ตอนที่แล้ว[ตอนฟรี] ตอนที่ 29 : บดขยี้โดยสิ้นเชิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[ตอนฟรี] ตอนที่ 31 : ประกาศลำดับศูนย์

[ตอนฟรี] ตอนที่ 30 : ลั่วหลี 1.5 เมตร


ในห้องโถงมีเพียงบรรยากาศของความเงียบงัน

เย่ซิงหยุน อัจฉริยะที่ตระกูลเย่ภาคภูมิกำลังหายใจรวยรินพร้อมกระอักเลือดและกำลังหมดสติ

ถ้าหากพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองก็คงไม่มีวันเชื่อว่าจวินเซียวเหยาที่เพิ่งอายุสิบปีจะสามารถเอาชนะเย่ซิงหยุนได้อย่างง่ายดาย

และที่สำคัญที่สุด เทียบกับความอับอายของเย่ซิงหยุนกับชุดขาวอันไร้มลทินของจวินเซียวเหยาแล้ว เขาไม่มีรอยยับแม้แต่จุดเดียว

นี่ไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นการบดขยี้อย่างสมบูรณ์!

“บุตรพระเจ้าโคตรน่ากลัว!” หลายคนตะลึง

ผู้เฒ่าเคราขาวผู้ปลดปล่อยลมหายใจอันลึกล้ำถอนหายใจ “มหายุคกำลังมาถึง บุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินจะเป็นหนึ่งในดาวดวงใหม่ที่เจิดจรัสมากที่สุดในยุคนี้และเขามีโชคชะตาที่ต้องถูกสลักชื่อเสียงลงในหน้าประวัติศาสตร์…”

“ผู้ที่กล่าวคือสัตว์ประหลาดเฒ่าแห่งนิกายเต๋าสวรรค์สูงสุด ครั้งหนึ่งเขาเคยบ่มเพาะและฝึกฝนอยู่ในภูเขาเป่ยชาน เขาประเมินบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินไว้สูงจริงๆ”

ได้ยินการทำนายของผู้เฒ่าเคราขาวหรือก็คือสัตว์ประหลาดเฒ่าอันเก่าแก่แห่งนิกายเต๋าสวรรค์สูงสุด ทุกคนยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่

และองค์หญิงคนงามแห่งราชวงศ์ต้าชางก็พึมพำกับตัวเองในขณะที่เหม่อด้วยเช่นกัน

“มันจะเป็นความผิดพลาดที่เกาะติดกับข้าไปตลอดชีวิตเมื่อข้าได้เห็นบุตรพระเจ้า ไม่สำคัญว่าชายอื่นจะดีเลิศแค่ไหน…”

ชายหนุ่มที่ได้ยินคำพูดขององค์หญิงต้าชางต่างก็รู้สึกอกหักไปตามๆ กัน

สิ่งที่องค์หญิงต้าชางกล่าว หมายความว่าหลังจากที่ได้ยลโฉมบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินแล้ว ชายอื่นก็ไม่อาจเข้ามาอยู่ในสายตาของนางได้อีกต่อไป

การดำรงอยู่ของตัวตนที่พิเศษและยอดเยี่ยมขนาดไหนถึงทำให้องค์หญิงแห่งราชวงศ์กล่าวคำพูดเหล่านี้ออกมา

สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่จวินเซียวเหยาโดยไม่กะพริบ

แต่ตัวของจวินเซียวเหยาเองนั้นใจเย็นอย่างมากและไม่แยแสต่อสิ่งใด

การเอาชนะเย่ซิงหยุนได้มันไม่สลักสำคัญอะไรเลย

“ขอบคุณท่านใต้เท้าสำหรับความเมตตา นายน้อยของเราหุนหันพลันแล่นมากเกินไป เขาเพียงแค่เห็นการล่าสัตว์ จิตใจของเขาก็เริ่มเบิกบาน (ตื่นเต้นเมื่อเห็นสิ่งที่ตนสนใจ) และไม่มีเจตนาอื่น”

ลุงฝูรีบอธิบายอย่างรีบร้อนเพราะเกรงว่าจวินเซียวเหยาอาจเข้าใจผิด

แม้ว่าพวกเขาจะมีตระกูลเย่อยู่เบื้องหลัง พวกเขาก็ไม่อยากกระทบกระทั่งกับตระกูลจวินอย่างแน่นอน

“โอ้ ข้ารู้อยู่แล้วล่ะ นี่มันก็แค่การพูดคุยและแลกเปลี่ยนความรู้กันแบบสบายๆ” จวินเซียวเหยากล่าวพร้อมยิ้มอย่างผู้ดี

ได้ยินคำพูดของจวินเซียวเหยาแล้ว ลุงฝูก็หันไปมองเย่ซิงหยุนที่แผลเต็มตัวและสลบไปจากการกระอักเลือด

นี่มันเรียกว่าพูดคุยและแลกเปลี่ยนความรู้กันแบบสบายๆ ได้หรือ?

เกือบจะฆ่าคนตายมากกว่า!

กระทั่งลุงฝูมุมปากยังกระตุก เขาพยายามเค้นรอยยิ้มจากหน้าอันแก่เฒ่าของตัวเองและกล่าว “ท่านใต้เท้าเป็นผู้ใจกว้างราวมหาสมุทรอย่างแท้จริง เช่นนั้นชายชราผู้นี้จะขอนำตัวนายน้อยออกไปก่อน”

“อืม” จวินเซียวเหยาพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ

ท้ายที่สุดแล้วเย่ซิงหยุนก็มาจากตระกูลโบราณ ถึงจวินเซียวเหยาจะไม่กลัว แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะเอาเรื่องอะไรกับคนซื่อบื้อแบบนี้ที่อยากทำเป็นเก่งเจ๋งต่อหน้าสาวสวย

หลังจากนั้นลุงฝูจึงแบกเย่ซิงหยุนที่หมดสติและออกจากตระกูลจวินอย่างหมดอาลัยตายอยาก

“ฮ่าฮ่า ข้าทำให้ทุกท่านต้องเสียเวลาจริงๆ เช่นนั้นข้าขอเลี้ยงเหล้าเป็นการขออภัยพวกท่านสักแก้วก็แล้วกัน”

จวินเซียวเหยามองไปรอบๆ จากนั้นก็ชูแก้วเหล้าในมือและดื่มรวดเดียวทันที

“ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย บุตรพระเจ้าสุภาพเกินไปแล้ว”

“ใช่แล้ว นั่นเป็นการต่อสู้อันยอดเยี่ยมที่เปิดหูเปิดตาข้ามาก”

แขกจากทุกขุมกำลังในห้องโถงทุกคน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเยาว์หรือรุ่นก่อนต่างก็ลุกขึ้นยืนและดื่มอวยพรกลับ ไม่มีใครกล้าจะนั่งอยู่ตอนนี้

จวินจ้างเจี้ยนและจวินเสวี่ยฮวางก็ลุกขึ้นยืนดื่มอวยพรเช่นกัน

มีเพียงร่างเงาเดียวที่ยังคงนั่งอยู่กับที่ไม่ลุกขึ้นและไม่มีความตั้งใจที่ให้ของขวัญ

มันคือจวินว่านจี๋!

ในตอนนี้ ลึกภายในดวงตาของจวินว่านจี๋ผู้เย็นชา มันดูเหมือนกับมีทะเลแห่งอัสนีอยู่

ความเคร่งขรึมได้แสดงออกผ่านออกมา

เขาได้รับชมการต่อสู้ระหว่างจวินเซียวเหยาและเย่ซิงหยุนมาจนถึงตอนนี้

พูดตามตรง ความแข็งแกร่งของจวินเซียวเหยามันเกินกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้มากโข

ด้วยอายุเพียงแค่นี้ เขากลับมีความแข็งแกร่งในระดับอัจฉริยะชั้นยอดเป็นที่เรียบร้อย อีกไม่กี่ปีผ่านไปเขาจะไปได้ไกลขนาดไหน?

จวินเซียวเหยาก็สังเกตเห็นจวินว่านจี๋เช่นกัน

“นั่นลำดับห้า จวินว่านจี๋?”

“เกิดในสาขาย่อยของตระกูล ทรมานกับความยากลำบากทุกอย่าง แต่แล้วกลับได้รับการรู้แจ้งกฎสูงสุดโดยบังเอิญและสืบทอดเคล็ดทะลวงสวรรค์จากนั้นก็ปลุกกายารบทัณฑ์สวรรค์ เขาเติบโตอย่างแข็งแกร่งและกลายมาเป็นลำดับห้า”

“ทำไมบทมันคุ้นๆ อีกแล้ว?”

จวินเซียวเหยาคิดในใจ

นี่มันไม่ใช่บทอย่างการเอาคืนของพวกตัวจืดจางหลังจากได้รับโชคบางอย่างมาหรอ

บทอันนี้มันเก่ายิ่งกว่าบทแหวนปู่ของเซียวเฉินซะอีก

แต่จวินเซียวเหยาไม่ได้ใส่ใจมาก ตราบใดที่จวินว่านจี๋ไม่ได้ยั่วยุเขา เขาก็ไม่เริ่มหาเรื่องก่อนแน่

“น้องเซียวเหยา ตอนนี้เจ้าดูหล่อมาก”

เจียงลั่วหลีจ้องจวินเซียวเหยา ยิ่งนางจ้องเท่าไหร่นางยิ่งหลงใหลมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

“ขอบคุณ” จวินเซียวเหยายกชาดื่ม

เขาไม่มีความสนใจในเด็กสาวตัวน้อยแบบนี้

ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ใช่พวกนิยมสาวตัวเล็ก

และเจียงลั่วหลีคนนี้ก็ตัวเล็กเกินไป ถ้านางแต่งงานกับเขาจริงๆ

ถึงตอนนั้นข้าเกรงว่ามันจะถึงกระเพาะภายในหนึ่งกระบวนท่าน่ะสิ

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าข้ามีกายาเทพบรรพกาลที่ทำให้ความสามารถของไตแข็งแกร่งเป็นพิเศษ...

เจียงโร่วยิ้มอยู่ด้านข้างและกล่าว “หัวใจของเจ้าหวั่นไหวบ้างไหมหรือเจ้าอยากแต่งงานตอนนี้เลย?”

เมื่อเจียงลั่วหลีได้ยิน นางเขินจนหน้าแดงก่ำและบิดตัวไปมา นางกล่าวด้วยความอาย “ท่านแม่…”

“พรูดด…แค่ก แค่ก…”

จวินเซียวเหยาเกือบพ่นชาออกมาหลังจากจิบไป

แต่เพื่อรักษาภาพพจน์ เขาจำเป็นต้องกลืนกลับไปและไอสองครั้ง

“เซียวเหยาคิดว่ายังไงบ้าง ในฐานะแม่แล้ว แม่คิดว่าลั่วหลียอดเยี่ยมเลยนะ” เจียงโร่วกล่าว

“ท่านแม่ ลั่วหลีสูงแค่1.5เมตร…” เขาตอบพร้อมถอนหายใจเล็กน้อย

“อะไรนะ น้องเซียวเหยาจะบอกว่าข้าตัวเตี้ยหรอ!”

ดวงตาอันงดงามของเจียงลั่วหลีเบิกกว้างและนางเงยหน้ามองจวินเซียวเหยา

นางอายุสิบสองปีซึ่งแก่กว่าจวินเซียวเหยาสองปี แต่กลับสูงได้แค่ระดับหน้าอกของเขา

เป็นส่วนต่างความสูงที่ดูน่ารักดี

“ไม่จริงหรือ?” จวินเซียวเหยาเลิ่กคิ้ว

เจียงลั่วหลีกัดฟันของนางพร้อมกับทำหน้ามุ่ย นางหรี่ตากลมโตมองเขาด้วยความเจ้าเล่ห์

จากนั้นนางก็อ้าปากและกัดเข้าที่แขนของจวินเซียวเหยาทันที

นางหวังจะทิ้งร่องรอยไว้บนตัวจวินเซียวเหยา

ร่องรอยที่พิเศษของนาง เจียงลั่วหลี

ด้วยวิธีนี้ จวินเซียวเหยาจะไม่เมินเฉยและลืมนาง

หลังจากกัดไปหนึ่งคำ…

“โอ๊ยเจ็บ!”

เจียงลั่วหลีร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะฟันเขี้ยวซี่หนึ่งของนางแตก นางปิดปากและน้ำตาคลอ

“รู้ว่าข้ามีกายาเทพบรรพกาลแต่ยังอยากกัดข้า เจ้าเป็นหมาหรอ?” จวินเซียวเหยาพูดไม่ออก

เขามีกายาเทพบรรพกาลซึ่งทำให้ร่างกายของเขาสามารถเทียบได้กับอาวุธวิเศษ

ในขั้นนี้ เขาสามารถต้านทานด้วยมือเปล่าหรือกระทั่งทุบทำลายอาวุธชั้นยอดได้

แต่เจียงลั่วหลีกลับต้องการทิ้งรอยฟันไว้บนตัวเขา จะเอาอะไรมาเป็นไปได้?

จวินเซียวเหยาคว้าเอวของเจียงลั่วหลีแบบไม่คิดอะไรมาก จากนั้นก็ตีไปที่ก้นของนาง

ในการรับมือกับเด็กสาวผู้ซุกซนเช่นนี้ บางครั้งเจ้าก็ต้องใช้กำลังปราบนาง

เพี๊ยะ!

เสียงตีดังขึ้น

เจียงลั่วหลีชะงัก ดวงตาอันงดงามของนางเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

การแสดงออกของเจียงเซิ่งยีแข็งค้างไปแล้วเช่นกัน

แต่เจียงโร่วกลับกำลังทำหน้าภูมิใจในตัวลูกชายของนาง

แขกในห้องโถงต่างหลบตากันเพราะความเขินอาย

โชคยังดีที่เย่ซิงหยุนหมดสติและถูกเอาตัวไปแล้ว ไม่งั้นถ้าเห็นเทพธิดาของตัวเองถูกตีก้นโดยจวินเซียวเหยา เขาจะไม่โกรธจัดจนพุทธองค์ไม่กล้าประสูติ อรหันต์ไม่กล้าตรัสรู้เลยหรือ?

(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด