[ตอนฟรี] ตอนที่ 28 : ความแข็งแกร่งของข้าแค่ปานกลาง
ห้องโถงที่เคยมีชีวิตชีวาเงียบลงในทันทีที่เย่ซิงหยุนเอ่ยออกมา
แขกผู้ทรงพลังหลายคนมองไปที่เย่ซิงหยุนราวกับพวกเขาเห็นลาโง่ตัวหนึ่ง
“เป็นกายาราชันแห่งดวงดาวจากตระกูลเย่นี่เอง เขาทำบ้าอะไรกัน?”
“ใช่ นี่เป็นงานเลี้ยงฉลองครบรอบสิบปีของบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน เจ้ากล้ามากที่พูดออกมาเช่นนี้”
“ข้าได้ยินมาว่าเย่ซิงหยุนดูเหมือนจะชอบอัญมณีแห่งตระกูลเจียงมากๆ …”
บริเวณรอบๆ แขกหลายคนกระซิบสนทนากัน
พวกเขาไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระ
ท้ายที่สุดแล้ว ตระกูลเย่ก็เป็นที่รู้จักกันดีในนามของตระกูลโบราณซึ่งมีมรดกอันแข็งแกร่งส่งต่อกันมาหลายยุคสมัย
เป็นการดีกว่าสำหรับพวกเขาที่จะไม่เข้าไปกวนน้ำให้ขุ่น
คนรับใช้ชราด้านข้างเย่ซิงหยุนหน้าเปลี่ยนสีทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่เย่ซิงหยุนกล่าว
“นายน้อย อย่าก่อปัญหาไปทั่ว…”
“พอแค่นั้นแหละท่านลุงฝู ข้าไม่ได้พยายามสร้างปัญหา แต่ข้าแค่รู้สึกยินดีที่ได้พบเจอกับบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินเท่านั้นเอง” เย่ซิงหยุนพูดขัดคนรับใช้ชราโดยตรง
เขาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปเมื่อเห็นว่าคนที่เขาชอบมีสายตาอย่างไรกับจวินเซียวเหยา
“ว่าอย่างไรท่านบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน ไม่ทราบว่าข้าพอจะได้รับเกียรตินั้นหรือไม่?”
เย่ซิงหยุนพยายามกดความอิจฉาและความโกรธในใจ เขาพยายามกล่าวให้ดูใจเย็นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เขาไม่ได้โง่มากพอที่จะกล่าวอย่างหยาบคายและตรงไปตรงมาในงานเลี้ยงตระกูลจวิน ไม่อย่างงั้นเขาก็คงหาเรื่องตายเสียเอง
แต่ถ้าเป็นเพียงแค่การชี้แนะหรือแลกเปลี่ยนความรู้ เย่ซิงหยุนเชื่อว่าตระกูลจวินจะไม่กล้าลงมือกับเขา
แน่นอน แม้จวินจ้านเทียนและคนอื่นๆ จะขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของเย่ซิงหยุน พวกเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติม
นี่ไม่ใช่เพราะเย่ซิงหยุนมีเบื้องหลังเป็นตระกูลโบราณ แต่เป็นเพราะจวินจ้านเทียนและคนอื่นอยากรู้พัฒนาการของจวินเซียวเหยาหลังจากการปิดด่านมาหนึ่งปีว่ามันจะเป็นอย่างไร
“เจ้าคือ…” จวินเซียวเหยายังคงสงบ
“ตระกูลเย่ เย่ซิงหยุน” เย่ซิงหยุนมองไปที่จวินเซียวเหยาตรงๆ และตอบ
“โอ้ เจ้าคือผู้มีกายาราชันแห่งดวงดาว” จวินเซียวเหยานึกออกทันที
เขายังพอมีความเข้าใจเกี่ยวกับอัจฉริยะจากตระกูลโบราณอื่นอยู่บ้าง
ในตระกูลเย่ อัจฉริยะไร้เทียมทานที่โด่งดังที่สุดคงเป็นการฟื้นกลับมาของอสูรดาบในตำนาน เย่กูเฉิน
นักดาบไร้เทียมทานผู้ฟาดฟันเหล่าอัจฉริยะในยุคสมัยนี้ไปทั่วดินแดนอมตะด้วยดาบสังหารจักรพรรดิ
มีข่าวลือว่ายามที่เขาประมือกับอัจฉริยะในช่วงยุคสมัยเดียวกัน เขาไม่เคยโจมตีอีกเป็นครั้งที่สองเลย
นั่นเพราะไม่มีใครสามารถต้านทานดาบแรกของเขาได้แม้แต่คนเดียว
และเย่ซิงหยุนผู้ครองกายาราชันแห่งดวงดาวคนนี้ก็ไม่แย่ แต่ไม่อาจเทียบกับเย่กูเฉินได้เลยแม้แต่น้อย
หากเย่กูเฉินอยู่ที่นี่ จวินเซียวเหยาอาจมีความสนใจอยู่บ้าง
สำหรับเย่ซิงหยุน…
เขาไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่แม้แต่นิด
“ไม่จำเป็น ความแข็งแกร่งของข้าแค่ปานกลาง ไม่ต้องทดสอบให้รู้ผลหรอก”
จวินเซียวเหยาส่ายหัว เขาเกียจคร้านเกินไปที่จะโจมตีเย่ซิงหยุน ดังนั้นเขาจึงหาข้อแก้ตัวบ้าๆ บอๆ
ได้ยินจวินเซียวเหยากล่าว ตัวตนอันทรงพลังบางคนถึงกับมีสายตาแปลกๆ
พูดตามตรง ด้วยลมหายใจอันล้ำลึกและแผ่บรรยากาศที่ไม่อาจคาดเดาได้ราวกับเทพเจ้าจุติลงมาบนโลก รูปลักษณ์ของจวินเซียวเหยาทำให้พวกเขาตะลึงอย่างแท้จริง
แต่เมื่อเผชิญกับการยั่วยุของเย่ซิงหยุนในตอนนี้ จวินเซียวเหยาไม่คิดจะลงมือแม้แต่นิดเดียว แถมอ้างว่าความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับปานกลางแทน
นี่เรื่องจริงหรือ?
บุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินเป็นแค่กระบี่งามที่มีไว้แสดงอย่างเดียวเสียอย่างนั้น?
จวินจ้างเจี้ยนและคนอื่นที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก
บุตรพระเจ้าอยู่ระดับปานกลาง!
“ถ้าน้องชายเซียวเหยาอยู่แค่ระดับปานกลาง ข้าคงต้องดีดตัวเองให้ตายด้วยเต้าหู้แล้วล่ะ” จวินจ้างเจี้ยนคิดในใจด้วยความละอาย
อย่างไรก็ตาม เย่ซิงหยุนไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของจวินเซียวเหยา
อย่างมากที่สุด เย่ซิงหยุนก็ให้ความสนใจเล็กน้อยต่อปรากฏการณ์การทะลวงขอบเขตของจวินเซียวเหยาก่อนหน้า
เมื่อเห็นว่าจวินเซียวเหยาไม่เต็มใจที่จะลงมือในตอนนี้ เย่ซิงหยุนก็เริ่มมีความกังวลใจ
หากจวินเซียวเหยาไม่ลงมือ เขาจะแสร้งว่าตัวเองเก่งเจ๋งต่อหน้าเจียงลั่วหลีได้อย่างไร?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้
เย่ซิงหยุนจึงกล่าว “บุตรพระเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องถ่อมตนหรอก ถ้าเป็นเพราะระดับขั้นการบ่มเพาะของเจ้าไม่เพียงพอ เช่นนั้นเย่ผู้นี้จะลดระดับการบ่มเพาะไปที่จุดสูงสุดของขอบเขตวิหารศักดิ์สิทธิ์แล้วสู้กับเจ้าเองก็ได้” จากมุมมองของเย่ซิงหยุน จวินเซียวเหยาเพิ่งจะสิบปีเท่านั้น ถึงแม้พรสวรรค์จะอยู่ในระดับสัตว์ประหลาดมากขนาดไหน ก็คงไปได้มากที่สุดแค่ขอบเขตวิหารศักดิ์สิทธิ์
และเย่ซิงหยุนเองในวัยสิบหกหรือสิบเจ็ดปี เขาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับที่ห้าของขอบเขตแก่นแท้จิตวิญญาณแล้ว
ได้ยินเย่ซิงหยุนเอ่ย ทุกคนในห้องโถงต่างจดจ่อความสนใจไปที่จวินเซียวเหยา
ถ้าจวินเซียวเหยายังคงปฏิเสธที่จะยอมรับ เขาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์แน่นอน
จวินเซียวเหยาลอบถอนหายใจ
เขาขี้เกียจเกินไปที่จะตบหน้าเจ้านั่น แต่กลับมีบางคนอยากให้เขาลงมือซะอย่างนั้น
เขามองไปที่เจียงลั่วหลีด้านข้างและพอจะรู้แล้วว่าทำไมเย่ซิงหยุนถึงทำแบบนี้
นี่คือรากเหง้าของปัญหา!
“เจ้ามันไม่น่ารำคาญไปหน่อยหรือ? ทำไมเจ้าถึงเอาแต่ตอแยน้องเซียวเหยากันหือ?”
สาวน้อยเจียงลั่วหลีเริ่มหงุดหงิด
นางยังอยากมีการพูดคุยและช่วงเวลาที่ดีกับจวินเซียวเหยา
แต่ท้ายที่สุด เย่ซิงหยุนเจ้าคนไม่รู้ดีชั่วกลับมาขัดขวาง
“ลั่วหลี ข้าแค่อยากจะ…”
หน้าของเย่ซิงหยุนเริ่มมืดดำคล้ำ แถมเจียงลั่วหลีกระทั่งเรียกมันว่าน้องเซียวเหยา
เจียงลั่วหลีกล่าวอย่างหมดความอดทน “เจ้าคิดจะทำอะไร เจ้าหักหน้าน้องเซียวเหยาแบบนี้ เจ้าจะชดใช้ไหม?”
“บ้าอะไรวะเนี่ย…” เย่ซิงหยุนสำลักในลำคอ หน้าของเขาแดงก่ำและอดไม่ได้ที่จะสบถ
แค่เกิดมาหน้าตาดีกว่าคนอื่น เจ้าก็สามารถทำทุกอย่างที่ต้องการได้งั้นหรือ?
เย่ซิงหยุนยิ่งอิจฉามากขึ้นไปอีก
จวินเซียวเหยาถึงกับเป็นใบ้ เจียงลั่วหลีเกือบจะเป็นประธานสมาคมคนหน้าตาดีอยู่แล้ว
“ไม่ต้องชดใช้อะไรหรอก ในเมื่อเจ้ายังยืนกรานว่าจะประลองกับข้าให้ได้ งั้นก็เข้ามา” จวินเซียวเหยากล่าวเรียบๆ พร้อมกับมือไพล่หลังหนึ่งข้าง
“น้องเซียวเหยา เจ้า…” เจียงลั่วหลีลังเล
นางยังมีความกังวลเล็กน้อยว่าจวินเซียวเหยาจะสู้กับเย่ซิงหยุนไม่ได้
“จิส์ จิส์ ลั่วหลีเริ่มกังวลเกี่ยวกับว่าที่สามีแล้วหรือ?” เจียงเซิ่งยียิ้มเล็กน้อย
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง…” เจียงลั่วหลีเขินอาย
เย่ซิงหยุนดูมืดมน เขาทนไม่ไหวที่จะพิสูจน์ตัวเองแล้ว
เขาลดระดับการบ่มเพาะไปสู่ระดับสวรรค์ที่เก้าแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์
จวินเซียวเหยากล่าวอย่างไม่แยแส “เจ้าลงมือก่อนได้เลยและไม่จำเป็นต้องลดระดับการบ่มเพาะ”
“ไม่จำเป็น” เย่ซิงหยุนปฏิเสธทันที
เขารู้ว่าถ้าเขาไม่ลดระดับแบบนี้ จวินเซียวเหยาก็จะมีข้ออ้างให้กับตัวเองเมื่อพ่ายแพ้
นั่นจะไม่ทำให้การแสร้งทำเป็นเก่งเจ๋งของเขาเกิดผล แบบนั้นเจียงลั่วหลีจะประทับใจเขาได้ไง
“เฮ้อ…” จวินเซียวเหยาถอนหายใจ
เขาไม่ได้พูดอะไรอีกและกระตุ้นพลังเทพคชสารทลายโลกันตร์ทันที
ในระหว่างการปิดด่าน จวินเซียวเหยาได้ปลุกอีก 10,000 อนุภาคคชสารยักษ์
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้จวินเซียวเหยาได้ปลุกทั้งหมด 40,000 อนุภาคคชสารยักษ์ ซึ่งเทียบเท่าพละกำลังอันมหาศาลถึง 400 ล้านจิน!
พละกำลังอันยิ่งใหญ่ 400 ล้านจิน นี่เป็นแนวคิดแบบไหน?
เพียงหนึ่งฝ่ามือภูผาโบราณถูกทำลายสิ้น เหล่าดวงดาวแดดิ้นบนเก้าสวรรค์วอดวายสลายไป!
ครืน!
ภายในร่างกายของจวินเซียวเหยา โลหิตทองคำกำลังพลุ่งพล่าน!
พลังปราณและโลหิตทองคำอันปั่นป่วนได้ทะลักออกมาจากร่างกายของเขา มันดูราวกับว่าร่างเงาของเทพบรรพกาลได้ก่อตัวขึ้นอย่างเบาบางและปราบปรามทุกสรรพสิ่ง!
จวินเซียวเหยาแค่ผลักฝ่ามือเดียวออกไปง่ายๆ
ราวกับว่าฝ่ามือแห่งเทพบรรกาลกำลังทำลายผืนปฐพี คลื่นพลังรุนแรงจนอากาศสั่นสะเทือนไปมาและทั่วทั้งห้องโถงก็เกิดการระเบิดออกอย่างรุนแรง!
แขกทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลอง ไม่ว่าจะเป็นผู้บ่มเพาะรุ่นเยาว์หรือรุ่นก่อนหน้าต่างก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนและเหวอจนอ้าปากค้าง!
แรงกดดันจากการปะทุของพลังอันน่าสะพรึง ส่งผลให้ผู้บ่มเพาะหลายคนจากรุ่นก่อนหน้ารู้สึกหวาดกลัว
สำหรับเย่ซิงหยุน ตอนนี้มันยิ่งกว่าถูกฟ้าผ่าเสียอีกและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปสุดขั้วจากความสยดสยองที่สัมผัสได้
(เย่ซิงหยุนท้าเด็กตี? หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)