ตอนที่แล้ว[ตอนฟรี] ตอนที่ 31 : ประกาศลำดับศูนย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[ตอนฟรี] ตอนที่ 33 : หนึ่งฝ่ามือสังหาร

[ตอนฟรี] ตอนที่ 32 : แขกไม่ได้รับเชิญ


ด้วยการมีข้าอยู่ที่นี่ ตรงนี้ ทำไมเจ้าไม่กังวลว่าจะมีจักรพรรดิถือกำเนิดออกมาเล่า!

น้ำเสียงของจวินเซียวเหยายิ่งใหญ่ราวกับกำลังกลืนกินภูเขาและแม่น้ำนับหมื่นลี้

ทั่วทั้งห้องโถงและแม้แต่ตระกูลจวินเหมือนจะได้ยินเสียงคำพูดของจวินเซียวเหยาก้องไปมา

ในชั่วขณะ ใบหน้าของเหล่าแขกผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงต่างก็แข็งค้างไปกันหมด

ครืนน!

ลมและเมฆหมอกจากเก้าสวรรค์กำลังเปลี่ยนสี พายุสายฟ้ากำลังหมุนวนไปมา ดูเหมือนพวกมันกำลังสะท้อนคำพูดของจวินเซียวเหยา!

คำพูดไม่ใช่สิ่งที่จะกล่าวออกมาอย่างซี้ซั้ว

บางคำพูดจะต้องแบกรับเหตุและผลอันยิ่งใหญ่

“บุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินมีจิตวิญญาณอันไร้เทียมทาน!”

“จากคำพูดของบุตรพระเจ้า มันหมายความว่าเขามีความมั่นใจสูงมากในการพิสูจน์เล้นทางแห่งเต๋าและบรรลุเป็นมหาจักรพรรดิใช่หรือเปล่า?”

“วิถีแห่งจักรพรรดิคราวนี้น่าตื่นเต้นมาก…”

ผู้บ่มเพาะอันทรงพลังจากยุคเก่าต่างก็มีอารมณ์ร่วม

และสาวงามจากทุกขุมกำลังหลักต่างก็ถูกสั่นคลอนโดยคำพูดของจวินเซียวเหยา

สาวงามคนใดบ้างจะไม่อยากเคียงข้างวีรบุรุษ?

“มหาบุรุษที่แท้จริง มันควรจะเป็นลักษณะนี้…” องค์หญิงต้าชางถอนหายใจ ดวงใจของนางหล่นวูบไปแล้ว

สำหรับเจียงลั่วหลี นางยิ้มมุมปากจนแทบจะกลายเป็นยิ้มหัวเราะอยู่รอมร่อและนางไม่มีภาพลักษณ์ของอัญมณีแห่งตระกูลเจียงหลงเหลืออยู่เลย

จวินเซียวเหยาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับสายตาของคนอื่น แต่กำลังมองจวินว่านจี๋ด้วยสายตาอันเหยียดหยามและถามกลับอย่างใจเย็น “เจ้าพอใจกับคำตอบนี้หรือเปล่า?”

คำถามของจวินเซียวเหยาส่งผลให้จวินว่านจี๋สำลักในลำคอและไม่สามารถเปล่งเสียงโต้แย้งได้

แม้แต่คนพรสวรรค์สูงส่งอย่างเขาก็เกือบถูกสะกดข่มโดยจิตอันไร้เทียมทานของจวินเซียวเหยา

ทันใดนั้น เสียงอันเก่าแก่ก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบามาจากส่วนลึกของตระกูลจวิน

“ดี”

หนึ่งคำ เปลี่ยนท่าทางทุกคนในทันที

“ท่านบรรพชนที่สิบแปด!” น้ำเสียงของจวินจ้านเทียนสั่นเทา

บรรพชนที่สิบแปดคือบรรพชนของตระกูลจวิน ดังนั้นจังไม่อาจแสดงตัวง่ายๆ

ครั้งล่าสุดที่เขาแสดงตัวออกมาคือยามที่จวินเซียวเหยากำเนิด

ในคราวนี้ แม้บรรพชนที่สิบแปดไม่ได้แสดงตัวออกมาให้เห็น เพียงคำก็ชัดเจนแล้วว่าต้องการชื่นชมในความกล้าหาญของจวินเซียวเหยา

พิสูจน์เส้นทางแห่งเต๋าและกลายเป็นจักรพรรดิ ไม่ใช่ทุกคนที่กล้าอวดดีเช่นนี้

แม้แต่อัจฉริยะระดับสูงบางคนยังรู้สึกผิดและไม่มั่นใจ

ได้ยินบรรพชนที่สิบแปดชมออกมาแบบนี้ มีอะไรที่จวินว่านจี๋สามารถกล่าวได้อีก?

ไม่สำคัญว่าจะเย็นชา เย่อหยิ่งและเอาแต่ใจ ไม่สำคัญว่าเจ้าจะกล้าหาญเพียงนี้หรืออีกร้อยเท่า เขาก็จะไม่กล้าโต้แย้งบรรพชนที่สิบแปด

“เป็นความผิดและความหยาบคายของว่านจี๋เอง เช่นนั้นขอตัวลา”

จวินว่านจี๋มองจวินเซียวเหยาด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็หันหลังและจากไปอย่างไม่ลังเล

ถ้าเขายังอยู่ที่นี่ต่อไป มันก็มีแต่จะทำให้หัวใจเขาหนักอึ้ง

เห็นเช่นนี้ สีหน้าของจวินจ้านเทียนก็อ่อนลงเล็กน้อย

แม้ว่าจวินว่านจี๋คนนี้จะมีนิสัยค่อนข้างบูดบึ้งและเอาแต่ใจ แต่โชคดีที่เขาไม่ใช่คนโง่และค่อนข้างรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

ถ้าเขายังไม่ยอมประนีประนอมและลงเอยด้วยการสู้กับจวินเซียวเหยาตรงนี้เลย มันคงจะเป็นความอัปยศของตระกูลจวิน

จวินเซียวเหยามองจวินว่านจี๋ที่กำลังจากไป เขานึกถึงสายตาอันเย็นชาจนถึงตอนนี้

เขารู้ว่าจวินว่านจี๋ยังคงไม่ยินยอม

แม้ตอนนี้เจ้าจะหยุด แต่เจ้าก็จะหาเรื่องข้าในอนาคตอยู่ดี

“จวินว่านจี๋ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่โง่เขลาเฉกเช่นเซียวเฉินนะ ไม่เช่นนั้น แม้เจ้าจะเป็นคนตระกูลจวินข้าก็จะไม่ปรานีแม้แต่นิดเดียว” จวินเซียวเหยาพึมพำกับตัวเอง

เขาจะกำจัดทุกอุปสรรคที่กีดขวางทางเดินของเขา

ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคจากโลกภายนอกหรือจากภายในตระกูล

หลังจากการจากไปของจวินว่านจี๋ บรรยากาศภายในห้องโถงทั้งหมดก็กลับคืนสู่สภาวะเดิม

“ขอแสดงความยินดีต่อท่านบุตรพระเจ้า” จวินเสวี่ยฮวางยืนขึ้นและอวยพรจวินเซียวเหยา

นางไม่ได้มีท่าทีที่เป็นอริต่อจวินเซียวเหยาเหมือนกับจวินว่านจี๋ มากสุดก็แค่รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย

“ขอบคุณ” จวินเซียวเหยายิ้มและชูแก้วในมือกลับ

เขามักจะชื่นชอบคนที่รู้จักสถานการณ์

“ขอแสดงความยินดีต่อท่านบุตรพระเจ้า” จวินจ้างเจี้ยนก็ลุกขึ้นยืนอวยพรเช่นกัน

เขาไม่ได้เรียกจวินเซียวเหยาว่าน้องชายเซียวเหยาอีกต่อไป เพราะรู้ว่าเขาไม่มีคุณสมบัตินั่นอีกแล้ว

สถานะบุตรพระเจ้ารวมกับลำดับศูนย์

ท่ามกลางรุ่นเยาว์แห่งตระกูลจวิน คงไม่มีใครมีสถานะสูงส่งไปกว่าจวินเซียวเหยาแล้วล่ะ

แม้แต่ลำดับหนึ่งที่ปิดด่านเป็นเวลานานแล้ว หรือลำดับสองและสามที่ออกไปผจญภัยโลกภายนอก สถานะก็ไม่ยอดเยี่ยมเช่นจวินเซียวเหยา

“ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาจะมีทัศนคติยังไงหากพวกเขาพบว่าน้องชายเซียวเหยาได้กลายเป็นลำดับศูนย์ไปแล้ว” จวินจ้างเจี้ยนคิดในใจ

แม้ว่าทั้งสองจะอยู่ในตำแหน่งลำดับแห่งตระกูลจวิน แต่จวินจ้างเจี้ยนก็ไม่มีความกล้ามากนักที่จะชักกระบี่ออกมาเผชิญหน้ากับลำดับระดับสูงคนอื่น

ผู้ที่สามารถก้าวขึ้นไปอยู่ระดับต้นๆ ของลำดับแห่งตระกูลจวินได้ไม่มีใครธรรมดาสักคน ถ้าพวกเขาไม่ได้มีเนตรคู่ ก็ต้องมีมรดกต้องห้ามบางอย่าง

จวินเซียวเหยาย่อมรู้เป็นธรรมดาว่าลำดับเหล่านี้ไม่ได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าด้วยความแข็งแกร่งโดยธรรมชาติของเขาแล้ว ทุกปัญหาที่เข้ามาจะถูกแก้ไขได้อย่างแน่นอน

จากนั้นงานเลี้ยงก็ดำเนินต่อไป

จวินเซียวเหยากำลังสงสัยว่าทำไมระบบยังไม่ส่งสัญญาณว่าลงชื่อ

แต่ทันใดนั้น ภายนอกประตูภูเขาใหญ่เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า จู่ๆ ก็มีเสียงอันหยิ่งยโสและขี้ล้อเลียนก็ดังขึ้น

“บุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน น้ำเสียงของเจ้ามันเหมือนกำลังอาละวาดจริงๆ ข้าไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะคู่ควรกับน้ำเสียงที่เจ้าอาละวาดออกมาหรือเปล่า?”

ได้ยินเสียงนี้ ทุกคนในห้องโถงต่างตัวสั่น

ใครเป็นเจ้าของเสียงนี้?

กล้าพูดออกมาอย่างนี้ในงานเลี้ยงวันเกิดของบุตรพระเจ้า

ถ้าไม่ใช่มองหาความตายก็คงอยากอายุสั้น!

ด้านนอกห้องโถงหลัก ผู้คนจากหลายขุมกำลังต่างก็มองไปบนท้องฟ้าภายนอกห้องโถง

มองไปบนท้องฟ้า ในระยะสายตาปรากฏมังกรปีกเขียวมรกตตัวหนึ่งที่บรรทุกกลุ่มคนไว้บนหลัง กำลังบินผ่านท้องฟ้า

ในกลุ่มคนบ้างมีสองเขาบนหัว บ้างมีสองปีกอยู่บนหลัง หรือมีเกล็ดบนลำตัว ในแวบแรกพวกเขาดูไม่เหมือนมนุษย์เลย

ผู้นำเป็นชายหนุ่มสวมใส่ชุดทองคำและมีเขาคู่หนึ่งบนศีรษะ เขามีท่าทางอันหยิ่งยโสและท่าทางอวดดี

คำพูดก่อนหน้า เป็นเขาที่กล่าวออกมา

“นั่น…ทายาทมังกรจากราชวงศ์จักรพรรดิ รังจู่หลง!” เฒ่าชราทรงพลังคนหนึ่งสูดลมหายใจลึกและกล่าว

ราชวงศ์จักรพรรดิคือมหาอำนาจที่เทียบเท่าตระกูลโบราณ นิกายสูงสุด และขุมกำลังอมตะ

จักรพรรดิโบราณแห่งราชวงศ์จักรพรรดิเทียบเท่ากับมหาจักรพรรดิแห่งเผ่ามนุษย์

แม้แต่ในบางยุคสมัยก็มีจักรพรรดิโบราณเป็นผู้ควบคุมดินแดนอมตะ ยืนอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตนับร้อยล้าน

รังจู่หลงคือขุมกำลังระดับสูงสุดของราชวงศ์จักรพรรดิและเคียงคู่มากับหุบเขาวั่นฮวางหลิง (หุบเขาหมื่นวิญญาณฟินิกซ์) และถ้ำฉีหลินโบราณ (ถ้ำกิเลนโบราณ)

แต่ตอนนี้ ทายาทมังกรแห่งรังจู่หลงได้มาโผล่ที่งานเลี้ยงวันเกิดของบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินอย่างไม่คาดคิด

ตราบเท่าที่คนไม่ได้โง่ เจ้าน่าจะรู้ว่าคนจากรังจู่หลงไม่ได้มาดีแน่ เพราะคนดีๆ ไม่ได้มาในรูปแบบนี้กัน

บางคนที่รู้ถึงความขัดแย้งระหว่างรังจู่หลงและตระกูลจวิน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตาเป็นประกาย

ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีการแสดงอันเพลิดเพลินให้รับชมอีก

“รังจู่หลง?” จวินเซียวเหยาพึมพำกับตัวเอง

เขาเคยได้ยินจวินจ้านเทียนพูดถึงขุมกำลังนี้มาก่อน

รังจู่หลงถือได้ว่าเป็นขุมกำลังศัตรูของตระกูลจวิน

ในยุคนี้ ตัวตนไร้เทียมทานในยุคก่อนหน้าอย่างหลงอ้าวเทียนผู้มีสายเลือดจักรพรรดิมังกรได้ออกจากรังจู่หลงและเหยียบย่ำอัจฉริยะตระกูลจวินไปหลายคน

แน่นอนว่าเหล่าลำดับแห่งตระกูลจวินก็ทรมานและเข่นฆ่าอัจฉริยะของรังจู่หลงไปมากมายเช่นกัน

สองขุมกำลังไม่อาจประนีประนอมได้โดยสิ้นเชิง

แม้แต่บิดาของเขา ราชันเทพชุดขาวจวินหวูหุ่ย ในยามที่อยู่ขอบเขตนักบุญก็เคยทรมานและสังหารผู้บ่มเพาะขอบเขตกึ่งจ้าวเทวะจากรังจู่หลงมาแล้ว ซึ่งการต่อสู้ครั้งนั้นได้สร้างชื่อเสียงให้กับจวินหวูหุ่ย

“ฮึ่ม พวกตัวโชคร้ายจริงๆ” สีหน้าของจวินจ้านเทียนดุร้าย

มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่พวกเขาจะเชื้อเชิญรังจู่หลงมางานเลี้ยงวันเกิด

“ทำไม พวกเจ้าไม่กล้าแม้แต่ปล่อยให้แขกเหรื่อผ่านประตูของตระกูลโบราณอันแสนจะสง่างามได้หรือ?” หลงฮ่าวเทียนกล่าวด้วยความหยิ่งผยองและโอหัง

ทันทีที่คำพูดเหล่านั้นดังออกมา จวินจ้างเจี้ยน จวินเสวี่ยฮวางวและลำดับคนอื่นทั้งหมดรู้สึกโกรธเคืองในหัวใจพวกเขา

ทายาทมังกรแห่งรังจู่หลงหยิ่งยโสโอหังอย่างแท้จริง

“ท่านปู่ ปล่อยให้พวกมันเข้ามา แค่พวกหนอนแมลงไม่กี่ตัว”

จวินเซียวเหยายืนมือไพล่หลังด้วยท่าทางสงบและไม่แยแส

**แก้ไขจากตอนที่ 23 และหลังจากตอนที่ 32 เป็นต้นไป หุบเขากระทิงเป็นขุมกำลังระดับราชวงศ์ราชา ส่วนรังจู่หลงเป็นขุมกำลังระดับราชวงศ์จักรพรรดิ

(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด