[ตอนฟรี] ตอนที่ 3 : มหาเทพพลังไต
เพียงพริบตา เวลาก็ล่วงไปสามปี
ข่าวเกี่ยวกับจวินเซียวเหยายังคงกระจายไปทั่วทั้งตระกูลจวิน
ทุกคนรู้กันว่าในยามที่จวินเซียวเหยาถือกำเนิด เขาได้กระตุ้นบรรพชนที่สิบแปดให้ตื่นจากการหลับใหล หลังจากบรรพชนที่สิบแปดได้พบกับจวินเซียวเหยา ท่านก็ได้มอบสถานะบุตรพระเจ้าให้เขาทันที
สำหรับสถานะของตัวตนลำดับศูนย์ ภายใต้การตัดสินใจอย่างระมัดระวังของจวินจ้านเทียน จึงมีการกำชับไม่ให้เปิดเผยเรื่องนี้ออกไป
สาเหตุเป็นเพราะจวินจ้านเทียนกำลังส่งคำเชิญไปยังเหล่าขุมกำลังทั้งหมดในดินแดนอมตะหวงเทียนให้มาร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดอายุสิบปีของจวินเซียวเหยา จากนั้นจึงจะประกาศให้ทุกคนได้รู้พร้อมกันเกี่ยวกับสถานะลำดับศูนย์
เรียกได้ว่านี่คือการสร้างชื่อเสียงให้กับจวินเซียวเหยาไปด้วยในตัว
การปิดบังสถานะลำดับศูนย์ยังสร้างโอกาสให้จวินเซียวเหยาได้บ่มเพาะอย่างสงบและไม่ต้องมีเรื่องให้กังวลไปอีกสิบปี
เมื่อถึงเวลาเปิดเผย หากเหล่าศิษย์ที่ครองสถานะลำดับคนอื่นรู้สึกไม่พอใจ จวินจ้านเทียนทำได้เพียงปล่อยให้จวินเซียวเหยาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
แน่นอนว่าจวินเซียวเหยาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้
เพราะเขามั่นใจในพรสวรรค์และศักยภาพของตัวเอง
เวลาสิบปีก็พอ
“เซียวเหยา หลังจากห้าระดับของการฝึกฝนร่างกาย ถัดมานั้นคือห้าระดับของการฝึกฝนภายใน อันประกอบไปด้วย จุดเสินฉางที่หัวใจ, จุดเสินฉางที่ตับ, จุดเสินฉางที่ม้าม, จุดเสินฉางที่ปอด และจุดเสินฉางที่ไต ซึ่งสอดคล้องกับธาตุทั้งห้าตามลำดับ นั่นคือธาตุโลหะ ,ธาตุไม้, ธาตุน้ำ, ธาตุไฟ และธาตุดิน”
“หลังจากฝึกฝนห้าระดับขั้นของการฝึกฝนภายในจนสมบูรณ์ เจ้าจะสามารถรวบรวมทะเลจิตวิญญาณได้ จากนั้นควบแน่นเป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์ และสุดท้ายคือการแปรเปลี่ยนเป็นแก่นแท้จิตวิญญาณ”
ภายในพระราชวังเทียนตี้ จวินจ้านเทียนกำลังอธิบายหลักการฝึกฝนต่างๆ ให้กับจวินเซียวเหยา
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา จวินเซียวเหยาได้เสริมความมั่นคงให้กับรากฐานการบ่มเพาะของตัวเองเรียบร้อย
โดยโอสถศักดิ์สิทธิ์และยาเม็ดวิเศษจำนวนมากจะถูกนำมามอบให้กับจวินเซียวเหยาราวกับผักสดในตลาดในทุกๆ วัน
สิ่งที่สิ้นเปลืองมากที่สุดในการบ่มเพาะกายาเทพบรรพกาลคือทรัพยากรจำนวนมหาศาล
แต่ตระกูลจวินคือตระกูลโบราณที่ดำรงอยู่มานาน ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถแบกรับปริมาณการกลืนทรัพยากรของจวินเซียวเหยาได้
หลังจากสามปีแห่งการบ่มเพาะ จวินเซียวเหยารู้สึกว่าเขาสามารถทะลวงผ่านไปยังระดับต่อไปได้ทุกเมื่อ
“ท่านปู่ ปกติมันต้องใช้เวลานานขนาดไหนถึงจะทะลวงผ่านห้าระดับของการฝึกฝนภายใน?” จวินเซียวเหยาถาม
จวินจ้านเทียนครุ่นคิดแล้วกล่าว “ผู้บ่มเพาะทั่วไปจะใช้เวลาราวๆ ห้าปี และผู้บ่มเพาะที่มีพรสวรรค์หน่อย ก็จะใช้เวลาราวๆ สองถึงสามปี ส่วนเจ้าที่มีกายาเทพบรรพกาลและยังเป็นกายาที่ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้ เวลาเพียงหนึ่งถึงสองปีก็เพียงพอแล้วล่ะ”
“หนึ่งถึงสองปีรึ?” จวินเซียวเหยาคิดในใจ
หลังจากได้รับการชี้แนะเส้นทางแห่งการฝึกฝน จวินเซียวเหยาเริ่มทำสมาธิเพื่อบ่มเพาะต่อ
สิ่งที่เขากำลังฝึกฝนอยู่คือเคล็ดบ่มเพาะระดับสูงสุดประจำตระกูลจวิน เคล็ดวิชาไท่เสวียน
เคล็ดวิชาไท่เสวียนนี้เพียงพอที่จะสามารถฝึกฝนได้จนถึงขอบเขตจ้าวเทวะ นี่ยังป็นหนึ่งในเคล็ดฝึกฝนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตระกูลจวิน
แต่ตราบใดที่จวินเซียวเหยาต้องการ เขาสามารถรับทรัพยากรหรือเคล็ดวิชาฝึกฝนใดก็ได้
ครืนนน…
ภายในร่างกายของจวินเซียวเหยา ราวกับมีเสียงฟ้าคำราม ปราณทองคำและโลหิตไหลวนทั่วทั้งร่างกายของเขา
การบ่มเพาะที่สั่งสมมาตลอดสามปีกำลังระเบิดออกในวินาทีนี้
หากมองเข้าไปภายใน จะเห็นว่าหัวใจในร่างกายของจวินเซียวเหยากำลังส่องแสงสว่างจ้าราวกับประตูกำลังจะเปิดออก
“นี่มัน… เป็นไปไม่ได้…” จวินจ้านเทียนที่อยู่ด้านข้างรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
ข้าเพิ่งจะอธิบายจบ เป็นไปได้รึที่หลานชายของข้าจะทะลวงระดับการบ่มเพาะทันที?
ขนาดในนิยายยังไม่มีใครกล้าเขียนเช่นนี้!
ยังไงก็ตาม ขณะที่จวินจ้านเทียนกำลังตกใจ
ภายในหัวใจของจวินเซียวเหยา ประตูบานหนึ่งก็ระเบิดออกในที่สุด
บูมม!!
จวินเซียวเหยารู้สึกเพียงว่าร่างกายของตัวเองกำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างมหาศาล ปราณทองคำและโลหิตไร้ที่สิ้นสุดกำลังพลุ่งพล่านและความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่าในทันที
“นี่คือการเปิดจุดเสินฉางที่หัวใจรึเปล่า? ดูเหมือนจะใช่สินะ” จวินเซียวแปลกใจ
เขารู้สึกว่ามันก็ไม่ได้ยากเย็นอย่างที่จวินจ้านเทียนบอกนี่?
การทะลวงผ่านของเขาในครั้งนี้ราบรื่นเป็นอย่างมาก จวินเซียวเหยาจึงไม่ลังเลและทำการทะลวงผ่านระดับขั้นถัดไป
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
บูมม!!
จุดเสินฉางที่ตับระเบิดออกอีกครั้ง พลังปราณและโลหิตสั่นสะเทือน
หลังจากนั้นไม่นาน จุดเสินฉางที่ม้ามก็ถูกเปิดออกเช่นกัน!
จากนั้นคือจุดเสินฉางที่ปอด
สุดท้าย เมื่อผ่านไปเกือบหนึ่งวัน ร่างของจวินเซียวเหยาสั่นสะท้านและจุดเสินฉางที่ไตก็ถูกเปิดออก!
ในวินาทีที่จุดเสินฉางทั้งห้าภายในร่างกายถูกเปิด จวินเซียวเหยาราวกับกลายเป็นเทพแห่งสงครามที่สามารถสยบทั่วทั้งจักรวาลได้
ตาเฒ่าจวินจ้านเทียนทำได้แค่ยืนงงอยู่ที่เดิม
พร้อมกับบ่นพึมพำ “มารดาเจ้าเถอะ ข้าต้องใช้เวลาสองปีถึงจะทะลวงผ่านห้าระดับขั้นของการฝึกฝนภายในได้ แต่เจ้าหลานชายคนนี้นี่ใช้เวลาแค่วันเดียว…”
หากใครเอาตัวเองไปเทียบกับหลานคนนี้ คนผู้นั้นมีแต่จะรู้สึกโกรธ
จวินจ้านเทียนรู้สึกราวกับตัวเองเป็นขยะของเสียเมื่ออยู่ต่อหน้าหลานชาย
ไม่สิ ข้านี่มันขยะจริงๆ
หากไม่นับว่าอายุและระดับการบ่มเพาะที่มากกว่า เขาไม่อาจเทียบกับจวินเซียวเหยาได้เลยสักนิด
“ท่านปู่ ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ” จวินเซียวเหยาขมวดคิ้วทันที
“เกิดอะไรขึ้น มีบางอย่างผิดปกติด้วยรึ?” จวินจ้านเทียนกลับมามีสติและถามด้วยความกระวนกระวาย
จวินเซียวเหยาคือสมบัติที่มีค่ามากที่สุดของตระกูลจวิน หากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น บรรพชนที่สิบแปดได้จับเขาถลกหนังทั้งเป็นแน่
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าพลังที่ไหลเวียนอยู่ในจุดเสินฉางที่ไตของข้าถึงได้แข็งแกร่งกว่าสี่จุดเสินฉางในส่วนที่เหลือ?” จวินเซียวเหยาเต็มไปด้วยความฉงน
นี่ไม่ใช่การบอกว่าจุดเสินฉางอีกสี่จุดที่ถูกเปิดไม่แข็งแกร่ง เพียงแต่จุดเสินฉางที่ไตมันทรงพลังเกินไป
จวินจ้านเทียนรีบตรงเข้ามาตรวจสอบและท้ายที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในสายตาปรากฏความรู้สึกอิจฉา
“ท่านปู่ ข้าไม่เป็นอะไรใช่รึเปล่า?” จวินเซียวเหยาถาม
“แน่นอนว่าเจ้าสบายดี เซียวเหยาเอ๊ย ในอนาคตเจ้าจะต้องแผ่ขยายกิ่งก้านสาขาให้กับสายเลือดของปู่นะ เมื่อถึงวันจัดงานเลี้ยงฉลองอายุสิบปีของเจ้า ข้าจะลองขอร้องให้เจียงโร่วพาเจ้าไปหมั้นหมายกับอัญมณีแห่งตระกูลเจียงดู” จวินจ้านเทียนกล่าว
“นี่…” จวินเซียวเหยาถึงกับผงะไปชั่วครู่ หลังจากนั้นจึงตระหนักได้
กายาเทพบรรพกาลมีโบนัสพิเศษในด้านนี้ด้วยสินะ
แต่จวินเซียวเหยาไม่ใช่คนประเภทที่ในสมองมีแต่เรื่องอย่างว่า ไม่ว่าไตของเขาจะดีเลิศแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเถลไถลไปทั่วได้
สำหรับเรื่องงานแต่งแบบคลุมถุงชน จวินเซียวเหยาไม่มีทางตกหลุมรักกับอัญมณีแห่งตระกูลเจียงหรอก
“ยังไงก็ตามท่านปู่ ท่านรู้จักศิลาจารึกโบราณไท่เยว่รึเปล่า?” จวินเซียวเหยาเปลี่ยนเรื่อง
สามปีที่ผ่านมา จวินเซียวเหยาใช้เวลาส่วนมากไปกับการทำให้รากฐานการบ่มเพาะมีความมั่นคง จึงไม่มีเวลาไปลงชื่อ
ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเขาได้ทะลวงผ่านอีกครั้ง มันถึงเวลาที่จะไปสถานที่ลงชื่อเพื่อลงชื่อและรับของรางวัลแล้ว
“ศิลาจารึกโบราณไท่เยว่ แต่เดิมมันคือศิลาที่ตั้งตระหง่านอยู่ในแดนอมตะหวงเทียน ซึ่งถูกใช้ในการวัดระดับพละกำลังของร่างกาย แต่ภายหลังตระกูลของเราได้ขุดมันออกมาและนำมันมาตั้งไว้ในสนามประลองเพื่อให้เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ใช้ทดสอบพละกำลัง” จวินจ้านเทียนอธิบาย
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…” จวินเซียวเหยาเหงื่อตกเล็กน้อย
ตระกูลจวินทรงพลังอย่างแท้จริง ถึงกับขุดศิลาจารึกโบราณไท่เยว่ออกมาโดยตรง
แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน นี่ทำให้จวินเซียวเหยาไม่ต้องออกแรงค้นหาด้วยตัวเอง
“ท่านปู่ ข้าอยากลองไปทดสอบพละกำลังที่ศิลาจารึกโบราณไท่เยว่” จวินเซียวเหยากล่าว
“นี่…” จวินจ้านเทียนลังเล
ศิษย์รุ่นเยาว์ที่ไปสนามประลองตระกูลจวินล้วนอายุสิบปีขึ้นไป
ตอนนี้จวินเซียวเหยาเพิ่งจะสามขวบ แม้จะมีกายาเทพบรรพกาลอันหายาก ถ้าเขาต้องการทดสอบจริงๆ ผลลัพธ์ที่ออกมาย่อมด้อยกว่าเหล่าศิษย์ที่มีอายุมากกว่า
“ท่านปู่ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าแค่อยากจะลองดูสักครั้ง ถึงข้าจะล้มเหลวมันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร” จวินเซียวเหยากล่าว
แน่นอนว่าเขาแค่อยากลงชื่อและรับรางวัล
“เอาล่ะ เช่นนั้นก็ได้” จวินจ้านเทียนพยักหน้าเบาๆ
เป็นเรื่องดีที่เด็กน้อยต้องรู้จักความพ่ายแพ้บ้าง
อย่าได้คิดว่าตัวเองเก่งเกินไป แล้วบ่มนิสัยอันหยิ่งยโสขึ้นมา
“ข้าต้องตามหลานชายไปดูสักหน่อย หากเขาล้มเหลว ข้าจะได้เข้าไปปลอบ…” จวินจ้านเทียนคิด
“สามปีแล้วสินะ ในที่สุดข้าก็ได้ออกไปข้างนอกสักที!”
จากนั้นจวินเซียวเหยาก็เดินออกจากพระราชวังเทียนตี้
แม้ว่าเขาจะอายุแค่สามขวบ แต่รูปร่างภายนอกนั้นคล้ายกับเด็กหนุ่มอายุห้าหรือหกขวบ ซึ่งเป็นเพราะอิทธิพลจากกายาเทพบรรพกาล
เส้นผมสีดำมันวาวราวกับคริสตัล รากผมอันเปล่งประกาย และผิวพรรณกระจ่างใสดุจหยก
โครงหน้าราวกับประติมากรรมที่ปั้นโดยช่างสวรรค์ ทั้งหล่อเหลาและดูเป็นธรรมชาติ
แค่ในวัยเด็ก รูปลักษณ์ของเขาก็หล่อระดับเทพนิยาย ราวกับเทวดาหนุ่มที่ถูกเนรเทศจากสวรรค์
เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่าจวินเซียวเหยาจะมีหน้าตาหล่อมากขึ้นขนาดไหนเมื่อเขาโตขึ้น
“หลังจากลงชื่อที่ศิลาจารึกโบราณไท่เยว่แล้ว ข้าจะได้รับรางวัลเป็นอะไรกันนะ?” จวินเซียวเหยาสงสัย
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)