เขาปลุกไปแล้ว 70,000 พลังคชสารยักษ์ ซึ่งนับเป็นพละกำลังสูงถึง 700 ล้านจิน
จำเป็นต้องรู้ว่านี่ยังไม่ได้นับรวมกับพละกำลังจากกายาเทพบรรพกาล
จวินเซียวเหยาปลดปล่อยแค่พลังเทพคชสารทลายโลกันตร์มาโดยตลอด มันยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงขีดความสามารถและความคงกระพันอันไร้เทียมทานของกายาเทพบรรพกาล
แน่นอน ถ้าจวินเซียวเหยากระตุ้นพลังของกายาเทพบรรพกาลจริงๆ มันยิ่งจะน่าหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ จวินเซียวเหยายังได้รับเคล็ดทักษะของรังจู่หลงอีกด้วย อย่างเช่นกรงเล็บมังกรเฉือน หมัดมังกร มังกรแท้กักสวรรค์ และอย่างอื่น จากการดูดซับแก่นแท้มังกร
สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยก็คือมันไม่มีเคล็ดทักษะของมังกรที่แท้จริงอยู่ภายในแก่นแท้มังกรนี้
“เฮ้อ เอาแต่ฝึกฝนบ่มเพาะอย่างเดียวนี่มันโคตรน่าเบื่อ ชักจะคิดถึงเซียวเฉินขึ้นมาหน่อยนึงแล้วสิ…” จวินเซียวเหยาถอนหายใจเบาๆ
สงสัยจังว่าเซียวเฉินน้ำหนักเพิ่มขึ้นเท่าไหร่แล้ว?
จวินเซียวเหยาเหมือนจะได้เห็นทุ่งข้าวอวบเขียวขจี…
...
คุนโจว หนึ่งในสามพันดินแดนอมตะหวงเทียน
ที่ตั้งดินแดนนี้อยู่ห่างออกไปแสนไกล มันมีสภาพแวดล้อมอันแห้งแล้งแต่กลับเต็มไปด้วยเหล่าโจรออกอาละวาดและสัตว์อสูรสุดอันตราย มันเป็นสภาพแวดล้อมสุดขั้วที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตเลย
ดินแดนแห่งนี้ไร้ซึ่งขุมกำลังครอบครอง เห็นได้ชัดว่ามันคือดินแดนที่ถูกทิ้งร้าง
แต่มันก็เพราะดินแดนแห่งนี้ค่อนข้างอันตรายและมีสภาพแวดล้อมสุดขั้ว ดังนั้นมันจึงกลายเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการหาประสบการณ์
เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์จากนิกายชั้นยอดมักจะมาคุนโจวเพื่อฝึกฝนหาประสบการณ์
เวลานี้ภายในคุนโจว ณ กลางเทือกเขาที่ค่อนข้างอันตราย
“หัตถ์มังกรครามฉีกฟ้า!”
หลังจากเสียงตะโกนดังกัมปนาท ร่างเงาที่ดูเหมือนมนุษย์ครึ่งมังกรสะบัดปีกมังกรมรกต ฝ่ามือของเขาเปลี่ยนเป็นกรงเล็บและชูออกสู่ท้องฟ้า
พริบตานั้น รูปแบบแสงมังกรครามนับร้อยพุ่งออกมา พวกมันรวมตัวกันราวกับมือที่สามารถทำลายสวรรค์ได้และฉีกกระชากสัตว์อสูรขอบเขตหวนคืนหนึ่งเดียวตรงหน้าออกเป็นชิ้นๆ อย่างรุนแรง
ฝนโลหิตโปรยปราย เศษเลือดเศษเนื้อของสัตว์อสูรกระจายออกไปทุกทิศทาง
ร่างมนุษย์ครึ่งมังกรผู้นี้มีเกล็ดมังกรครามบนร่างกาย ด้วยปีกที่หดเข้าสู่แผ่นหลังเผยให้เห็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง มันคือเซียวเฉิน
ผ่านมาแล้วสามปีนับตั้งแต่ถูกเตะออกมาจากตระกูลจวินอย่างน่าอับอายโดยจวินเซียวเหยา
เด็กน้อยในตอนนั้นได้เติบโตเป็นชายชาตรีในตอนนี้
แม้ว่าเซียวเฉินจะถูกจวินเซียวเหยาทำลายเส้นลมปราณและการบ่มเพาะ
แต่มันก็เป็นเหมือนกับพร หลังจากฝึกฝนเคล็ดแปรผันมังกรฟ้า ตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่าและบรรลุถึงระดับกลางของขอบเขตสะพานศักดิ์สิทธิ์ แม้หลังจากแปลงเป็นมังกรคราม ก็ถึงขนาดที่สามารถสังหารกระทั่งสัตว์อสูรขอบเขตหวนคืนหนึ่งเดียวได้
“ใช้ได้ เจ้าสามารถฝึกฝนเคล็ดแปรผันมังกรฟ้าไปจนถึงระดับที่สี่ภายในไม่กี่ปี เจ้าคู่ควรแล้วกับนามบุตรแห่งโชคชะตาของดินแดนชิงหลงโบราณของข้า”
ในความว่างเปล่าข้างเซียวเฉิน ชายชราในชุดคลุมมังกรครามพร้อมด้วยเขามังกรปรากฏตัวออกมา มันคือเสี้ยววิญญาณของผู้ก่อตั้งดินแดนชิงหลงโบราณ ปรมาจารย์ชิงหลง
เขามองเซียวเฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
มันยากอย่างถึงที่สุดในการฝึกฝนเคล็ดแปรผันมังกรฟ้า ขนาดตอนที่เขาเริ่มฝึกฝนมันยังต้องใช้เวลานานมหาศาลเลย
แต่ความเร็วในการฝึกฝนของเซียวเฉินได้ก้าวข้ามเขาในตอนนั้นไปแล้ว
กล่าวได้ว่าหากไม่มีอะไรผิดพลาด ในอนาคต เซียวเฉินจะกลายเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ที่มือชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วสามพันดินแดนอมตะอย่างแน่นอน
เมื่อเซียวเฉินได้ยิน ไม่เพียงจะไม่มีความยินดีปรีดาบนใบหน้า แต่กลับมีแต่ความเกลียดชังและความเย็นชาแทน
“สามสิบปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำ อีกสามสิบปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ ข้าบอกกับจวินเซียวเหยาว่าเราจะกลับมาสู้กันอีกครั้งภายในสามปี แต่มันทำเหมือนกับว่าข้าเป็นตัวตลก!”
“สามปีได้ผ่านไปแล้ว ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าใครคือตัวตลกตัวจริง!”
เซียวเฉินเต็มไปด้วยแรงผลักดันและจิตใจอันฮึกเหิม ราวกับว่าเขาได้เห็นจวินเซียวเหยาถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า
และไป่ยวี่เอ๋อ เขาจะทำให้นังสารเลวนั่นเสียใจ
เพียงเมื่อเซียวเฉินกำลังจินตนาการอยู่ในใจ มันกลับมีความเคลื่อนไหวบางอย่างไกลออกไป
“เซียวเฉิน มันมีความเคลื่อนไหวบางอย่าง ระวังตัวด้วย” ปรมาจารย์ชิงหลงกลับเข้าสู่แหวนผานหลงและกล่าวผ่านข้อความเสียง
เซียวเฉินขมวดคิ้วและตรวจสอบอย่างระมัดระวัง
เขาหันไปทางนั้นและมองด้วยความประหลาดใจ
เขาเห็นหญิงสาวสวมกระโปรงผ้าไหมและผ้าคลุมหน้าสีขาว นางกำลังถูกไล่ล่าโดยกลุ่มโจร
โจรเหล่านั้นเป็นที่รู้จักกันดีในนาม กลุ่มโจรหมัวหลาง (ปิศาจหมาป่า)
“นี่คนสวย วิ่งหนีต่อไปเถอะ ภายในคุนโจวนี้มีใครบ้างที่สามารถหยุดกลุ่มโจรหมัวหลางของข้าได้” หัวหน้าโจรเย้ยหยัน
ระดับการบ่มเพาะของเขาคือขอบเขตหวนคืนหนึ่งเดียว
“บ้าจริง ข้าไม่สามารถปลดปล่อยพลังของข้าได้ ไม่งั้นข้าจะถูกพวกเขาสังเกตเห็น ถึงตอนนั้นข้าก็จะถูกนำตัวกลับไป”
หญิงสาวสวมผ้าคลุมหน้าแอบรำคาญ
นางนั้นแอบหนีออกมาและถ้านางปลดปล่อยเคล็ดทักษะที่สืบทอด เกรงว่าจะถูกสัมผัสได้โดยผู้พิทักษ์ของนาง
“คนสวย ต่อให้เจ้ากรีดร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครมาช่วยเจ้าหรอก” หัวหน้าโจรยิ้มอย่างชั่วร้าย
แต่ทันใดนั้น ร่างเงาหนึ่งพุ่งออกมาทันทีพร้อมกับเสียงอันเย็นชา
“ปล่อยผู้หญิงคนนั้นซะ!”
TL : เซียวเหยาเพิ่งจะล้อคำพูดนายไปนะเซียวเฉิน~
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)