[ตอนฟรี] ตอนที่ 30 : ลั่วหลี 1.5 เมตร
ในห้องโถงมีเพียงบรรยากาศของความเงียบงัน
เย่ซิงหยุน อัจฉริยะที่ตระกูลเย่ภาคภูมิกำลังหายใจรวยรินพร้อมกระอักเลือดและกำลังหมดสติ
ถ้าหากพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองก็คงไม่มีวันเชื่อว่าจวินเซียวเหยาที่เพิ่งอายุสิบปีจะสามารถเอาชนะเย่ซิงหยุนได้อย่างง่ายดาย
และที่สำคัญที่สุด เทียบกับความอับอายของเย่ซิงหยุนกับชุดขาวอันไร้มลทินของจวินเซียวเหยาแล้ว เขาไม่มีรอยยับแม้แต่จุดเดียว
นี่ไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นการบดขยี้อย่างสมบูรณ์!
“บุตรพระเจ้าโคตรน่ากลัว!” หลายคนตะลึง
ผู้เฒ่าเคราขาวผู้ปลดปล่อยลมหายใจอันลึกล้ำถอนหายใจ “มหายุคกำลังมาถึง บุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินจะเป็นหนึ่งในดาวดวงใหม่ที่เจิดจรัสมากที่สุดในยุคนี้และเขามีโชคชะตาที่ต้องถูกสลักชื่อเสียงลงในหน้าประวัติศาสตร์…”
“ผู้ที่กล่าวคือสัตว์ประหลาดเฒ่าแห่งนิกายเต๋าสวรรค์สูงสุด ครั้งหนึ่งเขาเคยบ่มเพาะและฝึกฝนอยู่ในภูเขาเป่ยชาน เขาประเมินบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินไว้สูงจริงๆ”
ได้ยินการทำนายของผู้เฒ่าเคราขาวหรือก็คือสัตว์ประหลาดเฒ่าอันเก่าแก่แห่งนิกายเต๋าสวรรค์สูงสุด ทุกคนยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่
และองค์หญิงคนงามแห่งราชวงศ์ต้าชางก็พึมพำกับตัวเองในขณะที่เหม่อด้วยเช่นกัน
“มันจะเป็นความผิดพลาดที่เกาะติดกับข้าไปตลอดชีวิตเมื่อข้าได้เห็นบุตรพระเจ้า ไม่สำคัญว่าชายอื่นจะดีเลิศแค่ไหน…”
ชายหนุ่มที่ได้ยินคำพูดขององค์หญิงต้าชางต่างก็รู้สึกอกหักไปตามๆ กัน
สิ่งที่องค์หญิงต้าชางกล่าว หมายความว่าหลังจากที่ได้ยลโฉมบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินแล้ว ชายอื่นก็ไม่อาจเข้ามาอยู่ในสายตาของนางได้อีกต่อไป
การดำรงอยู่ของตัวตนที่พิเศษและยอดเยี่ยมขนาดไหนถึงทำให้องค์หญิงแห่งราชวงศ์กล่าวคำพูดเหล่านี้ออกมา
สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่จวินเซียวเหยาโดยไม่กะพริบ
แต่ตัวของจวินเซียวเหยาเองนั้นใจเย็นอย่างมากและไม่แยแสต่อสิ่งใด
การเอาชนะเย่ซิงหยุนได้มันไม่สลักสำคัญอะไรเลย
“ขอบคุณท่านใต้เท้าสำหรับความเมตตา นายน้อยของเราหุนหันพลันแล่นมากเกินไป เขาเพียงแค่เห็นการล่าสัตว์ จิตใจของเขาก็เริ่มเบิกบาน (ตื่นเต้นเมื่อเห็นสิ่งที่ตนสนใจ) และไม่มีเจตนาอื่น”
ลุงฝูรีบอธิบายอย่างรีบร้อนเพราะเกรงว่าจวินเซียวเหยาอาจเข้าใจผิด
แม้ว่าพวกเขาจะมีตระกูลเย่อยู่เบื้องหลัง พวกเขาก็ไม่อยากกระทบกระทั่งกับตระกูลจวินอย่างแน่นอน
“โอ้ ข้ารู้อยู่แล้วล่ะ นี่มันก็แค่การพูดคุยและแลกเปลี่ยนความรู้กันแบบสบายๆ” จวินเซียวเหยากล่าวพร้อมยิ้มอย่างผู้ดี
ได้ยินคำพูดของจวินเซียวเหยาแล้ว ลุงฝูก็หันไปมองเย่ซิงหยุนที่แผลเต็มตัวและสลบไปจากการกระอักเลือด
นี่มันเรียกว่าพูดคุยและแลกเปลี่ยนความรู้กันแบบสบายๆ ได้หรือ?
เกือบจะฆ่าคนตายมากกว่า!
กระทั่งลุงฝูมุมปากยังกระตุก เขาพยายามเค้นรอยยิ้มจากหน้าอันแก่เฒ่าของตัวเองและกล่าว “ท่านใต้เท้าเป็นผู้ใจกว้างราวมหาสมุทรอย่างแท้จริง เช่นนั้นชายชราผู้นี้จะขอนำตัวนายน้อยออกไปก่อน”
“อืม” จวินเซียวเหยาพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
ท้ายที่สุดแล้วเย่ซิงหยุนก็มาจากตระกูลโบราณ ถึงจวินเซียวเหยาจะไม่กลัว แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะเอาเรื่องอะไรกับคนซื่อบื้อแบบนี้ที่อยากทำเป็นเก่งเจ๋งต่อหน้าสาวสวย
หลังจากนั้นลุงฝูจึงแบกเย่ซิงหยุนที่หมดสติและออกจากตระกูลจวินอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“ฮ่าฮ่า ข้าทำให้ทุกท่านต้องเสียเวลาจริงๆ เช่นนั้นข้าขอเลี้ยงเหล้าเป็นการขออภัยพวกท่านสักแก้วก็แล้วกัน”
จวินเซียวเหยามองไปรอบๆ จากนั้นก็ชูแก้วเหล้าในมือและดื่มรวดเดียวทันที
“ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย บุตรพระเจ้าสุภาพเกินไปแล้ว”
“ใช่แล้ว นั่นเป็นการต่อสู้อันยอดเยี่ยมที่เปิดหูเปิดตาข้ามาก”
แขกจากทุกขุมกำลังในห้องโถงทุกคน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเยาว์หรือรุ่นก่อนต่างก็ลุกขึ้นยืนและดื่มอวยพรกลับ ไม่มีใครกล้าจะนั่งอยู่ตอนนี้
จวินจ้างเจี้ยนและจวินเสวี่ยฮวางก็ลุกขึ้นยืนดื่มอวยพรเช่นกัน
มีเพียงร่างเงาเดียวที่ยังคงนั่งอยู่กับที่ไม่ลุกขึ้นและไม่มีความตั้งใจที่ให้ของขวัญ
มันคือจวินว่านจี๋!
ในตอนนี้ ลึกภายในดวงตาของจวินว่านจี๋ผู้เย็นชา มันดูเหมือนกับมีทะเลแห่งอัสนีอยู่
ความเคร่งขรึมได้แสดงออกผ่านออกมา
เขาได้รับชมการต่อสู้ระหว่างจวินเซียวเหยาและเย่ซิงหยุนมาจนถึงตอนนี้
พูดตามตรง ความแข็งแกร่งของจวินเซียวเหยามันเกินกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้มากโข
ด้วยอายุเพียงแค่นี้ เขากลับมีความแข็งแกร่งในระดับอัจฉริยะชั้นยอดเป็นที่เรียบร้อย อีกไม่กี่ปีผ่านไปเขาจะไปได้ไกลขนาดไหน?
จวินเซียวเหยาก็สังเกตเห็นจวินว่านจี๋เช่นกัน
“นั่นลำดับห้า จวินว่านจี๋?”
“เกิดในสาขาย่อยของตระกูล ทรมานกับความยากลำบากทุกอย่าง แต่แล้วกลับได้รับการรู้แจ้งกฎสูงสุดโดยบังเอิญและสืบทอดเคล็ดทะลวงสวรรค์จากนั้นก็ปลุกกายารบทัณฑ์สวรรค์ เขาเติบโตอย่างแข็งแกร่งและกลายมาเป็นลำดับห้า”
“ทำไมบทมันคุ้นๆ อีกแล้ว?”
จวินเซียวเหยาคิดในใจ
นี่มันไม่ใช่บทอย่างการเอาคืนของพวกตัวจืดจางหลังจากได้รับโชคบางอย่างมาหรอ
บทอันนี้มันเก่ายิ่งกว่าบทแหวนปู่ของเซียวเฉินซะอีก
แต่จวินเซียวเหยาไม่ได้ใส่ใจมาก ตราบใดที่จวินว่านจี๋ไม่ได้ยั่วยุเขา เขาก็ไม่เริ่มหาเรื่องก่อนแน่
“น้องเซียวเหยา ตอนนี้เจ้าดูหล่อมาก”
เจียงลั่วหลีจ้องจวินเซียวเหยา ยิ่งนางจ้องเท่าไหร่นางยิ่งหลงใหลมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
“ขอบคุณ” จวินเซียวเหยายกชาดื่ม
เขาไม่มีความสนใจในเด็กสาวตัวน้อยแบบนี้
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ใช่พวกนิยมสาวตัวเล็ก
และเจียงลั่วหลีคนนี้ก็ตัวเล็กเกินไป ถ้านางแต่งงานกับเขาจริงๆ
ถึงตอนนั้นข้าเกรงว่ามันจะถึงกระเพาะภายในหนึ่งกระบวนท่าน่ะสิ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าข้ามีกายาเทพบรรพกาลที่ทำให้ความสามารถของไตแข็งแกร่งเป็นพิเศษ...
เจียงโร่วยิ้มอยู่ด้านข้างและกล่าว “หัวใจของเจ้าหวั่นไหวบ้างไหมหรือเจ้าอยากแต่งงานตอนนี้เลย?”
เมื่อเจียงลั่วหลีได้ยิน นางเขินจนหน้าแดงก่ำและบิดตัวไปมา นางกล่าวด้วยความอาย “ท่านแม่…”
“พรูดด…แค่ก แค่ก…”
จวินเซียวเหยาเกือบพ่นชาออกมาหลังจากจิบไป
แต่เพื่อรักษาภาพพจน์ เขาจำเป็นต้องกลืนกลับไปและไอสองครั้ง
“เซียวเหยาคิดว่ายังไงบ้าง ในฐานะแม่แล้ว แม่คิดว่าลั่วหลียอดเยี่ยมเลยนะ” เจียงโร่วกล่าว
“ท่านแม่ ลั่วหลีสูงแค่1.5เมตร…” เขาตอบพร้อมถอนหายใจเล็กน้อย
“อะไรนะ น้องเซียวเหยาจะบอกว่าข้าตัวเตี้ยหรอ!”
ดวงตาอันงดงามของเจียงลั่วหลีเบิกกว้างและนางเงยหน้ามองจวินเซียวเหยา
นางอายุสิบสองปีซึ่งแก่กว่าจวินเซียวเหยาสองปี แต่กลับสูงได้แค่ระดับหน้าอกของเขา
เป็นส่วนต่างความสูงที่ดูน่ารักดี
“ไม่จริงหรือ?” จวินเซียวเหยาเลิ่กคิ้ว
เจียงลั่วหลีกัดฟันของนางพร้อมกับทำหน้ามุ่ย นางหรี่ตากลมโตมองเขาด้วยความเจ้าเล่ห์
จากนั้นนางก็อ้าปากและกัดเข้าที่แขนของจวินเซียวเหยาทันที
นางหวังจะทิ้งร่องรอยไว้บนตัวจวินเซียวเหยา
ร่องรอยที่พิเศษของนาง เจียงลั่วหลี
ด้วยวิธีนี้ จวินเซียวเหยาจะไม่เมินเฉยและลืมนาง
หลังจากกัดไปหนึ่งคำ…
“โอ๊ยเจ็บ!”
เจียงลั่วหลีร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะฟันเขี้ยวซี่หนึ่งของนางแตก นางปิดปากและน้ำตาคลอ
“รู้ว่าข้ามีกายาเทพบรรพกาลแต่ยังอยากกัดข้า เจ้าเป็นหมาหรอ?” จวินเซียวเหยาพูดไม่ออก
เขามีกายาเทพบรรพกาลซึ่งทำให้ร่างกายของเขาสามารถเทียบได้กับอาวุธวิเศษ
ในขั้นนี้ เขาสามารถต้านทานด้วยมือเปล่าหรือกระทั่งทุบทำลายอาวุธชั้นยอดได้
แต่เจียงลั่วหลีกลับต้องการทิ้งรอยฟันไว้บนตัวเขา จะเอาอะไรมาเป็นไปได้?
จวินเซียวเหยาคว้าเอวของเจียงลั่วหลีแบบไม่คิดอะไรมาก จากนั้นก็ตีไปที่ก้นของนาง
ในการรับมือกับเด็กสาวผู้ซุกซนเช่นนี้ บางครั้งเจ้าก็ต้องใช้กำลังปราบนาง
เพี๊ยะ!
เสียงตีดังขึ้น
เจียงลั่วหลีชะงัก ดวงตาอันงดงามของนางเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
การแสดงออกของเจียงเซิ่งยีแข็งค้างไปแล้วเช่นกัน
แต่เจียงโร่วกลับกำลังทำหน้าภูมิใจในตัวลูกชายของนาง
แขกในห้องโถงต่างหลบตากันเพราะความเขินอาย
โชคยังดีที่เย่ซิงหยุนหมดสติและถูกเอาตัวไปแล้ว ไม่งั้นถ้าเห็นเทพธิดาของตัวเองถูกตีก้นโดยจวินเซียวเหยา เขาจะไม่โกรธจัดจนพุทธองค์ไม่กล้าประสูติ อรหันต์ไม่กล้าตรัสรู้เลยหรือ?
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)