[ตอนฟรี] ตอนที่ 39 : บาร์บีคิวมังกร
[แก้ไขจากตอนที่แล้ว บรรพชนที่สิบแปดไม่ได้ปลดปล่อยทักษะศาสตราวุธสงครามนะครับ แต่เป็นทักษะใหม่ ผู้แปลอาจจะเบลอจนมองเป็นทักษะเดิม ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ]
โลกตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกคนถึงกับลืมว่าตัวเองมีปาก!
ขุมกำลังนับร้อยได้มาร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดจวินเซียวเหยา
แต่ตอนนี้ แขกจากขุมกำลังเหล่านั้นได้เห็นการร่วงหล่นของผู้บ่มเพาะกึ่งเทวะจากรังจู่หลง
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ร่วงหล่นก็ไม่ใช่คนไร้นามที่ไหน แต่เป็นถึงตัวตนที่สามารถประมือได้กับจ้าวเทวะจากเผ่ามนุษย์ได้
แต่ถึงจะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นก็ไม่วายถูกสังหารโดยสามดาบของบรรพชนที่สิบแปดแห่งตระกูลจวินอยู่ดี
แนวคิดนี้มันเป็นอย่างไร?
กระทั่งกึ่งเทวะยังสามารถถือได้ว่าเป็นรากฐานของขุมกำลังสูงสุด
เพียงเจ้าแค่คนเดียวก็สามารถก่อตั้งนิกายชั้นยอดขึ้นมาได้
แต่ถึงจะเป็นตัวตนที่ทรงพลังขนาดนั้นก็ยังถูกฆ่าเป็นหมูเป็นหมาโดยบรรพชนที่สิบแปดในสามดาบ
“บรรพชนที่สิบแปดแห่งตระกูลจวิน ไม่ใช่ว่าเขาเป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตจ้าวเทวะธรรมดาหรอกหรือ?” รุ่นเยาว์คนหนึ่งกลืนน้ำลายเสียงดังและเอ่ย
“มันมีข่าวลือว่าสถานที่ที่ลึกลับมากที่สุดในตระกูลจวินคือห้องโถงบรรพชน ไม่มีใครรู้ว่ามีตัวตนอันเก่าแก่มากขนาดไหนที่ถูกฝังไว้ที่นั่น....”
ผู้เฒ่าบางคนรู้เกี่ยวกับข่าวลือเล็กน้อยของตระกูลจวินกล่าวออกมาด้วยเสียงเข้ม
ตระกูลจวินยืนตระหง่านในดินแดนอมตะมานานจนมิอาจนับปี ด้วยความเฉลียวฉลาดและเบื้องหลังของพวกเขานั้น มันก็ย่อมเหนือกว่าจินตนาการของคนทั่วไป
เพียงแค่เหล่าบรรพชนที่ถูกฝังไว้ภายในห้องโถงบรรพชนก้าวเท้าออกมาจากหลุมสักคน บรรพชนท่านนั้นแค่กระทืบเท้าก็สามารถทำให้ดินแดนอมตะสั่นสะเทือนไปถึงสามครั้งได้
ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงที่มีข่าวลือว่าอาจมีจักรพรรดิอาศัยอยู่ในตระกูลจวินเลยด้วย
“ในยุคนี้ มหาจักรพรรดิคนสุดท้ายก็มาจากตระกูลจวินนามว่ามหาจักรพรรดิชี่เทียนหรือจวินชี่เทียน ตัวตนสูงสุดผู้ปฏิเสธพระเจ้า…”
ตัวตนเก่าแก่บางคนกระซิบกระซาบกัน คำพูดของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเกรงขาม
ไม่ใช่ว่าตระกูลจวินสามารถเฉิดฉายในดินแดนอมตะหวงเทียนมาหลายยุคโดยไม่มีเหตุผลรองรับ
บนท้องฟ้า ฝนโลหิตโปรยปรายราวกับทุกสรรพชีวิตกำลังขับขานไว้อาลัย
การร่วงหล่นของกึ่งเทวะก็เพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นนิมิตจากสวรรค์และโลก
“เซียวเหยา เข้ามาพบข้าหลังจากงานเลี้ยงจบลงด้วย” ลึกเข้าไปในตระกูลจวิน เสียงของบรรพชนที่สิบแปดก้องออกมา
“ขอรับ” จวินเซียวเหยาป้องมือในขณะลอยกลางอากาศ
พูดตรงๆ ว่าจวินเซียวเหยารู้สึกทึ่งมากกับการโจมตีของบรรพชนที่สิบแปด
โดยเฉพาะเพลงดาบสังหารอมตะซึ่งได้รับนามนี้มาหลังจากสังหารผู้เป็นอมตะลง มันทรงพลังอย่างยิ่งจนเขารู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
สุดยอดเคล็ดทักษะประเภทนี้ไม่สามารถค้นหาได้แม้แต่ในศาลายุทธภพของตระกูลจวิน
จวินเซียวเหยากำลังพิจารณาว่าเขาควรจะถามบรรพชนที่สิบแปดเกี่ยวกับการฝึกฝนเพลงดาบสังหารอมตะเมื่อไปพบท่านบรรพชนคราวหลังดีหรือไม่
ตอนนี้ คนจากราชวงศ์จักรพรรดิที่บุกมาตระกูลจวินเพื่อสร้างความวุ่นวายถูกล้างบางไปเกือบหมดแล้ว
เบื้องบนเป็นกึ่งเทวะยูหลง เบื้องล่างเป็นอัจฉริยะจากเหล่าราชวงศ์ราชาและราชวงศ์จักรพรรดิ
“โอ๊ะจริงด้วย ข้าเกือบลืมไปว่าเหลืออีกหนึ่ง…” จวินเซียวเหยาเลิ่กคิ้วเล็กน้อยและมองไปยังธิดาอันน่าภาคภูมิจากเผ่าขนนกที่กำลังทรุดตัวอยู่บนพื้นด้วยอาการตัวสั่น
นางเกือบถูกสังหารโดยจวินเสวี่ยฮวางก่อนหน้า แต่ท้ายที่สุดเป็นหลงฮ่าวเทียนที่ยื่นมือต่อชีวิตให้นาง
ทว่าตอนนี้ เห็นฉากที่เกิดขึ้นแล้วมันทำให้ธิดาอันน่าภาคภูมิแห่งเผ่าขนนกสุดแสนจะแตกสลาย กระทั่งปัสสาวะแตกเรี่ยราดจากความหวาดกลัวจนท่อนล่างเปียก
นางแม้แต่เคยคิดก่อนหน้าว่าบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินคนนี้ไม่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของหลงฮ่าวเทียนได้
อย่างที่เห็น ภาพที่จวินเซียวเหยาฉีกกระชากหลงฮ่าวเทียนเป็นชิ้นด้วยมือของเขาเองยังคงสะท้อนไปมาในหัวใจนางราวกับฝันร้าย
“เจ้าตามพวกมันไปก็แล้วกัน” สายตาของจวินเซียวเหยาไม่แยแส
“ไม่นะ…ไม่ ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยท่านบุตรพระเจ้า หยู่จูยอมเป็นทาสและสาวใช้ และรับใช้ใต้เท้าบุตรพระเจ้าไปตลอดชีวิต!”
หญิงสาวผู้เย่อหยิ่งแห่งเผ่าขนนกเอาแต่คุกเข่าคำนับและร้องไห้
ต้องบอกว่าหญิงสาวจากราชวงศ์ราชาหรืออมนุษย์บางคนก็มีเสน่ห์ที่หญิงสาวเผ่ามนุษย์ไม่มี
ตัวอย่างเช่นหยู่จูผู้นี้ บนหลังของนางมีปีกขาวราวกับหิมะและรูปลักษณ์ที่สวยงาม
แม้จะถูกประมูลขายในตลาดประมูล มันก็สามารถขายนางได้ในราคาที่สูงเสียดฟ้า
จวินเซียวเหยากล่าวอย่างไม่แยแส “เจ้าคู่ควรที่จะได้เป็นทาสสาวของข้าหรอ?”
กระทั่งไป่ยวี่เอ๋อ องค์หญิงแห่งดินแดนจูเชวี่ยโบราณก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าทาสสาว
หญิงสาวดาษดื่นจากเผ่าขนนกจะมีคุณสมบัติอะไรมาเป็นทาสสาวของเขา?
จวินเซียวเหยาตบฝ่ามือไปหนึ่งข้าง
“อย่านะ!” หยู่จูกรีดร้อง นางคาดไม่ถึงว่าในสายตาของจวินเซียวเหยา
นางไม่มีแม้แต่คุณสมบัติในการเป็นทาส
พุฟ!
ธิดาผู้น่าภาคภูมิแห่งราชวงศ์ราชาร่วงหล่นไปอีกคนเช่นกัน
จ้องมองไปที่จวินเซียวเหยาผู้ไร้ความปรานีแล้ว แขกบางคนถึงกับปาดเหงื่อบนหน้าผาก
ตระกูลจวินมีแต่พวกโหดเหี้ยม…
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนที่ว่าโหดเหี้ยมเริ่มโผล่ออกมามากขึ้นและเห็นแต่จวินจ้านเทียนและผู้อาวุโสคนอื่นแบกเอาร่างกายของกึ่งเทวะยูหลงไปโดยตรง
ตรงจุดนั้นเอง เนื้อมังกรทมิฬเริ่มถูกย่างด้วยเต๋าแห่งไฟ
แขกจากทุกทิศทางตกตะลึงและประหลาดใจ พวกเขาโง่งมไปเลยเล็กน้อย
ซากศพของมังกรขอบเขตกึ่งเทวะจากรังจู่หลงถูกใช้มาทำเป็นบาร์บีคิว?
แม้ว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์ ตราบใดที่มันไม่ใช่มนุษย์ด้วยกันเองก็กินได้หมดแหละ
แต่นี่มันคือเลือดและเนื้อของมังกรกึ่งเทวะจากรังจู่หลง ใครมันจะไปกล้ากิน?
กระทั่งอยู่ต่อหน้าของผู้คนจากขุมกำลังนั้น พวกเขาก็ไม่กล้าขยับตะเกียบด้วยซ้ำ
ในเวลานั้น รังจู่หลงจะหาที่ระบายความโกรธและทำลายพวกเขาลงภายในไม่กี่นาที
ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ไม่ใช่ตระกูลจวิน ตระกูลเจียง และตระกูลเย่ ไม่ใช่ตระกูลโบราณที่จะสามารถแบกรับความพิโรธของรังจู่หลงได้
“ทุกท่าน โปรดสบายใจได้” จวินเซียวเหยายิ้มเล็กน้อย เขาไม่ได้คิดว่ามันมีอะไรผิดพลาด
“ว้าว ข้าจะได้ทานเนื้อมังกร!” เจียงลั่วหลีตัวน้อยร้องด้วยความตื่นเต้น
แม้ว่านางจะเป็นอัญมณีแห่งตระกูลเจียง มันก็แทบเป็นไปไม่ได้สำหรับนางที่จะได้ทานเนื้อมังกรอย่างสบายๆ นับประสาอะไรกับเนื้อมังกรระดับกึ่งเทวะ
ยิ่งไปกว่านั้น นางมีเบื้องหลังเป็นตระกูลเจียง จึงไม่ต้องกลัวการแก้แค้นจากรังจู่หลง
จวินเซียวเหยาก็จะรับประทานด้วยเช่นกัน แต่ก่อนหน้านั้นเขามีบางอย่างที่ต้องจัดการ
เขาเดินตรงไปที่ศพของหลงฮ่าวเทียน เขายกมือขึ้นปลดปล่อยพลังปราณทองคำไร้ที่สิ้นสุดออกมา และเริ่มต้นสกัดแก่นแท้มังกรจากศพของหลงฮ่าวเทียน
กล่าวทั่วไป มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสกัดเอาแก่นแท้มังกรออกมาหลังจากที่มันผสานโดยสมบูรณ์
แต่หลงฮ่าวเทียนผู้นี้ยังไม่ได้ดูดซับแก่นแท้มังกรโดยสมบูรณ์ ดังนั้นมันจึงสามารถสกัดออกมาได้
ผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง กลุ่มก้อนของแก่นแท้มังกรทองคำก็ถูกสกัดออกและมันดูเหมือนจะมีมังกรจิ๋วอยู่ภายในนั้น มันส่งเสียงคำรามแยกเขี้ยวใส่จวินเซียวเหยา
“ก็แค่แก่นแท้มังกรทั่วไป ยังสามารถทำให้ข้าอึ้งได้อีกนะ” ปากของจวินเซียวเหยายกขึ้นอย่างเย็นชา
เขายกมือขึ้นอีกครั้งเพื่อกระตุ้นพลังเทพคชสารทลายโลกันตร์ คราวนี้มันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
เตาหลอมสีดำสนิทปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา มันแผ่กลิ่นอายน่ากลัวราวกับจะปรับแต่งทุกสรรพสิ่งในโลก
“นั่นบุตรพระเจ้าปลดปล่อยทักษะอะไรกัน?”
“ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนวิญญาณของข้ากำลังจะถูกดูดเข้าไปในเตาหลอมนั่นกัน?”
เหล่ารุ่นเยาว์สั่นเทาด้วยความหวาดหวั่น
ในช่วงที่ปิดด่านฝึกตน จวินเซียวเหยาก้าวหน้าอีกครั้งในการฝึกฝนพลังเทพคชสารทลายโลกันตร์
สุดยอดการโจมตี หอกเทพอเวจี
สุดยอดการป้องกัน เทพนรกปกปัก
สุดยอดการเคลื่อนที่ ปีกมาร
ตอนนี้ สิ่งที่จวินเซียวเหยากำลังปลดปล่อยออกมาคือการแปรเปลี่ยนครั้งที่สี่ของพลังเทพคชสารทลายโลกันตร์
จุดสูงสุดแห่งการปรับแต่ง ‘เตาหลอมอเวจี’
เตาหลอมอเวจีสามารถหลอมกลั่นปรับแต่งได้ทุกสรรพสิ่ง
ไม่ว่าจะใช้ในการต่อสู้กับศัตรูหรือปรับแต่งวัตถุดิบสวรรค์และโลก มันมีประโยชน์อย่างยิ่ง
แก่นแท้มังกรแก่นนั้นถูกดูดกลืนเข้าสู่เตาหลอมอเวจีโดยแทบจะไม่มีการต่อต้านแม้แต่น้อยและถูกปรับแต่ง
แก่นแท้มังกรคือการควบแน่นของแก่นแท้กล้ามเนื้อ โลหิต พรสวรรค์โดยกำเนิดและกฎต่างๆ ของมังกรอันทรงพลังจากเผ่าพันธุ์มังกร
กระทั่งหลงฮ่าวเทียนยังปรับแต่งแทบไม่ไหวและดูดซับได้ไม่สมบูรณ์
แต่ตอนนี้ จวินเซียวเหยาดูดซับอย่างง่ายดายโดยไม่มีวี่แววของการต่อต้านและมันยิ่งมีโอกาสน้อยลงไปอีกที่ร่างกายของเขาจะระเบิด
เพราะไม่มีพลังงานใดที่สามารถระเบิดกายาเทพบรรพกาลได้
ทันทีที่จวินเซียวเหยาดูดซับแก่นแท้มังกร กลิ่นอายของเขาเริ่มพุงทะยานอีกครั้งอย่างมิอาจควบคุม
ครืนน!
เมฆดำทะมึนเริ่มก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้า เสียงอสนีบาตแผ่คำราม
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า…บุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินกำลังจะทะลวงผ่านอีกแล้ว?!”
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)