[ตอนฟรี] ตอนที่ 26 : ลำดับห้า จวินว่านจี๋
มีเพียงลำดับที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้นที่สามารถทำให้ลำดับตระกูลจวินสองคนแสดงออกอย่างเคร่งขรึม
ผู้ที่เดินเข้ามาภายในห้องโถงคือชายหนุ่มในเกราะรบสีเงิน
เขามีใบหน้าสี่เหลี่ยม ท่าทางเย็นชาและเย่อหยิ่ง บนแก้มของเขามีรอยหยักแผลเป็นที่ทำให้เขาดูเย็นชามากขึ้น
ดวงตาของชายหนุ่มคนนี้ราวกับทะเลสาบอัสนี กะพริบเพียงคราหนึ่งสายฟ้าก็ระเบิดออกและแผ่กฎอันลึกซึ้งแห่งสายฟ้าไปรอบตัว
“กลับกลายเป็นคนผู้นี้!”
“ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาด้วย!”
เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นี้ ดวงตาของเหล่าอัจฉริยะที่แข็งแกร่งหลายคนต่างเป็นจริงเป็นจัง
แม้แต่เย่ซิงหยุนก็กล่าวอย่างจริงจัง “เขามาที่นี่เหมือนกันสินะ ลำดับห้าแห่งตระกูลจวิน จวินว่านจี๋”
จวินว่านจี๋ ผู้เป็นอัจริยะในตำนานอย่างแท้จริง
เขาเกิดในสาขาย่อยของตระกูลจวิน สถานะของเขาจึงไม่สูงมาก ทำให้ต้องอดทนต่อชะตากรรมอันยากลำบากด้วยตัวเอง
โดยปกติแล้วตระกูลจวินจะส่งลูกหลานจากสาขาย่อยเหล่านี้ไปยังเขตต่างๆ เพื่อดูแลกิจการให้กับตระกูลจวิน
และจวินว่านจี๋ก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น
จนกระทั่งเขาได้รับโอกาสในการรู้แจ้งกฎสูงสุดโดยบังเอิญและสืบทอดเคล็ดทะลวงสวรรค์
เพราะเหตุนี้ จวินว่านจี๋จึงปลุกกายาระดับสุดยอดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว นั่นคือกายารบทัณฑ์สวรรค์
ท่ามกลาง 3,000 กายา กายารบทัณฑ์สวรรค์คือกายาใน 300 อันดับแรกและอาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในกายาระดับสุดยอดที่มีพลังการต่อสู้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้น จวินว่านจี๋จึงเป็นลำดับห้าแห่งตระกูลจวินโดยมิอาจคัดค้าน
แม้ว่าสิบลำดับแห่งตระกูลจวินจะทรงพลังกันทุกคน แต่มันก็มีช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างพวกเขา
สามารถครองลำดับห้าในสิบลำดับได้ มันก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของจวินว่านจี๋แล้ว
แต่การมาถึงของเขากลับทำให้จวินจ้างเจี้ยนและจวินเสวี่ยฮวางขมวดคิ้ว
เหตุผลไม่ยาก อาจเป็นเพราะจวินว่านจี๋เกิดในสาขาย่อยของตระกูลและถูกปฏิบัติไม่ดีตั้งแต่เด็ก
เขาเป็นคนที่เย็นชา เย่อหยิ่งและเอาแต่ใจสุดๆ แถมความสัมพันธ์ของเขากับลำดับคนอื่นก็ไม่ดีนัก
“ดูจากบุคลิกของเขาแล้ว มันแปลกจริงๆ ที่เขาจะร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของน้องชายเซียวเหยา” จวินจ้างเจี้ยนพึมพำ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าจวินว่านจี๋สักเท่าไหร่
“บางที เขาอาจต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของบุตรพระเจ้า เพราะยังไงในอนาคต บุตรพระเจ้าผู้นั้นก็ดูเหมือนน่าจะกลายเป็นหนึ่งในสิบลำดับล่ะนะ” จวินเสวี่ยฮวางคาดเดา
พวกเขายังคงไม่รู้จนถึงตอนนี้ว่าจวินเซียวเหยาคือลำดับศูนย์มานานแล้ว
หลังจากจวินว่านจี๋มาถึงเขาก็เลือกที่นั่งโดยตรงและนั่งอยู่คนเดียว คนที่อยู่รอบๆ ต่างก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขา
ด้วยการมาถึงของลำดับทั้งสามแห่งตระกูลจวิน บรรยากาศทั่วทั้งห้องโถงก็เริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้น กระแสแรงกดดันอันทรงพลังก็แผ่กระจายเข้ามา เหล่าผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังและน่านับถือต่างก็สั่นสะท้านกันหมด และหันไปมองต้นทาง
กลุ่มของผู้อาวุโสตระกูลจวินได้มาถึงแล้ว แต่ละคนเต็มไปด้วยแรงกดดันอันน่าเกรงขามจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว
และมารดาของจวินเซียวเหยา เจียงโร่ว ก็มาด้วยเช่นกัน
“ทุกท่าน ขอบคุณที่มาร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบสิบปีของหลานชายข้า ข้าขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง” ชายชราชุดคลุมสีทองที่อยู่ตรงกลางคือจวินจ้านเทียน เขากล่าวออกมาพร้อมกับประสานมือ
“ด้วยความยินดี!”
“มันเป็นเกียรติของพวกเราแล้วที่จะได้ยลโฉมใบหน้าของบุตรพระเจ้า!” ทุกคนในที่แห่งนั้นยิ้มและประสานมือคำนับกลับ
ผู้อาวุโสจากนิกายหนึ่งลังเลและถาม “ข้าไม่รู้ว่าท่านบุตรพระเจ้าอยู่ที่ไหนหรือ?”
ทันทีที่มีคำถามออกมา หูของหลายคนก็ผึ่งทันที
งานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่เจ้าของงานกลับยังไม่ปรากฏออกมา มันดูไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไหร่
ยิ่งกว่านั้น ผู้คนเหล่านี้เป็นส่วนมากก็มาเพราะอยากเห็นใบหน้าของบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน
“ข้าต้องขออภัยกับทุกท่าน หลานชายของข้ายังคงอยู่ในการปิดด่านและยังไม่ได้ออกมา แต่มันควรจะเป็นเร็วๆ นี้…”
เพียงเมื่อจวินจ้านเทียนกล่าวจบ
ลึกเข้าไปภายในพระราชวังเทียนตี้ จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังสนั่นและสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เหนือขึ้นไปจากเก้าสวรรค์ เหล่าอัสนีบ้าคลั่งสาดกระจาย เหล่าลำแสงมากมายท่วมท้องนภา ตระการตาด้วยสีสันนับพันอันเป็นมงคล
“ปรากฏการณ์อะไรกัน!”
“ดูเหมือนบางคนกำลังจะทะลวงขอบเขตนะ หรือจะเป็นบุตรพระเจ้า?”
“แต่การทะลวงขอบเขตครั้งนี้มันไม่น่ากลัวไปหน่อยหรือ ว่าไหม?” ผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งหลายคนในห้องโถงต่างก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังงาน พวกเขาทั้งหมดต่างตะลึงไปชั่วขณะและสูดหายใจลึก
บุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินอายุเพิ่งจะสิบปีเท่านั้น
บึ้มม!
ห่างออกไป ณ พระราชวังเทียนตี้ ราวกับว่าท้องฟ้าอันส่องสว่างกำลังแสดงผลงานชิ้นเอกและสาดแสงสีทองออกไปนับหมื่นจั้ง(1จั้งเท่ากับ3.33เมตร)
มันดูเหมือนกับร่างเงาของเทพคชสารบรรพกาลได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างคลุมเครือ พร้อมกับการสะกดข่มสวรรค์ทั้งเก้าและโลกทั้งสิบ
“เป็นเคล็ดบ่มเพาะแบบใดกัน ถึงกับทำให้หัวใจของข้าสั่นเล็กน้อย…”
เย่ซิงหยุนสัมผัสได้ถึงการข่มขู่จากเทพคชสารบรรพกาล ทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาเป็นชายหนุ่มที่ค่อนข้างทะนงตน ด้วยการครอบครองกายาราชันแห่งดวงดาวและมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา แค่นี้มันก็พอที่จะกวาดไปทั่วทุกทิศแล้ว
แต่เทพคชสารบรรพกาลกลับทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจริงๆ
นี่ทำให้เย่ซิงหยุนต้องขมวดคิ้ว เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย
เพียงเมื่อแขกเหรื่อกำลังรู้สึกประหลาดใจ
ฝ่ามือขนาดมหึมาปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มันกดลงมาจากด้านบนและบดบังจากทุกการมองเห็นเพื่อไม่ให้คนนอกแอบสอดแนม
“ฝ่ามือนั่น… หรือว่าจะเป็น… จ้าวเทวะ…”
เมื่อเห็นฝ่ามือขนาดมหึมาที่สามารถลบล้างทุกทัศนวิสัยได้ตามต้องการ ผู้บ่มเพาะอันทรงพลังทั้งหมดในที่แห่งนั้นต่างก็แอบกลืนน้ำลายเต็มอึกและตัวสั่นเพราะความกลัว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบุคคลที่ลงมือครั้งนี้คือผู้บ่มเพาะขอบเขตจ้าวเทวะ
“เป็นไปได้ไหมว่านั่นคือบรรพชนที่สิบแปดแห่งตระกูลจวิน?” บางคนคาดเดาในใจ
เมื่อเหล่าขุมกำลังจำนวนมากกำลังคาดไปในทิศทางต่างๆ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในที่สุด ประตูพระราชวังเทียนตี้ก็เปิดออก
ท่ามกลางแสงอันเจิดจ้าที่แผ่กระจาย ตัวตนอันไร้เทียมทานในชุดขาวก็ปรากฏตัวออกมาช้าๆ
ในยามนี้ ระหว่างบนสวรรค์และผืนปฐพี สายตานับไม่ถ้วนตกลงบนร่างหนึ่งที่กำลังก้าวออกมาจากพระราชวังเทียนตี้ ราวกับสายธารนับร้อยกำลังมุ่งตรงสู่มหาสมุทร
ร่างนั้นคือชายหนุ่มรูปงาม ทั่วทั้งตัวปกคลุมไปด้วยแสงอันสุกสกาวเป็นชั้นบางๆ ในชุดสีขาวที่ขาวเกินกว่าหิมะ ราวกับเทพผู้ตกลงมาสู่โลกมนุษย์
เส้นผมทุกเส้นกระจ่างดุจคริสตัล ร่างกายและกล้ามเนื้อทุกมัดราวกับหยกเทวะชั้นเลิศที่กำลังบรรจุแสงศักดิ์สิทธิ์
รูปลักษณ์ของเขาถูกปกคลุมไปด้วยหมอกแห่งความงดงามนับอนันต์ แต่ยังคงมองเห็นได้อย่างรางๆ
ใบหน้าของเขาหล่อและเป็นธรรมชาติ มันหล่อถึงขนาดที่ผู้คนมักจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความเป็นจริง
ผู้คนจะพากันสงสัยในคราแรกที่เห็น
เจ้าเป็นมนุษย์จริงหรือเปล่า?
หรือจะเป็นเทพที่บังเอิญถูกเนรเทศมาสู่โลกมนุษย์?
ชั่วขณะหนึ่ง ทั่วโลกพลันตกอยู่ในความเงียบงัน
หญิงสาวหลายคนก็เกือบจะหยุดหายใจ
แม้แต่เด็กผู้หญิงบางคนในตระกูลจวินที่เคยเห็นหน้าของจวินเซียวเหยามาก่อน ในตอนนี้ก็รู้สึกหายใจไม่ออกเช่นกัน
หลังจากปิดด่านเป็นเวลาหนึ่งปี กลิ่นอายของจวินเซียวเหยาอ่อนลงแต่กลับลึกล้ำมากขึ้น
“คนหล่อสวยมากมายเต็มไปหมด แต่ไม่มีใครเทียบกับบุตรพระเจ้าได้เลย…”
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจากตระกูลจวินพึมพำคำเหล่านี้ออกมาราวกับนางกำลังจะเป็นบ้าและไม่รับรู้อะไรอีก
ในขณะนั้น จวินเซียวเหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเขาเงยหน้ามองภาพบนท้องฟ้า
“มันถึงเวลางานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบสิบปีของข้าแล้วหรือ?”
จวินเซียวเหยาไม่คาดคิดเลยว่าแค่พริบตาเดียวเขาก็ปิดด่านไปหนึ่งปีแล้ว
ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาก็มาถึงทางตันอีกครั้งที่จุดสูงสุดของขอบเขตแก่นแท้จิตวิญญาณ
มันเกินเป้าหมายของเขาในตอนแรกที่ต้องการเพียงทะลวงไปสู่ขอบเขตแก่นแท้จิตวิญญาณและถือได้ว่าเกินเป้าหมายไปเยอะมาก
อาจกล่าวได้ว่า เมื่อค้นหาไปทั่วทั้งดินแดนอมตะหวงเทียนแล้ว มีคนไม่มากนักที่สามารถมาถึงระดับที่เก้าของขอบเขตแก่นแท้จิตวิญญาณได้ในวัยสิบปี
“นายท่าน งานเลี้ยงได้เริ่มขึ้นแล้ว”
เห็นจวินเซียวเหยาออกจากการปิดด่าน จวินหลิงหลงที่กำลังรอคอยอยู่ด้านนอกพระราชวังก็เข้ามาหาและแจ้งข่าว
สำหรับไป่ยวี่เอ๋อ นางได้กลับดินแดนจูเชวี่ยโบราณเรียบร้อยแล้ว
“เอาล่ะ ไปที่โถงหลักกันก่อนแล้วกัน” จวินเซียวเหยาพยักหน้าเล็กน้อยและก้าวไปในความว่างเปล่าราวกับเทพเจ้าที่กำลังบินในอากาศ
จนกระทั่งร่างของจวินเซียวเหยาหายไป สายตาของหลายคนก็กลับคืนมามีสติ
“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินจะแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ในแง่ของรูปลักษณ์และบรรยากาศรอบตัวของเขา ข้ากล้าพูดได้เลยว่าเขาคือหมายเลขหนึ่งแห่งแดนอมตะ” หญิงสาวขอบเขตนักบุญคนหนึ่งที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงพูดกับตัวเองอย่างคลั่งไคล้
ตอนนี้ภายในโถงหลัง หลายคนก็รับรู้ว่าบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินได้ออกจากการปิดด่านแล้ว
หลังจากนั้นสักพัก เสียงที่สงบและอบอุ่นก็ดังมาจากทางเข้าของห้องโถง
“ขอบคุณทุกท่านที่มางานเลี้ยงฉลองวันเกิดของข้า”
เมื่อสิ้นเสียง ร่างไร้มลทินที่สวมชุดสีขาวก็ก้าวเข้ามาในห้องโถงอย่างสบายๆ
ทุกเสียงได้เงียบลงในครานั้น…
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)