[ตอนฟรี] ตอนที่ 41 : หลงอ้าวเทียน ความหวังแห่งรังจู่หลง
งานเลี้ยงวันเกิดสิบปีของจวินเซียวเหยาได้สิ้นสุดลงท่ามกลางเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ
ความตะลึงและประหลาดใจบนใบหน้าของผู้นำนิกาย ผู้อาวุโส และเหล่ารุ่นเยาว์จากทุกขุมกำลัง มันไม่เคยจางหายไปแม้แต่ในยามที่พวกเขาได้ออกจากตระกูลจวินไปแล้ว
ในความเห็นของพวกเขา สิ่งที่พวกเขาประสบพบเจอในตระกูลจวินครั้งนี้มันน่าทึ่งน่าตื่นตะลึงในใจพวกเขาอย่างมาก
โดยเฉพาะบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน ผู้เปรียบเสมือนจักรพรรดิหนุ่มที่มีจิตวิญญาณไร้ผู้เทียบเคียง
ไม่ว่าจะเป็นกายาราชันแห่งดวงดาวจากตระกูลเย่หรือทายาทมังกรจากรังจู่หลง ภายใต้ฝ่ามือของจวินเซียวเหยา พวกเขาเป็นเหมือนแป้งนิ่มๆ ที่สามารถนวดได้ตามต้องการ
อัจฉริยะรุ่นเยาว์บางคนอดไม่ได้ที่ต้องถอนหายใจและรู้สึกสิ้นหวัง เมื่อเปรียบเทียบระหว่างตัวเองกับบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน
ด้วยกายาเทพบรรพกาลและสุดยอดกระดูก ศักยภาพของจวินเซียวเหยาไม่อาจอธิบายด้วยคำว่าระดับสัตว์ประหลาดอีกต่อไป มันควรใช้คำว่าศักยภาพระดับจักรพรรดิถือกำเนิดมากกว่า
ด้วยการมีอยู่ของจวินเซียวเหยา คนอื่นจะมีที่ยืนได้อย่างไร?
กระทั่งบางคนจากรุ่นก่อนหน้ายังต้องถอนหายใจ ด้วยความเร็วในการบ่มเพาะของจวินเซียวเหยา ไม่ใช่ว่าเขาจะสามารถแซงหน้าคนรุ่นก่อนโดยใช้เวลาไม่กี่ปีหรอกหรือ?
แน่นอนว่านอกจากจวินเซียวเหยาแล้ว ผลงานของจวินเสวี่ยฮวางก็ดีเยี่ยมด้วยเช่นกัน นางสามารถสังหารอัจฉริยะจากราชวงศ์ราชาได้อย่างง่ายดาย
และสิ่งที่น่าตะลึงมากที่สุด ใช่แล้วล่ะ นั่นคือบรรพชนที่สิบแปดแห่งตระกูลจวินซึ่งไม่เคยแสดงตนตั้งแต่ต้นจนจบ
ตัวตนระดับบรรพชนผู้ฝังตัวเองไว้ภายในห้องโถงบรรพชนแห่งตระกูลจวินมานานแสนนาน
สามดาบสังหารมังกรกึ่งเทวะจากรังจู่หลง นี่สร้างความตะลึงให้กับกลุ่มคนเป็นอย่างยิ่ง
ทุกคนรู้กันดีว่าหลังจากงานเลี้ยงวันเกิดสิบปีนี้ ดินแดนอมตะที่เงียบสงบมานานคงถึงเวลาที่ต้องปั่นป่วนแล้ว
ไม่นานนักหลังจากงานเลี้ยงตระกูลจวินเสร็จสิ้น
ไกลออกไปในแผ่นดินแห่งหงโจว ณ สถานที่ตั้งแห่งรังจู่หลง บังเกิดเสียงดังคำรามของมังกรจนสั่นสะเทือนทั่วจักรวาลและเขย่าเหล่าดวงดาวไปมา
ทุกสิ่งมีชีวิตในหงโจวสามารถสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลจากสวรรค์ที่อาจทำลายล้างโลกได้
“นั่นมันตัวตนสูงสุดของรังจู่หลงนี่ เหตุใดเขาถึงโกรธขนาดนั้นกัน?” สิ่งมีชีวิตในหงโจวตนหนึ่งถามด้วยใบหน้าอันซีดเผือด
มันต้องใช้เวลาสักพักกว่าข่าวของงานเลี้ยงตระกูลจวินจะแพร่กระจายออกไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้อะไรมาก
ภายในรังจู่หลง เหล่าสำนึกวิญญาณอันทรงพลังมากมายกำลังสื่อสารกัน
“สงบสติอารมณ์ลงก่อน โกรธเช่นนั้นแล้วเจ้าจะได้ประโยชน์อะไร หรือคิดว่าโกรธแล้วเจ้าจะทำลายตระกูลจวินได้?”
“เจ้าวายร้ายน้อยตระกูลจวินบังอาจสังหารทายาทมังกรแห่งสายเลือดเทพ สมควรถูกประหาร!”
“และจวินที่สิบแปดนั่น มันกล้าสังหารยูหลงจริงๆ มันไม่เกรงกลัวรังจู่หลงของข้าเลยงั้นรึ?”
เจ้าของเสียงดังคำรามก่อนหน้ากล่าวด้วยเสียงอันเยือกเย็น
“จวินที่สิบแปด ยากเกินไปที่จะสังหารเจ้าคนวิกลจริตนั่น…”
“เจ้าอยากบอกเรื่องนี้กับอ้าวเทียนหรือเปล่า?” ตัวตนสูงสุดของรังจู่หลงอีกคนส่งกระแสจิตออกมา
“ไม่จำเป็น หลงอ้าวเทียนกำลังอยู่ในการปิดด่านเพื่อปรับแต่งแก่นแท้มังกรที่ห้า เมื่อไหร่ที่เขาปรับแต่งครบทั้งเจ็ดแก่นแท้และนับรวมกับสายเลือดจักรพรรดิมังกรแล้ว มันก็เพียงพอที่จะกวาดผ่านรุ่นเยาว์ทุกคนในแดนอมตะ แม้แต่จะสังหารบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินก็ทำได้ง่ายดาย!”
“เข้าใจแล้ว ข้าจะรอวันที่อ้าวเทียนสังหารบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน!”
“สำหรับตระกูลจวิน พวกมันจะต้องจ่ายด้วยเลือดอย่างแน่นอน!”
...
อีกด้านหนึ่ง วิหคศักดิ์สิทธิ์กำลังลากรถม้าบินผ่านภายในความว่างเปล่า
ในห้องรถม้า ชายหนุ่มในชุดน้ำเงินผู้มีคิ้วคมเป็นกระบี่และดวงตาอันเป็นประกายค่อยๆ ลืมตาตื่น
เป็นเย่ซิงหยุน
“อึก…โคตรเจ็บ…”
ทันทีที่เย่ซิงหยุนขยับร่างกาย เขารู้สึกราวกับกำลังจะแตกสลายและหน้าเริ่มซีดลงจากความเจ็บ
“นายน้อย ท่านตื่นแล้ว” ลุงฝูที่อยู่ด้านข้างกล่าว
“นี่ข้า…” เย่ซิงหยุนเหม่อลอยไปชั่วขณะและจดจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงได้ในที่สุด
ความอัปยศเติมเต็มหัวใจทั้งดวงของเขา
ในฐานะอัจฉริยะทะนงตนแห่งตระกูลเย่ เย่ซิงหยุนประสบกับความสูญเสียขนาดนี้ได้อย่างไร?
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาเสียหน้าต่อหน้าเทพธิดาในดวงใจ
“จวินเซียวเหยา…” เย่ซิงหยุนกัดฟันแน่น เขากำหมัดจนข้อต่อส่งเสียงลั่น
“นายน้อย โปรดอย่าได้ยั่วยุบุตรพระเจ้าตระกูลจวินอีก ข้ารับใช้ชราผู้นี้ได้รับข่าวมาว่าบุตรพระเจ้าผู้นั้นไม่ได้มีแค่กายาเทพบรรพกาล แต่เขายังถือกำเนิดมาพร้อมกับสุดยอดกระดูกอีกด้วย แม้แต่ทายาทมังกรจากรังจู่หลงยังถูกเด็ดหัวโดยเขาอย่างง่ายดาย” ลุงฝูถอนหายใจยาว
“อะไรกัน มีเรื่องแบบนั้นด้วยรึ!?” เย่ซิงหยุนผงะและไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน
เมื่อจวินเซียวเหยาประมือกับเขา จวินเซียวเหยายังคงซ่อนไพ่ลับไว้ไม่แม้แต่จะเปิดเผยสุดยอดกระดูก
เย่ซิงหยุนยิ่งรู้สึกอับอายมากขึ้นเรื่อยๆ จวินเซียวเหยาไม่ได้เอาจริงเอาจังกับเขาเลยแม้แต่น้อย
“น่ารังเกียจนัก…” เย่ซิงหยุนทั้งไม่พอใจและอับอาย
ทันใดนั้น ความทรงจำอันคลุมเครือก็ปรากฏในความคิดของเขา
เขารู้สึกราวกับว่าได้เห็นพระราชวังแห่งดวงดาวอันวิจิตรงดงาม ตัวตนที่สวมใส่ชุดคลุมซึ่งถักทอมาจากดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวกำลังยืนหันหลังให้กับเขา
“มันคืออะไรกัน ความฝันหรือว่า…” เย่ซิงหยุนพึมพำในใจ
เขารู้ว่าในโลกนี้มันมีการถือกำเนิดใหม่ของเซียนบางคน และกระทั่งการถือกำเนิดใหม่ของมหาจักรพรรดิ
การถือกำเนิดใหม่ของเหล่าอัจฉริยะแห่งสวรรค์เป็นเรื่องที่มีอยู่จริง มุมมองและรากฐานของการบ่มเพาะของพวกเขาเหนือยิ่งกว่าอัจฉริยะแห่งสวรรค์ทั่วไปเสียอีก
ตัวอย่างเช่น เย่กูเฉิน อัจฉริยะไร้เทียมทานของตระกูลเย่ที่ลือกันว่าเป็นอสูรดาบในตำนานผู้ไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับใครมาก่อน
ตามบันทึกประวัติศาสตร์ อสูรดาบผู้นั้นครั้งหนึ่งเคยสังหารผู้บ่มเพาะขอบเขตกึ่งจักรพรรดิด้วยดาบพิฆาตจักรพรรดิของเขาและเอาชนะผู้ทรงพลังอีกมากมาย
“หรืออาจจะเป็นแบบเดียวกับเย่กูเฉิน ข้าคือผู้เชี่ยวชาญสูงสุดบางคนที่ถือกำเนิดใหม่และพระราชวังแห่งดวงดาวนั่นคือขุมทรัพย์แห่งโอกาสที่ทิ้งไว้ให้กับข้า?” เย่ซิงหยุนอดไม่ได้ที่จะมโน
ความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง
เมื่อเวลาผ่านไป ความทรงจำจะกลับคืนมาทั้งหมดและมันอาจจะเป็นไปได้ที่จะค้นหาพระราชวังแห่งดวงดาวเพื่อสืบทอดทุกโอกาสของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
“จวินเซียวเหยา กงล้อแห่งโชคได้พลิกกลับแล้ว เมื่อข้าฟื้นคืนความทรงจำได้อย่างสมบูรณ์ ข้าจะพุ่งทะยานอย่างยิ่งใหญ่”
“และลั่วหลี ข้าจะทำให้เจ้าเข้าใจว่าใครคือคนที่เหมาะสมกับเจ้ามากที่สุด!”
เย่ซิงหยุนเรียกขานกำลังใจกลับมา เขารู้สึกราวกับว่ากำลังจะออกตัววิ่ง!
...
ที่นี่ ตระกูลจวิน
จวินเซียวเหยาที่เพิ่งเสร็จจากงานเลี้ยงกำลังถูกเจียงลั่วหลีลวนลา.. หมายถึงก่อกวนอย่างบ้าคลั่ง
เห็นได้ชัดว่ามันถึงเวลาที่ต้องกลับตระกูลเจียงแล้ว แต่เจียงลั่วหลียังปฏิเสธที่จะกลับ
เด็กสาวที่เย่ซิงหยุนใฝ่ฝันถึง ตอนนี้อยู่ข้างจวินเซียวเหยาและกลายเป็นกาวเหนียวหนึบที่ติดแน่นจนแกะออกไม่ได้
“น้องเซียวเหยา เจ้าขาดสาวใช้คอยเสิร์ฟชาและน้ำหรือเปล่า?”
“ข้ามีหลิงหลงแล้ว”
“น้องเซียวเหยา เจ้าต้องการสาวใช้ที่คอยซักผ้าและพับผ้าห่มให้ไหม?”
“ข้ามีหลิงหลงแล้ว”
“น้องเซียวเหยา เจ้าขาดสาวใช้คอยอุ่นเตียงให้ไหม?”
“ข้ามีหลิงหลง…แค่ก เจ้าพูดบ้าอะไรเนี่ย?” จวินเซียวเหยาไอแห้ง เขารู้สึกรำคาญสุดๆ
ในท้ายที่สุด แม้แต่เจียงโร่วก็เริ่มยุยงให้แต่งงานกัน
“ท่านแม่ ท่านบรรพชนที่สิบแปดกำลังรอลูกชายอยู่ ดังนั้นลูกขอตัวก่อน” จวินเซียวเหยาไม่สามารถทนต่อการก่อกวนของแก๊งหญิงสาวได้ เขาจึงต้องหลบหนี
“ฮึ่ม น้องเซียวเหยา ลั่วหลีไม่ยอมแพ้หรอกนะ!” เจียงลั่วหลีกำหมัดแน่นและกล่าว นางดูเหมือนสาวน้อยที่ไล่ตามดวงดาว
ตัดกลับมา จวินเซียวเหยาได้มาถึงส่วนลึกที่สุดของดินแดนบรรพชนแห่งตระกูลจวินด้วยเช่นกันและเห็นบรรพชนที่สิบแปด
บรรพชนที่สิบแปดในชุดคลุมยาวสีเทาพร้อมกับเส้นผมหงอกขาว กำลังนั่งขัดขาอยู่ในความว่างเปล่า
สุริยันจันทราหมุนโคจร สรรพชีวิตอ้อนวอนสูญสิ้น สวรรค์แดดิ้นทรุดพังทลาย ดาราจักรพลิกหงายปรากฏให้เห็นอย่างน่าสยดสยอง
บรรยากาศรอบตัวของเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่งจนไม่อาจเชื่อว่ามีอยู่จริง มันทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนกับกำลังเผชิญกับพระเจ้า
ไม่แปลกใจที่เขาสามารถสังหารมังกรกึ่งเทวะได้ภายในสามดาบ
จวินเซียวเหยาแอบถอนหายใจ ไม่มีบรรพชนคนไหนในตระกูลจวินเป็นคนธรรมดา
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าบรรพชนที่สิบแปดยังทรงพลังขนาดนี้ อีกสิบเจ็ดคนที่เหลือจะขนาดไหน!
เห็นว่าจวินเซียวเหยามาถึง บรรพชนที่สิบแปดแสดงรอยยิ้มอันหาได้ยากบนใบหน้าเฒ่าชรา
“ยอดเยี่ยม!” บรรพชนที่สิบแปดกล่าว
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังชื่นชมผลงานของจวินเซียวเหยาในงานเลี้ยงวันเกิดสิบปี
ไม่ต้องกล่าวถึงการเอาชนะเย่ซิงหยุนเลย แค่การฉีกกระชากทายาทมังกรจากรังจู่หลงด้วยมือเปล่าของเขาเองก็เป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลจวินอย่างสมบูรณ์แบบ
“ผู้เยาว์ไม่ทราบว่าทำไมท่านบรรพชนถึงขอให้ผู้เยาว์มาที่นี่?” จวินเซียวเหยากล่าวอย่างสุขุมและป้องมือเล็กน้อย
เผชิญหน้ากับบรรพชนที่สิบแปด แม้แต่ผู้อาวุโสตระกูลบางคนยังตัวสั่นและระมัดระวังถึงที่สุด
แต่จวินเซียวเหยายังคงมีใบหน้าเรียบเฉยและสุขุม
นี่ทำให้บรรพชนที่สิบแปดมองอย่างพึงพอใจ
ด้วยการมีอยู่ของกายาเทพบรรพกาลและสุดยอดกระดูก ศักยภาพของเขาไร้ที่สิ้นสุดอย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่เป็นเลิศมากเสียยิ่งกว่าคือจิตใจของจวินเซียวเหยาที่สุขุมและนิ่งสงบ เขาดูไม่เหมือนเด็กน้อยอายุสิบปีเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากฝึกฝนเพลงดาบสังหารอมตะรึ?” บรรพชนที่สิบแปดยิ้มเล็กน้อย
จวินเซียวเหยาตาลุกโชนทันที
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)