[ตอนฟรี] ตอนที่ 29 : บดขยี้โดยสิ้นเชิง
“เป็นไปได้ยังไง พลังของเจ้า!” เย่ซิงหยุนคำราม
เมื่อสัมผัสถึงพลังของจวินเซียวเหยา เขารู้สึกเย็นวาบตั้งแต่หลังไปจนถึงหนังศีรษะ
ระทึก!
ตกตะลึง!
เหลือเชื่อ!
แบบนี้มันเรียกว่าปานกลางตรงไหน?
ในใจของเย่ซิงหยุนต้องการสาปส่งเจ้านี่จริงๆ
ไม่ใช่แค่เขา แต่แขกทั้งหมดโดยรอบก็ดูเหมือนจะรู้สึกกลัวจนตัวแข็งเป็นหินเช่นกัน
การโจมตีของบุตรพระเจ้าดูธรรมดามาก แต่มันกลับน่าสะพรึงอย่างแท้จริง
หัวใจของเย่ซิงหยุนเต้นรัวเร็ว แต่มันไม่สำคัญว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไร เพราะเขาคืออัจฉริยะผู้ภาคภูมิแห่งตระกูลเย่และสภาพจิตของเขาก็ไม่แย่ ดังนั้นเขาจึงโต้กลับในทันที
“ฝ่ามือกวาดดารา!”
เย่ซิงหยุนไม่ยั้งมือ เขาปลดปล่อยทักษะที่แข็งแกร่งในทันที
ตอนแรกเขาแค่กะว่าจะลองเชิงดูก่อน แต่ตอนนี้มันไม่มีความจำเป็นแล้ว
เย่ซิงหยุนเหยียดมือออกไป ปราณดาราอันปั่นป่วนของเขาได้ควบแน่นเป็นฝ่ามือมหึมาที่เต็มไปด้วยแสงดวงดาว แสงเหล่านั้นส่องเจิดจ้าราวกับวิถีของดวงดาวกำลังโคจร
ทักษะโจมตีอันทรงพลังนี้มีเพียงกายาราชันแห่งดวงดาวเท่านั้นที่ฝึกฝนได้ มันแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
ฝ่ามือแห่งดวงดาวนี้ได้ปะทะเข้ากับฝ่ามือของจวินเซียวเหยาทันที
วินาทีถัดมา พลังปราณทองคำโหมกระหน่ำออกมาทั่วท้องฟ้า มันทะลวงผ่านฝ่ามือแห่งดวงดาวและกระแทกไปทางเย่ซิงหยุน
แคร่ก!
ตามมาด้วยเสียงทำนองของการแตกหัก เย่ซิงหยุนถูกกระแทกจนลอยออกจากห้องโถงและไถลเป็นทางลากยาวบนพื้น
เสียงของผู้ชมเงียบกริบ
มองดูเย่ซิงหยุนผู้นอนราบและกระอักเลือดไม่หยุดอยู่ภายนอกห้องโถง ผู้บ่มเพาะหลายคนรู้สึกว่าขนของพวกเขาตั้งชันขึ้นมา
จากนั้นพวกเขาก็หันไปมองจวินเซียวเหยาด้วยความสยดสยอง
สัตว์ประหลาด!
สัตว์ประหลาดน้อยของจริง!
เย่ซิงหยุนไม่ใช่หมาแมวที่ไหน แต่เป็นอัจฉริยะผู้ภาคภูมิของตระกูลเย่ซึ่งเป็นตระกูลโบราณ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเลยว่าเขาครอบครองกายาราชันแห่งดวงดาว
อัจฉริยะรุ่นเยาว์คนนี้กลับถูกตบปลิวด้วยฝ่ามือของจวินเซียวเหยา ซึ่งอายุเพิ่งจะครบสิบปีเท่านั้น แบบนี้ไม่ใช่สัตว์ประหลาดหรืออย่างไร?
นอกจากแขกคนอื่นแล้ว แม้แต่เจียงลั่วหลีและเจียงเซิ่งยีก็จ้องมองด้วยสายตาอันว่างเปล่าปนความไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย
แต่หลังจากนั้น ดวงตาอันสดใสของเจียงลั่วหลีก็เป็นประกายวิบวับไปมา
ข้อกำหนดในการเลือกชายหนุ่มของนาง อย่างแรกคือต้องหล่อวัวตายควายล้ม ซึ่งสำคัญมากที่สุด
ถ้ามีความแข็งแกร่งอันยอดเยี่ยมประกอบกับความหล่อด้วยแล้ว มันยิ่งสมบูรณ์แบบมากขึ้น
คุณลักษณะของจวินเซียวเหยาตรงกับภาพจินตนาการเทพบุตรจากสวรรค์ของเจียงลั่วหลีเป๊ะทุกข้อ
สำหรับเจียงเซิ่งยี ดวงตาของนางก็ฉายแววแปลกประหลาดออกมาเช่นกัน
“พลังปราณและโลหิตทองคำ นั่นเป็นกายาเทพบรรพกาลจริงๆ” เจียงเซิ่งยีคิดในใจ
ไม่เพียงแค่นาง แต่สายตาของเหล่าตัวตนสำคัญในที่แห่งนั้นก็สังเกตเห็นด้วยเช่นกัน
“กลับกลายเป็นว่ามันคือกายาเทพบรรพกาลจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าสิบปีก่อนจะทำให้เกิดนิมิตเหล่าเซียนหมอบคารวะได้”
“ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นกายาศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามนุษย์ แต่ไม่ใช่ว่ามันมีข่าวลือว่ากายาเทพบรรพกาลกลายเป็นกายาที่ไร้ค่าแล้วหรือ? ทำไมบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินยังทรงพลังขนาดนี้ได้?”
“มันเป็นไปได้หรือไม่ว่าตระกูลจวินยอมจ่ายทรัพยากรจำนวนมหาศาลเพื่อช่วยให้บุตรพระเจ้าทำลายโซ่ตรวนบางเส้น?”
“นั่นฟังดูเป็นไปได้ แต่ยังไงเส้นทางการบ่มเพาะของกายาเทพบรรพกาลคงไปได้ไม่ไกลนัก”
ด้วยการลงมือของจวินเซียวเหยา ผู้ชมเกือบทุกคนต่างก็มั่นใจว่ากายาของเขาคือกายาเทพบรรพกาลอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในทุกยุคสมัย
หากอยู่ในยุคโบราณ เรียกได้ว่ากายาเทพบรรพกาลคือจ้าวเหนือหัวผู้เทียบชั้นได้กับขอบเขตมหาจักรพรรดิ และกระทั่งประมือกับขอบเขตจักรพรรดิโบราณได้ด้วย
แต่ในปัจจุบัน สถานะของกายาเทพบรรพกาลน่าอับอายอย่างยิ่ง
แม้ว่าท่ามกลาง 3,000 กายา กายาเทพบรรพกาลจะติดหนึ่งในสิบอันดับแรก
แต่ตอนนี้ พลังของกายาเทพบรรกาลมันห่างไกลจากคำว่าแข็งแกร่งเหมือนในยุคโบราณอย่างมาก
“กลายเป็นว่าเจ้าครอบครองกายาเทพบรรพกาล!”
ด้านนอกห้องโถง เย่ซิงหยุนลุกขึ้นยืนอย่างลำบากและรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอก
ยังไงก็ตาม เขาครอบครองกายาราชันแห่งดวงดาวด้วยเช่นกัน ร่างกายของเขาจึงแข็งแกร่งกว่าผู้บ่มเพาะทั่วไปอย่างมาก
“ก็อย่างที่ข้าบอก ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสู้กัน เพราะผลลัพธ์มันไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้น” จวินเซียวเหยาส่ายหัวเล็กน้อย
“มันยังไม่จบ ก่อนหน้านี้ข้าแค่ยังไม่พร้อม” เย่ซิงหยุนกัดฟันแน่น เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ยินยอมให้ตัวเองอับอายอยู่ฝ่ายเดียว
“นายน้อย ท่าน…” ลุงฝู ข้ารับใช้ชราของเย่ซิงหยุนลังเลที่จะเอ่ย
“ดัชนีแห่งดวงดาว!”
เย่ซิงหยุนสะบัดมือขึ้นอย่างรวดเร็วและชี้หนึ่งนิ้วออกไป
ทันใดนั้น ปราณดาราได้รวมตัวกันและก่อตัวเป็นดัชนีโบราณราวกับว่ามันสามารถบดขยี้ดวงดาวบนท้องฟ้าได้
“น่าเบื่อจริง” จวินเซียวเหยาดันฝ่ามือออกไปอีกรอบ
พลังปราณและโลหิตทองคำโหมกระหน่ำ มันก่อตัวเป็นฝ่ามือปราณทองคำขนาดมหึมาและหักดัชนีแห่งดวงดาวโดยตรง
จากนั้น จวินเซียวเหยาคว้าไปในความว่างเปล่า พลังปราณของเขาพวยพุ่งและควบแน่นเป็นหอกสีม่วงแกมดำที่ลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงนรก
มันคือทักษะเฉพาะของพลังเทพคชสารทลายโลกันตร์ ทักษะหอกเทพอเวจี
จวินเซียวเหยาขว้างหอกเทพอเวจีออกไป
อากาศโดยรอบกรีดร้องและแยกออกทันที!
เพลิงนรกเผาผลาญไปทั่วท้องฟ้า หอกเทพอเวจีอันแหลมคมทะลวงตรงไปยังเย่ซิงหยุน!
สัมผัสได้ถึงพลังของหอกเทพอเวจี การแสดงออกของเย่ซิงหยุนเปลี่ยนไปสุดขีดอีกครา
“โล่ดาราสวรรค์!”
เย่ซิงหยุนรีบสละยุทธภัณฑ์ชั้นยอดทันที มันเป็นโล่ที่สว่างเจิดจ้าด้วยแสงดวงดาว
ยังไงก็ตาม มันกระชั้นชิดเกินไป
หอกเทพอเวจีที่ถูกขว้างโดยพละกำลัง 400 ล้านจินได้กระแทกเข้ากับโล่ดาราสวรรค์ มันแทงผ่านทันทีและฉีกกระชากโล่ออกราวกับกระดาษ
เย่ซิงหยุนทำหน้าราวกับเห็นผี
ทักษะต่างๆ ของจวินเซียวเหยาได้มอบความหวาดผวาให้กับเขาไปจนถึงกระดูกสันหลัง
“ฝ่ามือหลุมดำดูดดาว!”
เย่ซิงหยุนเปิดเผยไพ่ลับของตัวเอง ดวงดาวพิเศษที่ลอยอยู่เหนือทะเลจิตวิญญาณในตันเถียนของเขาถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด
เขาตบฝ่ามือออกไปและหลุมดำก็ถูกสำแดงออกมา
จากนั้นหอกเทพอเวจีก็ถูกดูดกลืนเข้าไปในหลุมดำโดยตรง
ยังไงก็ตาม เย่ซิงหยุนก็ถูกผลสะท้อนกลับเช่นกัน เขาถอยหลังไปหลายสิบก้าว กระอักเลือดคำโตออกมา และจับไปที่แขนที่กำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
“มันจบแล้ว” จวินเซียวเหยากระตุ้นทักษะศาสตราวุธสงคราม
แสงสีทองอันไร้ที่สิ้นสุดพวยพุ่งออกมาและควบแน่นเป็นศาสตราวุธหลายรูปแบบ ทั้งมีด หอก กระบี่ ง้าว ขวาน ตะขอ และสามง่าม พวกมันรวมตัวกันอย่างหนาแน่นและคำรามออกมาราวกับกระแสคลื่นที่พัดผ่านทำลายความว่างเปล่า
การโจมตีนี้ทำให้เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากขุมกำลังต่างๆ สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นความหวาดกลัว
“กายแท้แห่งดวงดาว!”
เห็นการโจมตีของอีกฝ่าย เย่ซิงหยุนเงยหน้าขึ้นท้องฟ้าและคำถามออกมา เขาไม่สามารถลดระดับการบ่มเพาะได้อีกต่อไป
ระดับการบ่มเพาะสวรรค์ที่ห้าแห่งขอบเขตแก้นแท้จิตวิญญาณระเบิดออก
เขารู้ว่าถ้ายังฝืนลดระดับการบ่มเพาะอีก เขาต้องถูกจวินเซียวเหยาถล่มยับเยินเป็นแน่
ยังไงก็ตาม สีหน้าของจวินเซียวเหยายังคงไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
เขาเปิดเผยการบ่มเพาะเหมือนกัน
บูมม!
ระดับการบ่มเพาะสวรรค์ที่เก้าแห่งขอบเขตแก่นแท้จิตวิญญาณถูกปลดปล่อยออกมาและพลังปราณทองคำโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงดุจเปลวเพลิงผลาญ!
“นี่…นี่คือสวรรค์ที่เก้าแห่งขอบเขตแก่นแท้จิตวิญญาณ!”
“มันเป็นไปได้อย่างไร บุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินเพิ่งอายุครบสิบปีเอง!”
เมื่อการบ่มเพาะของจวินเซียวเหยาเปิดเผยออกมาอย่างสมบูรณ์ ทุกคนภายในห้องโถงต่างก็ตกตะลึงราวกับเห็นผี!
ใบหน้าของเย่ซิงหยุนค้างยิ่งกว่าเดิมและหัวใจของเขาเย็นวาบ
จวินเซียวเหยาอายุน้อยกว่าเขา แต่การบ่มเพาะกลับสูงกว่า
และที่สำคัญที่สุด เขาหล่อมากกว่า!
ถามเย่ซิงหยุนดูหน่อย เขารู้สึกโกรธหรือเปล่า?
บูมม!
ไม่มีอะไรให้แปลกใจกับการปะทะกันของสองทักษะเลย
กายาเทพบรรพกาลสามารถสะกดข่มกายาราชันแห่งดวงดาวได้อย่างเด็ดขาด
แถมการบ่มเพาะของจวินเซียวเหยาก็สูงกว่าของเย่ซิงหยุนอีกด้วย
ในท้ายที่สุด เย่ซิงหยุนก็กระอักเลือดออกมาทางปาก กระดูกหน้าอกแตกหักเป็นเสี่ยงๆ และทั่วทั้งร่างกายปกคลุมไปด้วยบาดแผลพร้อมเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุด เขาลอยออกไปนอกห้องโถงอีกรอบราวกับเศษผ้าที่ปลิดปลิว
“นายน้อย!” การแสดงออกของลุงฝูเปลี่ยนไปทันทีและรีบเข้ามาตรวจสอบอาการของเย่ซิงหยุน
หลังจากสำรวจอย่างดีแล้ว ลุงฝูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้ว่าเย่ซิงหยุนจะบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่ได้ส่งผลถึงรากฐาน
เย่ซิงหยุนหน้าซีดเซียว เขามองจวินเซียวเหยาด้วยความไม่ยินยอม
“น้องเซียวเหยาหล่อมาก!”
เจียงลั่วหลีน้ำลายไหลในขณะที่มองจวินเซียวเหยาด้วยดวงตาอันเป็นประกาย ทำให้นางดูเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ (แล้วไม่ใช่เรอะ)
นางไม่ได้สนใจเย่ซิงหยุนแม้แต่น้อย
เมื่อเย่ซิงหยุนเห็นฉากนี้ เลือดคำโตก็พุ่งจากหัวใจออกมาทางปาก เขาโกรธมากจนเป็นลมหมดสติไปทันที
ในขณะที่กำลังจะหมดสติ จิตสำนึกของเย่ซิงหยุนก็ดูเหมือนจะโผล่มายังสถานที่แปลกประหลาด เมื่อมองไปโดยรอบก็เห็นพระราชวังแห่งดวงดาวอันวิจิตรงดงาม ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวในจักรวาล
และด้านหน้าของพระราชวังแห่งดวงดาว มีตัวตนที่สวมใส่ชุดคลุมซึ่งถักทอมาจากดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาว กำลังยืนหันหลังให้กับเขาราวกับว่ากำลังยืนอยู่เหนือสรวงสวรรค์
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เย่ซิงหยุนจะสามารถตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จิตสำนึกของเขาพลันจมดิ่งสู่ความมืดมิดโดยสมบูรณ์…
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)