[ตอนฟรี] ตอนที่ 32 : แขกไม่ได้รับเชิญ
ด้วยการมีข้าอยู่ที่นี่ ตรงนี้ ทำไมเจ้าไม่กังวลว่าจะมีจักรพรรดิถือกำเนิดออกมาเล่า!
น้ำเสียงของจวินเซียวเหยายิ่งใหญ่ราวกับกำลังกลืนกินภูเขาและแม่น้ำนับหมื่นลี้
ทั่วทั้งห้องโถงและแม้แต่ตระกูลจวินเหมือนจะได้ยินเสียงคำพูดของจวินเซียวเหยาก้องไปมา
ในชั่วขณะ ใบหน้าของเหล่าแขกผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงต่างก็แข็งค้างไปกันหมด
ครืนน!
ลมและเมฆหมอกจากเก้าสวรรค์กำลังเปลี่ยนสี พายุสายฟ้ากำลังหมุนวนไปมา ดูเหมือนพวกมันกำลังสะท้อนคำพูดของจวินเซียวเหยา!
คำพูดไม่ใช่สิ่งที่จะกล่าวออกมาอย่างซี้ซั้ว
บางคำพูดจะต้องแบกรับเหตุและผลอันยิ่งใหญ่
“บุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินมีจิตวิญญาณอันไร้เทียมทาน!”
“จากคำพูดของบุตรพระเจ้า มันหมายความว่าเขามีความมั่นใจสูงมากในการพิสูจน์เล้นทางแห่งเต๋าและบรรลุเป็นมหาจักรพรรดิใช่หรือเปล่า?”
“วิถีแห่งจักรพรรดิคราวนี้น่าตื่นเต้นมาก…”
ผู้บ่มเพาะอันทรงพลังจากยุคเก่าต่างก็มีอารมณ์ร่วม
และสาวงามจากทุกขุมกำลังหลักต่างก็ถูกสั่นคลอนโดยคำพูดของจวินเซียวเหยา
สาวงามคนใดบ้างจะไม่อยากเคียงข้างวีรบุรุษ?
“มหาบุรุษที่แท้จริง มันควรจะเป็นลักษณะนี้…” องค์หญิงต้าชางถอนหายใจ ดวงใจของนางหล่นวูบไปแล้ว
สำหรับเจียงลั่วหลี นางยิ้มมุมปากจนแทบจะกลายเป็นยิ้มหัวเราะอยู่รอมร่อและนางไม่มีภาพลักษณ์ของอัญมณีแห่งตระกูลเจียงหลงเหลืออยู่เลย
จวินเซียวเหยาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับสายตาของคนอื่น แต่กำลังมองจวินว่านจี๋ด้วยสายตาอันเหยียดหยามและถามกลับอย่างใจเย็น “เจ้าพอใจกับคำตอบนี้หรือเปล่า?”
คำถามของจวินเซียวเหยาส่งผลให้จวินว่านจี๋สำลักในลำคอและไม่สามารถเปล่งเสียงโต้แย้งได้
แม้แต่คนพรสวรรค์สูงส่งอย่างเขาก็เกือบถูกสะกดข่มโดยจิตอันไร้เทียมทานของจวินเซียวเหยา
ทันใดนั้น เสียงอันเก่าแก่ก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบามาจากส่วนลึกของตระกูลจวิน
“ดี”
หนึ่งคำ เปลี่ยนท่าทางทุกคนในทันที
“ท่านบรรพชนที่สิบแปด!” น้ำเสียงของจวินจ้านเทียนสั่นเทา
บรรพชนที่สิบแปดคือบรรพชนของตระกูลจวิน ดังนั้นจังไม่อาจแสดงตัวง่ายๆ
ครั้งล่าสุดที่เขาแสดงตัวออกมาคือยามที่จวินเซียวเหยากำเนิด
ในคราวนี้ แม้บรรพชนที่สิบแปดไม่ได้แสดงตัวออกมาให้เห็น เพียงคำก็ชัดเจนแล้วว่าต้องการชื่นชมในความกล้าหาญของจวินเซียวเหยา
พิสูจน์เส้นทางแห่งเต๋าและกลายเป็นจักรพรรดิ ไม่ใช่ทุกคนที่กล้าอวดดีเช่นนี้
แม้แต่อัจฉริยะระดับสูงบางคนยังรู้สึกผิดและไม่มั่นใจ
ได้ยินบรรพชนที่สิบแปดชมออกมาแบบนี้ มีอะไรที่จวินว่านจี๋สามารถกล่าวได้อีก?
ไม่สำคัญว่าจะเย็นชา เย่อหยิ่งและเอาแต่ใจ ไม่สำคัญว่าเจ้าจะกล้าหาญเพียงนี้หรืออีกร้อยเท่า เขาก็จะไม่กล้าโต้แย้งบรรพชนที่สิบแปด
“เป็นความผิดและความหยาบคายของว่านจี๋เอง เช่นนั้นขอตัวลา”
จวินว่านจี๋มองจวินเซียวเหยาด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นก็หันหลังและจากไปอย่างไม่ลังเล
ถ้าเขายังอยู่ที่นี่ต่อไป มันก็มีแต่จะทำให้หัวใจเขาหนักอึ้ง
เห็นเช่นนี้ สีหน้าของจวินจ้านเทียนก็อ่อนลงเล็กน้อย
แม้ว่าจวินว่านจี๋คนนี้จะมีนิสัยค่อนข้างบูดบึ้งและเอาแต่ใจ แต่โชคดีที่เขาไม่ใช่คนโง่และค่อนข้างรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ถ้าเขายังไม่ยอมประนีประนอมและลงเอยด้วยการสู้กับจวินเซียวเหยาตรงนี้เลย มันคงจะเป็นความอัปยศของตระกูลจวิน
จวินเซียวเหยามองจวินว่านจี๋ที่กำลังจากไป เขานึกถึงสายตาอันเย็นชาจนถึงตอนนี้
เขารู้ว่าจวินว่านจี๋ยังคงไม่ยินยอม
แม้ตอนนี้เจ้าจะหยุด แต่เจ้าก็จะหาเรื่องข้าในอนาคตอยู่ดี
“จวินว่านจี๋ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่โง่เขลาเฉกเช่นเซียวเฉินนะ ไม่เช่นนั้น แม้เจ้าจะเป็นคนตระกูลจวินข้าก็จะไม่ปรานีแม้แต่นิดเดียว” จวินเซียวเหยาพึมพำกับตัวเอง
เขาจะกำจัดทุกอุปสรรคที่กีดขวางทางเดินของเขา
ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคจากโลกภายนอกหรือจากภายในตระกูล
หลังจากการจากไปของจวินว่านจี๋ บรรยากาศภายในห้องโถงทั้งหมดก็กลับคืนสู่สภาวะเดิม
“ขอแสดงความยินดีต่อท่านบุตรพระเจ้า” จวินเสวี่ยฮวางยืนขึ้นและอวยพรจวินเซียวเหยา
นางไม่ได้มีท่าทีที่เป็นอริต่อจวินเซียวเหยาเหมือนกับจวินว่านจี๋ มากสุดก็แค่รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย
“ขอบคุณ” จวินเซียวเหยายิ้มและชูแก้วในมือกลับ
เขามักจะชื่นชอบคนที่รู้จักสถานการณ์
“ขอแสดงความยินดีต่อท่านบุตรพระเจ้า” จวินจ้างเจี้ยนก็ลุกขึ้นยืนอวยพรเช่นกัน
เขาไม่ได้เรียกจวินเซียวเหยาว่าน้องชายเซียวเหยาอีกต่อไป เพราะรู้ว่าเขาไม่มีคุณสมบัตินั่นอีกแล้ว
สถานะบุตรพระเจ้ารวมกับลำดับศูนย์
ท่ามกลางรุ่นเยาว์แห่งตระกูลจวิน คงไม่มีใครมีสถานะสูงส่งไปกว่าจวินเซียวเหยาแล้วล่ะ
แม้แต่ลำดับหนึ่งที่ปิดด่านเป็นเวลานานแล้ว หรือลำดับสองและสามที่ออกไปผจญภัยโลกภายนอก สถานะก็ไม่ยอดเยี่ยมเช่นจวินเซียวเหยา
“ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาจะมีทัศนคติยังไงหากพวกเขาพบว่าน้องชายเซียวเหยาได้กลายเป็นลำดับศูนย์ไปแล้ว” จวินจ้างเจี้ยนคิดในใจ
แม้ว่าทั้งสองจะอยู่ในตำแหน่งลำดับแห่งตระกูลจวิน แต่จวินจ้างเจี้ยนก็ไม่มีความกล้ามากนักที่จะชักกระบี่ออกมาเผชิญหน้ากับลำดับระดับสูงคนอื่น
ผู้ที่สามารถก้าวขึ้นไปอยู่ระดับต้นๆ ของลำดับแห่งตระกูลจวินได้ไม่มีใครธรรมดาสักคน ถ้าพวกเขาไม่ได้มีเนตรคู่ ก็ต้องมีมรดกต้องห้ามบางอย่าง
จวินเซียวเหยาย่อมรู้เป็นธรรมดาว่าลำดับเหล่านี้ไม่ได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าด้วยความแข็งแกร่งโดยธรรมชาติของเขาแล้ว ทุกปัญหาที่เข้ามาจะถูกแก้ไขได้อย่างแน่นอน
จากนั้นงานเลี้ยงก็ดำเนินต่อไป
จวินเซียวเหยากำลังสงสัยว่าทำไมระบบยังไม่ส่งสัญญาณว่าลงชื่อ
แต่ทันใดนั้น ภายนอกประตูภูเขาใหญ่เหนือขึ้นไปบนท้องฟ้า จู่ๆ ก็มีเสียงอันหยิ่งยโสและขี้ล้อเลียนก็ดังขึ้น
“บุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน น้ำเสียงของเจ้ามันเหมือนกำลังอาละวาดจริงๆ ข้าไม่รู้ว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะคู่ควรกับน้ำเสียงที่เจ้าอาละวาดออกมาหรือเปล่า?”
ได้ยินเสียงนี้ ทุกคนในห้องโถงต่างตัวสั่น
ใครเป็นเจ้าของเสียงนี้?
กล้าพูดออกมาอย่างนี้ในงานเลี้ยงวันเกิดของบุตรพระเจ้า
ถ้าไม่ใช่มองหาความตายก็คงอยากอายุสั้น!
ด้านนอกห้องโถงหลัก ผู้คนจากหลายขุมกำลังต่างก็มองไปบนท้องฟ้าภายนอกห้องโถง
มองไปบนท้องฟ้า ในระยะสายตาปรากฏมังกรปีกเขียวมรกตตัวหนึ่งที่บรรทุกกลุ่มคนไว้บนหลัง กำลังบินผ่านท้องฟ้า
ในกลุ่มคนบ้างมีสองเขาบนหัว บ้างมีสองปีกอยู่บนหลัง หรือมีเกล็ดบนลำตัว ในแวบแรกพวกเขาดูไม่เหมือนมนุษย์เลย
ผู้นำเป็นชายหนุ่มสวมใส่ชุดทองคำและมีเขาคู่หนึ่งบนศีรษะ เขามีท่าทางอันหยิ่งยโสและท่าทางอวดดี
คำพูดก่อนหน้า เป็นเขาที่กล่าวออกมา
“นั่น…ทายาทมังกรจากราชวงศ์จักรพรรดิ รังจู่หลง!” เฒ่าชราทรงพลังคนหนึ่งสูดลมหายใจลึกและกล่าว
ราชวงศ์จักรพรรดิคือมหาอำนาจที่เทียบเท่าตระกูลโบราณ นิกายสูงสุด และขุมกำลังอมตะ
จักรพรรดิโบราณแห่งราชวงศ์จักรพรรดิเทียบเท่ากับมหาจักรพรรดิแห่งเผ่ามนุษย์
แม้แต่ในบางยุคสมัยก็มีจักรพรรดิโบราณเป็นผู้ควบคุมดินแดนอมตะ ยืนอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตนับร้อยล้าน
รังจู่หลงคือขุมกำลังระดับสูงสุดของราชวงศ์จักรพรรดิและเคียงคู่มากับหุบเขาวั่นฮวางหลิง (หุบเขาหมื่นวิญญาณฟินิกซ์) และถ้ำฉีหลินโบราณ (ถ้ำกิเลนโบราณ)
แต่ตอนนี้ ทายาทมังกรแห่งรังจู่หลงได้มาโผล่ที่งานเลี้ยงวันเกิดของบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินอย่างไม่คาดคิด
ตราบเท่าที่คนไม่ได้โง่ เจ้าน่าจะรู้ว่าคนจากรังจู่หลงไม่ได้มาดีแน่ เพราะคนดีๆ ไม่ได้มาในรูปแบบนี้กัน
บางคนที่รู้ถึงความขัดแย้งระหว่างรังจู่หลงและตระกูลจวิน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตาเป็นประกาย
ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีการแสดงอันเพลิดเพลินให้รับชมอีก
“รังจู่หลง?” จวินเซียวเหยาพึมพำกับตัวเอง
เขาเคยได้ยินจวินจ้านเทียนพูดถึงขุมกำลังนี้มาก่อน
รังจู่หลงถือได้ว่าเป็นขุมกำลังศัตรูของตระกูลจวิน
ในยุคนี้ ตัวตนไร้เทียมทานในยุคก่อนหน้าอย่างหลงอ้าวเทียนผู้มีสายเลือดจักรพรรดิมังกรได้ออกจากรังจู่หลงและเหยียบย่ำอัจฉริยะตระกูลจวินไปหลายคน
แน่นอนว่าเหล่าลำดับแห่งตระกูลจวินก็ทรมานและเข่นฆ่าอัจฉริยะของรังจู่หลงไปมากมายเช่นกัน
สองขุมกำลังไม่อาจประนีประนอมได้โดยสิ้นเชิง
แม้แต่บิดาของเขา ราชันเทพชุดขาวจวินหวูหุ่ย ในยามที่อยู่ขอบเขตนักบุญก็เคยทรมานและสังหารผู้บ่มเพาะขอบเขตกึ่งจ้าวเทวะจากรังจู่หลงมาแล้ว ซึ่งการต่อสู้ครั้งนั้นได้สร้างชื่อเสียงให้กับจวินหวูหุ่ย
“ฮึ่ม พวกตัวโชคร้ายจริงๆ” สีหน้าของจวินจ้านเทียนดุร้าย
มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่พวกเขาจะเชื้อเชิญรังจู่หลงมางานเลี้ยงวันเกิด
“ทำไม พวกเจ้าไม่กล้าแม้แต่ปล่อยให้แขกเหรื่อผ่านประตูของตระกูลโบราณอันแสนจะสง่างามได้หรือ?” หลงฮ่าวเทียนกล่าวด้วยความหยิ่งผยองและโอหัง
ทันทีที่คำพูดเหล่านั้นดังออกมา จวินจ้างเจี้ยน จวินเสวี่ยฮวางวและลำดับคนอื่นทั้งหมดรู้สึกโกรธเคืองในหัวใจพวกเขา
ทายาทมังกรแห่งรังจู่หลงหยิ่งยโสโอหังอย่างแท้จริง
“ท่านปู่ ปล่อยให้พวกมันเข้ามา แค่พวกหนอนแมลงไม่กี่ตัว”
จวินเซียวเหยายืนมือไพล่หลังด้วยท่าทางสงบและไม่แยแส
**แก้ไขจากตอนที่ 23 และหลังจากตอนที่ 32 เป็นต้นไป หุบเขากระทิงเป็นขุมกำลังระดับราชวงศ์ราชา ส่วนรังจู่หลงเป็นขุมกำลังระดับราชวงศ์จักรพรรดิ
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)