[ตอนฟรี] ตอนที่ 42 : ห้ายอดทักษะ
จวินเซียวเหยาไม่เคยลืมเพลงดาบสังหารอมตะ
หนึ่งดาบกวาดผ่าน สะท้อนฉากอันน่าสะพรึงของผู้เป็นอมตะร่วงหล่น
กึ่งเทวะแห่งรังจู่หลงถูกสังหารในสามดาบทันที
ในเรื่องนี้ แม้เหตุผลหลักจะมาจากการบ่มเพาะอันสูงส่งของบรรพชนที่สิบแปด แต่เหตุผลอีกส่วนหนึ่ง นั่นคือเพลงดาบสังหารอมตะทรงพลังเกินไป
บรรพชนที่สิบแปดกล่าว “ในดินแดนอมตะหวงเทียนนี้มันมีเพลงดาบนับไม่ถ้วน แต่ที่สามารถอยู่ในระดับสูงสุดได้จริงๆ มีเพียงห้ายอดทักษะศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น และเพลงดาบสังหารอมตะของตระกูลจวินของเราก็เป็นหนึ่งในห้ายอดทักษะศักดิ์สิทธิ์”
“ห้ายอดทักษะศักดิ์สิทธิ์...”
แม้เขาจะรู้มานานแล้วว่าเพลงดาบสังหารอมตะต้องไม่ธรรมดาแน่ แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่ามันจะเป็นหนึ่งในห้ายอดทักษะศักดิ์สิทธิ์
“ไม่แปลกใจที่ผู้เยาว์ไม่สามารถค้นหาเพลงดาบสังหารอมตะได้ในศาลายุทธภพ” จวินเซียวเหยาผงะ
“ฮ่าฮ่า นั่นเป็นเรื่องธรรมดา เพลงดาบรูปแบบนี้ยากมากที่จะฝึกฝน แม้จะเผยให้คนทั่วไปได้เรียนรู้ มันก็ต้องใช้เวลานานถึงสิบปีกว่าจะเข้าสู่บทเริ่มต้นได้ มันผลาญเวลาเกินไป” บรรพชนที่สิบแปดอธิบาย
จวินเซียวเหยาค่อนข้างเห็นด้วย
สำหรับคนที่ไม่มีพรสวรรค์และการทำความเข้าใจที่ดี มันเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์อย่างแท้จริงและเสียเวลามากที่จะฝึกฝนเพลงดาบสังหารอมตะ
ช่างน่าสงสารที่จวินเซียวเหยาเป็นผู้ที่ถูกเรียกว่ามีพรสวรรค์และความเข้าใจระดับสัตว์ประหลาด
“ท่านบรรพชน เพลงดาบสังหารอมตะนี้…” จวินเซียวเหยาหยุดกลางคัน
“ข้าไม่ได้มอบมันให้เจ้าก่อนหน้าก็เพราะข้าเกรงว่ามันจะถ่วงการฝึกของเจ้า แต่ตอนนี้ที่เจ้ากำลังจะออกไปผจญภัยสู่โลกภายนอก เจ้าก็จำเป็นต้องมีไพ่ตายเอาไว้ในมือ แม้ว่ากายาเทพบรรพกาลและสุดยอดกระดูกจะแข็งแกร่งทั้งคู่ แต่เคล็ดทักษะอันทรงพลังก็เป็นสิ่งที่เจ้าขาดไม่ได้เช่นกัน” บรรพชนที่สิบแปดเตือน
ต่อมา บรรพชนที่สิบแปดจึงฝึกฝนเพลงดาบสังหารอมตะให้จวินเซียวเหยา
เพลงดาบสังหารอมตะแบ่งออกเป็นสามส่วน
รูปแบบแรก เซียนหยุ่น (อมตะร่วงหล่น) เป็นดาบแห่งปราณที่มุ่งเน้นร่างกายทางกายภาพ
รูปแบบที่สอง เซียนเมี่ย (ผู้ทำลายอมตะ) เป็นดาบแห่งจิตที่มุ่งเน้นจิตต้นกำเนิดแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์
และรูปแบบสุดท้าย ลู่เซียน (สังหารอมตะ) เป็นดาบที่ผสานรวมระหว่างกายจิต ทั้งหมดนี้คือสามดาบที่บรรพชนที่สิบแปดใช้สังหารมังกรกึ่งเทวะ
“สามรูปแบบนี้ หากเจ้าสามารถเริ่มฝึกฝนรูปแบบแรกได้ภายในสามปี บางทีเจ้าอาจจะฝึกฝนมันได้ทั้งหมดอย่างสมบูรณ์แบบ” บรรพชนที่สิบแปดยิ้มเล็กน้อย
“ขอรับ” จวินเซียวเหยาหยักหน้าแล้วก็คิดในใจ
“สามปีเลยหรือ? ข้ารอนานขนาดนั้นไม่ได้หรอก…”
บรรพชนที่สิบแปดมองจวินเซียวเหยา เขาลังเลอยู่ชั่วครู่จึงกล่าวออกมา “เซียวเหยา มีสองสิ่งที่ข้าอยากจะบอกเจ้า”
“ท่านบรรพชน ได้โปรดกล่าว” จวินเซียวเหยาตอบ
“เมื่อเจ้ามีอายุครบสิบแปดปี ข้าจะเปิดเผยความลับเบื้องหลังตระกูลจวินและเรื่องราวบิดาของเจ้าให้รู้”
ดวงตาของจวินเซียวเหยาเป็นประกายเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ความลับเบื้องหลังตระกูลจวิน?
จวินเซียวเหยาสงสัยอย่างมาก เรื่องราวความลับอะไรที่อยู่เบื้องหลังตระกูลจวินอันทรงพลังและรุ่งโรจน์มากที่สุด?
แต่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือเรื่องของบิดาของเขา จวินหวูหุ่ย!
หูของจวินเซียวเหยาเกือบเป็นแผลอยู่แล้วเมื่อได้ยินคำว่า “ราชันเทพชุดขาว” บ่อยๆ
บิดาของเขาเป็นคนแบบใดและทำไมเขาถึงไม่เคยกลับมา?
เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้?
“มันยังเร็วเกินไปที่เจ้าจะได้รับรู้เรื่องพวกนี้ ในระหว่างพิธีก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ผู้เฒ่าคนนี้จะบอกเจ้าทุกเรื่องราวเอง” บรรพชนที่สิบแปดกล่าว
จวินเซียวเหยาพยักหน้าเล็กน้อยและไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
เขาในตอนนี้สามารถกวาดผ่านหมู่อัจฉริยะรุ่นเยาว์จากทุกทิศทางได้อย่างแท้จริง
แต่ก็ยังไร้ความสามารถที่จะแตะความลับเหล่านี้
ในช่วงเวลาต่อมา จวินเซียวเหยาติดตามอยู่ข้างบรรพชนที่สิบแปดและบรรพชนที่สิบแปดเองก็ฝึกฝนเพลงดาบสังหารอมตะให้กับจวินเซียวเหยาเป็นการส่วนตัว
ย้อนกลับไปในอดีต บรรพชนที่สิบแปดฝึกฝนเพลงดาบสังหารอมตะโดยเริ่มรูปแบบแรกได้ภายในหนึ่งปี ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม สามเดือนต่อมา
ภายในแดนบรรพชนแห่งตระกูลจวิน จวินเซียวเหยายกมือขึ้นและปลดปล่อยปราณทองคำอันมหาศาลออกมา
เขาชี้นิ้วออกไปแทนดาบและดาบแห่งแสงอันส่องสว่างได้ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางท้องฟ้า ราวกับว่ามีร่างเงาของเหล่าองค์เทพเทวาปรากฏออกมารอบตัวเขา
แสงแห่งดาบกวาดออกไปเหมือนกับมันกำลังพยายามถล่มดวงดาวบนท้องฟ้า ความว่างเปล่าสั่นสะเทือนและเมฆาปลิวสิ้นสลายไป!
ครืนน!
หลังจากส่งดาบแห่งแสงกวาดออกไป
เมฆบนฟ้าถูกผ่าครึ่งเป็นผืนใหญ่และปราณดาบที่เหลือก็พุ่งออกไปในทุกทิศทางจนสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้อาวุโสและตัวตนสำคัญหลายคนของตระกูลจวิน
“นั่นมัน…กลิ่นอายของเพลงดาบสังหารอมตะ เป็นไปได้หรือเปล่าว่านั่นคือท่านบรรพชนที่สิบแปด?”
“ไม่ใช่ ถึงแม้พลังของดาบแห่งแสงนี้จะน่าอัศจรรย์ แต่มันยังไม่สูงเท่ากับดาบของท่านบรรพชนที่สิบแปด นั่นควรจะเป็นบุตรพระเจ้า!”
ผู้อาวุโสและลูกศิษย์ตระกูลจวินหลายคนตกตะลึง
มันเพิ่งผ่านไปแค่สามเดือนเองหนิ ใช่ไหม?
