[ตอนฟรี] ตอนที่ 27 : การยั่วยุของเย่ซิงหยุน
ทุกคนต้องมนตร์สะกดโดยรูปร่างและหน้าตาของจวินเซียวเหยาอย่างสมบูรณ์
สายตาของสตรีทุกนางพลันตกอยู่ภวังค์แห่งความหลงใหล ราวกับว่าวิญญาณได้ถูกกระชากออกไปโดยหนุ่มหล่อตรงหน้าพวกนาง
จวินเซียวเหยาดุจเทพเจ้าจุติลงมาบนโลกมนุษย์ บรรยากาศที่เขาแผ่ออกมามันเกินที่โลกจะรับไหว
“นี่น่ะหรือบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน? ได้ยินแม้นร้อยครั้งก็ไม่เท่าเห็นด้วยตาเพียงคราเดียว เขาเหมาะกับคำว่าพระเจ้าอย่างแท้จริง…” ทุกคนถอนหายใจ
ท่ามกลางความเงียบ จู่ๆ ก็มีเสียงร้องแผ่วเบาขึ้นมา
“หวา หวาา หวาาา เจ้าคือบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน จวินเซียวเหยางั้นหรือ?”
เด็กสาวผู้งดงามส่งเสียงร้องออกมา ดวงตาของนางกำลังเป็นประกายและมุมปากสีแดงอ่อนโยนก็โค้งขึ้น
“เอ่อ เจ้าคือ?”
จวินเซียวเหยาเลิ่กคิ้วขึ้นและมองไปที่เด็กสาวผู้งดงาม
ความประทับใจแรกก็…
เตี้ยจัง
ใช่ เตี้ยนั่นแหละ
แม้ว่าเจียงลั่วหลีจะมีดวงตาอันสดใสและฟันขาวกระจ่าง แม้ว่านางจะน่ารักและน่าดึงดูดมากๆ แม้ว่าเมื่อนางยิ้มจะมีลักยิ้มปรากฏบนแก้มทั้งสอง
แต่รูปร่างของนางค่อนข้างเป็นคนตัวเล็ก นางสูงแค่ประมาณ 1.5 เมตร
“ข้า..ข้าชื่อเจียงลั่วหลี…” นางหน้าแดงเขินอาย
“เจียงหลัวลี่?” จวินเซียวเอียงศีรษะเล็กน้อย
“ไม่ใช่…ข้าชื่อเจียงหลัวลี่ อ๊ะ ไม่ใช่ๆ …ข้าชื่อเจียงลั่วหลีต่างหาก” เจียงลั่วหลีหน้าแดงก่ำและใจเต้นรัว นางแอบอึดอัดเบาๆ
จวินเซียวเหยาเข้าใจในทันที
กลายเป็นว่านางคือคนจากตระกูลฝั่งมารดา
เมื่อเข้าใจเช่นนี้ จวินเซียวเหยาจึงยิ้มให้กับเจียงลั่วหลีเล็กน้อยและกล่าว “ขอบคุณคุณหนูเจียงสำหรับการมางานเลี้ยงวันเกิดของข้า”
ฮึก!
เมื่อเห็นใบหน้าอันหล่อเหลาที่ปกคลุมไปด้วยประกายแสงแห่งสวรรค์ส่งยิ้มมาเบาๆ มันทำให้ร่างกายของเจียงลั่วหลีถึงกับแข็งค้างทันทีและนางรู้สึกราวกับว่าเห็นภาพลวงตาของกามเทพกำลังแผลงศรแห่งความรักแทงเข้าหัวใจตัวเอง
สำหรับคุณมาตรฐานสูงอย่างนางแล้ว รูปลักษณ์ของจวินเซียวเหยาผ่านหมดทุกข้อ
นี่คือความหล่อเหนือธรรมชาติอย่างแท้จริง
และเจียงเซิ่งยีซึ่งอยู่ด้านข้างก็มองไปยังหลานชาย เขาหล่อจนเกินคำว่ามนุษย์ไปแล้วและดวงใจของนางก็หวั่นไหวเล็กน้อย
นางตั้งใจว่าจะหยอกล้อเจียงลั่วหลี แต่ตอนนี้นางก็ตกตะลึงไปเหมือนกัน
เพราะชั่วขณะที่นางเห็นจวินเซียวเหยา อารมณ์ความรู้สึกที่มันอธิบายไม่ได้ก็เกิดขึ้นในใจนาง
กายาเต๋าเซียนเทียนของนางก็มีความรู้สึกที่คลุมเครือราวกับว่ากำลังถูกสัมผัส
“เกิดอะไรขึ้นกันนะ…” เจียงเซิ่งยีตกใจและเอามือปิดแก้มอันขาวผ่องที่กำลังแดงระเรื่อ
“เซียวเหยามาตรงนี้เร็ว นี่ลูกพี่ลูกน้องห่างๆ ของแม่เอง จะเรียกว่าน้าก็ได้ น้าของลูกชื่อเจียงเซิ่งยี”
“แล้วก็มีเจียงลั่วหลี ผู้เป็นอัญมณีงามประจำตระกูลเจียงอีกคน บังเอิญว่าเราคุ้นเคยกันอย่างดีน่ะ”
เจียงโร่วยิ้มและทักทายจวินเซียวเหยา
จวินเซียวเหยาถึงกับพูดไม่ออก
กลับกลายเป็นว่าเด็กสาวตัวเตี้ยคนนี้คือคนที่เจียงโร่วกับจวินจ้านเทียนพูดถึงอยู่ตลอดว่าอยากให้เขาแต่งงานกับอัญมณีงามแห่งตระกูลเจียง
“ท่านน้า” จวินเซียวเหยาก้มหัวเล็กน้อย
“คำนั้นเอาไว้เรียกคนแก่นะ เรียกข้าว่าพี่สาวแทนก็แล้วกัน”
ราวกับว่าอยากจะปิดบังความผิดปกติที่เกิดขึ้นในใจ เจียงเซิ่งยีแสร้งทำหน้าตาผ่อนคลาย นางยิ้มจนเห็นฟันขาวและพูดติดตลก
ในเวลาเดียวกัน นางก็กำลังเฝ้าสังเกตจวินเซียวเหยาโดยไม่รู้ว่าเขามีกายาแบบไหน
และเจียงลั่วหลี ตั้งแต่เห็นหน้าจวินเซียวเหยานางก็หน้าแดงอยู่ตลอดเวลา
ปกตินางจะเป็นคนร่าเริงและมีชีวิตชีวา แต่ตอนนี้นางกลับสงบเสงี่ยม
ภาพนี้ได้แสดงสู่สายตาของแขกคนอื่น พวกเขาต่างก็ถอนหายใจ
ดูเหมือนว่าในใจของอัญมณีแห่งตระกูลเจียงผู้นี้ได้เริ่มก่อความรักขึ้นแล้ว
สีหน้าของนางมันแสดงออกขนาดนั้น!
บนที่นั่ง เย่ซิงหยุนมองไปที่เจียงลั่วหลีที่กำลังเขินอาย ตัวของเขาสั่นด้วยความโกรธเล็กน้อยและหน้าตาของเขาซีดเป็นไก่ต้ม
“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง?” ระหว่างกลางคิ้วของเย่ซิงหยุน ราวกับกำลังมีเมฆอึมครึมก่อตัว
พูดตามตรง เขาไม่ได้ต้องการที่จะยั่วยุจวินเซียวเหยาเลย
แต่เมื่อเห็นฉากตรงหน้า เขากลับรู้สึกอกหักอย่างแรง
เจียงลั่วหลีคือผู้หญิงที่เขาต้องการครอบครอง
นอกจากเรื่องของหน้าตาแล้ว
เย่ซิงหยุนถามตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์หรือความแข็งแกร่งหรือตระกูลเบื้องหลัง เขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าจวินเซียวเหยาเลย ยิ่งกว่านั้นเขายังเคยพานพบกับเจียงลั่วหลีในแดนลับลั่วเยว่มาแล้วด้วย
แต่ตอนนี้ จวินเซียวเหยายังไม่ทันได้ทำอะไร เพียงแค่เจียงลั่วหลีเห็นหน้าเขานางก็เกือบตกหลุมรักแล้ว
มันไม่ไร้เหตุผลไปหน่อยหรือ?
เขาหล่อสู้ไม่ได้งั้นหรือ?
ในอีกด้านหนึ่ง จวินจ้างเจี้ยนถอนหายใจ “มันเพิ่งผ่านมาไม่กี่ปี แต่น้องชายเซียวเหยากลับเติบโตมากถึงระดับนี้แล้ว”
จวินจ้างเจี้ยนค่อนข้างโชคดี เขาไม่ได้ไปยั่วยุจวินเซียวเหยาในเวลานั้นแต่มอบเหรียญตราจ้าวเทวะหยวนเทียนให้และสร้างมิตรภาพแทน
กล่าวได้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุดของจวินจ้างเจี้ยน
และด้านข้างของเขา จวินเสวี่ยฮวางก็กำลังจ้องไปที่จวินเซียวเหยา นางถึงกับสติหลุดไปครู่หนึ่ง
แต่นางไม่เหมือนเจียงลั่วหลี นางเก็บอาการได้ดีกว่า
“บุตรพระเจ้าผู้นึ้สมควรที่จะมีชื่อเสียงโด่งดังจริงๆ แถมลมหายใจของเขาก็ไม่อาจคาดเดาได้เลย” จวินเสวี่ยฮวางส่ายหัวเบาๆ
ทั่วทั้งร่างกายของจวินเซียวเหยาปกคลุมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์จางๆ ราวกับหมอก ทำให้มันยากที่จะมองทะลุผ่าน
พวกเขาสังเกตเห็นจวินว่านจี๋ที่หางตาด้วยเช่นกัน
นับตั้งแต่จวินเซียวเหยาปรากฏตัว สายตาของจวินว่านจี๋ก็มองไปที่เขาตลอด
ในสายตาคู่นั้นมีร่องรอยของการพิจารณาเล็กน้อยและความเฉยเมย
ค่อนข้างชัดเจน จวินว่านจี๋ผู้เกิดในสาขาย่อยของตระกูล ต้องทนทุกข์จากสายตาอันเหยียดหยามทุกรูปแบบ จะต้องไม่พอใจกับทายาทสายตรงแบบนี้ที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด
ทำไมข้าต้องพยายามอย่างหนักเพื่อบางอย่าง แต่เจ้าเกิดมาก็ได้รับมาเลย?
“ดูเหมือนว่าเจ้าจวินว่านจี๋นั่นจะไม่ลงรอยกับน้องชายเซียวเหยานะ…” จวินจ้างเจี้ยนกระซิบ
“พูดตามตรง ข้าก็ค่อนข้างอิจฉาสถานะและการถูกปฏิบัติของบุตรพระเจ้าผู้นี้เหมือนกัน” จวินเสวี่ยฮวางส่ายหัว
โชคดีที่ตอนนี้จวินว่านจี๋แค่นั่งมองอย่างเย็นชาและไม่มีทีท่าว่าจะลงมือทำเรื่องที่ไม่จำเป็น
ต่อมา งานเลี้ยงก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ความสนใจของผู้คนส่วนมากยังคงตกไปอยู่กับจวินเซียวเหยา
องค์หญิงจากราชวงศ์ต้าชางจ้องมองไปที่จวินเซียวเหยาด้วยดวงตาอันงดงาม แต่นางยังคงส่ายหัวและกล่าวอย่างนุ่มนวล
“องค์หญิงผู้นี้ไม่คู่ควรกับใต้เท้า…”
คำพูดของนางทำให้ขุมกำลังโดยรอบตกตะลึง
องค์หญิงแห่งราชวงศ์ต้าชางผู้โด่งดังถึงกับพึมพำว่านางไม่คู่ควรกับบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน?
“ใครจะรู้ล่ะว่าบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินผู้นี้แข็งแกร่งขนาดไหน บางทีเขาอาจจะมีดีแค่เปลือกก็ได้”
ในเวลานี้ มีเสียงพูดกระซิบออกมาเบาๆ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ยินและหันไปมองต้นทาง
“นั่นคือกายาราชันแห่งดวงดาวจากตระกูลเย่…” บางคนตาเป็นประกาย
นี่แอบแสดงความขุ่นเคืองใช่หรือเปล่า?
แต่ดูเหมือนบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินจะไม่เคยไปยั่วยุเขานะ
“นายน้อย อย่ากล่าวไร้สาระ!”
ด้านข้างเย่ซิงหยุน คนรับใช้วัยชราขอบเขตกึ่งนักบุญหน้าเปลี่ยนทันที เขากล่าวในเสียงต่ำ
“ฮึ่ม…” การแสดงออกของเย่ซิงหยุนยิ่งมืดมนกว่าเดิม
เขาคืออัจฉริยะตระกูลเย่ผู้ยิ่งใหญ่และภาคภูมิ เป็นไปได้หรือที่เขาจะไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ตัดกลับมา เจียงโร่วดึงจวินเซียวเหยาไปด้วยและยังคงพยายามแนะนำเจียงลั่วหลี
“เซียวเหยา ต่อไปนี้เจ้าไม่ใช่เด็กอีกแล้วนะ ได้เวลาที่เจ้าต้องคำนึงถึงการมีหลานมาให้แม่อุ้มแล้ว” เจียงโร่วยิ้ม
เมื่อจวินเซียวเหยาได้ยินแม่กล่าว เขาถึงกับเหงื่อตก
ข้าไปแก่ขนาดนั้นตอนไหน
แม้ว่าจวินเซียวเหยาจะดูตัวสูงเหมือนเด็กหนุ่มวัยสิบสี่ถึงสิบห้าปี แต่จริงๆ แล้วเขาเพิ่งจะสิบปีเองนะ
และการมองสาวน้อยเจียงลั่วหลีคนนั้น จวินเซียวเหยาไม่รู้สึกอะไรกับนางทั้งสิ้น
ถ้าหากพวกเขาต้องแต่งงานกันจริง จวินเซียวเหยาคงเห็นเป็นภาพตัวเองก่ออาชญากรรมแทน
เจียงลั่วหลียังคงหน้าแดง นางไม่กล้ามองไปที่จวินเซียวเหยาตรงๆ
“จิส์ จิส์ ก่อนหน้านี้ใครพูดกันนะว่าต่อให้ต้องตายหรือต้องกระโดดลงจากเหว ก็จะไม่ยินยอมกับการถูกคลุมถุงชน…” เจียงเซิ่งยีหยอกล้อ
“ท่านพี่เซิ่งยี อย่าพูดไร้สาระ ข้าเคยพูดอะไรแบบนั้นตอนไหน!” เจียงลั่วหลีทำหน้ามุ่ย หัวเล็กๆ ของนางส่ายไปมาและรีบปฏิเสธ
ตราบใดที่ข้าไม่ยอมรับมันก็แปลว่าข้าไม่ได้พูด
“ยังไงก็ตาม เขาเป็นคนที่หล่อที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาเลย” เจียงลั่วหลีกล่าวในใจ
ตอนนี้นางเริ่มชอบการถูกคลุมถุงชนแล้ว
แหม มันก็ดีจริงหนิ!
เห็นจวินเซียวเหยา เจียงลั่วหลีและคนอื่นๆ อยู่ด้วยกัน เย่ซิงหยุนกำลังจะเป็นบ้าเพราะความอิจฉา
ปัง!
แก้วไวน์ในมือของเย่ซิงหยุนกระแทกลงบนโต๊ะอย่างรุนแรง
ทั่วทั้งห้องโถงตกอยู่ในความเงียบทันที
“เจ้าคือบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินใช่ไหม? ข้านามว่าเย่ซิงหยุนจากตระกูลโบราณ ตระกูลเย่ ไม่ทราบว่าข้าพอจะมีโชครึไม่หากจะอยากเรียนรู้กับบุตรพระเจ้าสักสองกระบวนท่า?”
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)