ไม่เพียงแค่จวินเซียวเหยาเริ่มบทแรกได้ เขากระทั่งสามารถสำแดงรูปแบบแรกของเพลงดาบสังหารอมตะได้โดยตรง
ภายในแดนบรรพชน บรรพชนที่สิบแปดมองจวินเซียวเหยาด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าต้องแสดงออกอย่างไร
“ข้าต้องใช้เวลาถึงสามเดือนสำหรับรูปแบบแรก เพลงดาบสังหารอมตะนี้มันยากที่จะฝึกฝนจริงๆ” จวินเซียวเหยาส่ายหัวและถอนหายใจ
มันไม่ใช่ว่าเขาแกล้งพูดออกมา แต่จวินเซียวเหยาไม่เคยใช้เวลาฝึกฝนเคล็ดทักษะต่างๆ มากกว่าเจ็ดวันมาก่อน
ในทางตรงกันข้าม มันใช้เวลาถึงสามเดือนในการฝึกฝนรูปแบบแรก ซึ่งถือว่าช้ามาก
“แค่ก…” สีหน้าของบรรพชนที่สิบแปดไม่ปกติ
“ท่านบรรพชน เกิดอะไรขึ้นหรือ?” จวินเซียวเหยาถาม
“ไม่ ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากกลับไปเอนหลังในโลงและพักผ่อนสักหน่อยน่ะ” บรรพชนที่สิบแปดเอ่ย
เพราะจวินเซียวเหยา แม้แต่หัวใจแห่งเต๋าของบรรพชนที่สิบแปดก็เริ่มไม่มั่นคง เขาต้องการสงบสติสักหน่อย
“ขอขอบคุณท่านบรรพชนที่มอบทักษะนี้ให้กับผู้เยาว์เป็นอย่างยิ่ง เซียวเหยาขอตัวลา”
จวินเซียวเหยาเป็นคนที่รู้สถานการณ์ดีมาก ดังนั้นเขาจึงไม่รบกวนบรรพชนที่สิบแปดอีกต่อไป
หลังจากออกมาจากแดนบรรพชน จวินเซียวเหยาก็ตรงไปที่พระราชวังเทียนตี้ทันที
โล่งอกที่เจียงลั่วหลีไปแล้ว
เขาไม่มีความสนใจต่อเพศตรงข้ามอย่างสาวน้อยคนนี้จริงๆ
และเมื่อจวินเซียวเหยาก้าวเท้าเข้าสู่พระราชวังเทียนตี้ เขาพบว่าจวินจ้านเทียนกำลังรอเขาอยู่
“เจ้าได้ฝึกฝนเพลงดาบสังหารอมตะแล้วหรือ?” จวินจ้านเทียนถาม
“เพียงแค่รูปแบบแรกขอรับ” จวินเซียวเหยาตอบ
“เจ้าสัตว์ประหลาดน้อย…” จวินจ้านเทียนคิดในใจ จากนั้นจึงกล่าว “ปู่คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีสุดยอดกระดูกที่ซ่อนเอาไว้มิดชิด”
สีหน้าของจวินเซียวเหยายังคงราบเรียบ แต่คิดในใจ ‘ก็กระดูกมันมาจากระบบอะท่านปู่’
แต่หลังจากได้รับมา มันก็แทบไม่ต่างอะไรจากกระดูกของจวินเซียวเหยาเอง
“ท่านปู่สบายมีอะไรหรือเปล่า?” จวินเซียวเหยาถาม
จวินจ้านเทียนไม่มาเขาโดยไม่มีเหตุผลแน่
จวินจ้านเทียนกล่าว “เซียวเหยา แม้ว่าหลานจะมีถึงสองกายาระดับสุดยอด เจ้าก็ต้องการทรัพยากรถึงสองเท่าในการบ่มเพาะด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะกายาเทพบรรพกาล เจ้าได้ปลุกนิมิตแรกแล้วในยามที่เกิดมาคือการแสวงบุญของเหล่าเซียน แต่กายาเทพบรรพกาลกลับมีถึงหกนิมิต”
สิ่งที่จวินจ้านเทียนกล่าวทำให้จวินเซียวเหยาจมดิ่งสู่ความคิด
นั่นก็จริง การบ่มเพาะกายาเทพบรรพกาลนั้นยากกว่าสุดยอดกระดูกเล็กน้อย
การเปิดนิมิตไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
แม้ว่าพรสวรรค์ของจวินเซียวเหยาจะสูงส่งแค่ไหน มันก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป
“บางที ปู่อาจรู้สถานที่ที่สามารถเร่งความเร็วในการทำความเข้าใจของเจ้าเกี่ยวกับนิมิตที่สองของกายาเทพบรรพกาล” จวินจ้านเทียนกล่าว
“โอ้?” จวินเซียวเหยาเลิ่กคิ้ว มันมีที่แบบนั้นด้วยหรือ?
“เจ้าเคยได้ยินชื่อของราชวงศ์เทพผานหวู่รึเปล่า?” จวินจ้านเทียนถาม
“ราชวงศ์เทพผานหวู่ ดูเหมือนจะเป็นขุมกำลังชั้นยอดในระดับราชวงศ์อมตะ” จวินเซียวเหยากล่าว
ในเวลาว่างของเขา เขาอ่านตำราประวัติศาสตร์เช่นกันและยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับขุมกำลังหลักในดินแดนอมตะหวงเทียนอีกด้วย
“ถูกต้อง ผู้ก่อตั้งราชวงศ์เทพผานหวู่เคยเป็นถึงผู้บ่มเพาะขอบเขตมหาจักรพรรดินามว่าจักรพรรดิผานหวู่ แต่นั่นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญมากยิ่งกว่าคือข่าวลือที่ว่าเขามีกายาเทพบรรพกาล…”
“มีข่าวลือว่ามีสุสานผานหวู่ลึกเข้าไปในราชวงศ์เทพผานหวู่ ซึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิผานหวู่…”
เพียงเมื่อสิ้นเสียงของจวินจ้านเทียน เสียงคล้ายจักรกลได้ดังขึ้นในความคิดของเขาอีกครั้ง
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ สถานที่ลงชื่อแห่งใหม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง!”
“กรุณาลงชื่อ ณ สุสานผานหวู่!”
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)