[ตอนฟรี] ตอนที่ 24 : สาวงามทั้งสองแห่งตระกูลเจียง
ตระกูลจวินคือขุมกำลังสูงสุดในดินแดนอมตะหวงเทียน
ทุกการเคลื่อนไหวของตระกูลจวินจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงต่อดินแดนอมตะหวงเทียน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าตัวเอกของงานเลี้ยงคราวนี้คือทายาทผู้ลึกลับแห่งตระกูลจวิน
ในฐานะของผู้สืบทอดราชันเทพชุดขาวจวินหวูหุ่ยแล้ว จวินเซียวเหยาจึงได้รับความสนใจจากทุกทิศทาง
และงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครั้งนี้ก็เป็นการปรากฏตัวครั้งแรกสู่สาธารณชนด้วยเช่นกัน ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกิดแรงกระเพื่อมไปทุกแห่งหน
...
ชิงโจว หนึ่งในสามพันดินแดนอมตะหวงเทียน
ชิงโจวเป็นเขตแดนของตระกูลเจียงอันเป็นหนึ่งในตระกูลโบราณ
ซึ่งตระกูลเจียงก็เป็นตระกูลโบราณที่มารดาของจวินเซียวเหยานามเจียงโร่วเติบโตมา
แน่นอนว่าเจียงโร่วก็เป็นเทพธิดาประจำตระกูลเจียงด้วยเช่นกัน และมีสถานะที่สูงส่งด้วย
เวลานี้ภายในตระกูลเจียง ปรากฏสถานที่แห่งหนึ่งราวกับสรวงสวรรค์ที่มีหมอกหลากสีลอยล่องไปมา
ที่แห่งนั้นมีหญิงสาวในชุดคลุมหิมะกำลังยืนรออะไรบางอย่างอยู่
หญิงสาวผู้นี้งดงามอย่างไร้ที่ติด้วยรูปลักษณ์ของนางฟ้าและร่างกายหยกขาวบริสุทธิ์สูงเพรียว
ผมของนางเงางามราวกับน้ำตกที่กำลังมุ่งตรงสู่บั้นท้าย
ใบหน้าดุจดั่งภาพวาด คิ้วอันโค้งดำและดวงตากระจ่างใสในฤดูใบไม้ผลิ ริมฝีปากแดงสดและฟันขาวสว่าง
เพียงคราแรกที่ได้เห็น ราวกับเป็นนางฟ้าจากสวรรค์มาสู่ผืนดิน งดงามและเจริญตาเป็นอย่างยิ่ง
“หลานชายของข้ากำลังจะจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบสิบปี แต่ข้ากลับไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลย” หญิงสาวที่กำลังพึมพำ จู่ๆ กลับยิ้ม
หญิงสาวผู้นี้คือลูกพี่ลูกน้องห่างๆ ของเจียงโร่ว แม้ว่าทั้งสองจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดมากนัก แต่ก็นับได้ว่านางคือน้าของจวินเซียวเหยานาม เจียงเซิ่งยี
ในสายตระกูลของเจียงโร่ว เจียงเซิ่งยีเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดเพียงแค่24ปีเท่านั้น ถือได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงบานสะพรั่งของความงาม
ในขณะนั้น เสียงอันนุ่มนวลและคมชัดราวกับระฆังก็ดังแว่วมาแต่ไกล
“ท่านพี่เซิ่งยี ท่านอยากให้ข้าทำอะไร?”
เมื่อสิ้นเสียง เด็กสาววัยสิบสองปีก็ก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาออกมาจากความว่างเปล่าและโผล่มาทันที
นางตัวเล็กและว่องไว มีผมสีฟ้ามัดเป็นทรงหางม้าหนึ่งคู่ นางดูสดใสและร่าเริงไปกับการเคลื่อนไหวของเด็กสาว
นางมีขนตายาว ดวงตากลมโต สันจมูกตั้งตรงและริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพู
ยามที่ยิ้ม นางจะเผยให้เห็นฟันเขี้ยวเล็กๆ สองซี่และมีลักยิ้มทรงลูกแพรสองอันบนใบหน้า ทำให้แลดูเป็นคนขี้เล่นเลยทีเดียว
เด็กสาวคนนี้เป็นเหมือนนางฟ้าตัวน้อยที่เดินเล่นไปมาระหว่างสวรรค์และโลก นางดูมีไหวพริบและชาญฉลาด
“ลั่วหลี กายาเต๋าหยวนหลิงของเจ้ามีความคล้ายคลึงกับต้นกำเนิดของเต๋าแห่งสวรรค์และปฐพีมากที่สุด แต่กลับไม่ยอมฝึกฝนให้ดี”
เจียงเซิ่งยีมองดูเจียงลั่วหลีอย่างอ่อนโยน นางเหยียดแขนอันเรียวยาวและเคาะไปที่หน้าผากของเจียงลั่วหลี
“โอ๊ย โอ๊ย ท่านพี่เซิ่งยี ท่านคือเทพธิดาแห่งตระกูลเจียงของข้าเชียวนะ มีท่านที่มีต้นอ่อนแห่งเต๋าอยู่ตรงนี้แล้ว ลั่วหลีจำเป็นต้องฝึกฝนอะไรอีก?”
เจียงลั่วหลีเอามือเล็กๆ ของนางปิดหน้าผาก นางกะพริบตาถี่และยิ้มอย่างสนุกสนาน
แท้จริงแล้วเจียงลั่วหลีคืออัญมณีเม็ดงามในฝ่ามือตระกูลเจียงที่เจียงโร่วและจวินจ้านเทียนพูดถึง
“เจ้าตัวแสบคนนี้นี่ ยังไงก็ตาม ข้าเรียกเจ้ามาครั้งนี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับธุระ อีกไม่นานเจ้าต้องตามข้าไปยังตระกูลจวินเพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบสิบปี” เจียงเซิ่งยีกล่าว
เจียงลั่วหลีที่กำลังฟังจึงถาม “นั่นคืองานเลี้ยงของบุตรพระเจ้าตระกูลจวินใช่หรือเปล่า?”
เจียงเซิ่งยียิ้มและตอบ “ถูกต้อง เจ้ากำลังจะได้เจอกับว่าที่สามีของเจ้าในอนาคตนะ”
“สามงสามีอะไร ท่านพี่เซิ่งยีอย่าพูดไร้สาระ” เจียงลั่วหลีกระทืบเท้า ใบหน้าของนางแดงก่ำ
นางยังไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าบุตรพระเจ้าตระกูลจวิน นางจะรีบตัดสินใจได้อย่างไร?
“หลานชายของข้าต้องเป็นคนที่โดดเด่นเหนือคนอื่นแน่นอน ถ้าเจ้ารีบปฏิเสธ อย่าเสียใจทีหลังก็แล้วกัน” เจียงเซิ่งยีหยอกล้อ
“ฮึ่ม ข้าขอต่อต้านการคลุมถุงชนอย่างเด็ดขาด ต่อให้ข้าเจียงลั่วหลีต้องตายหรือต้องกระโดดลงจากเหว ข้าก็จะไม่แต่งงานแบบลวกๆ แน่นอน!” เจียงลั่วหลีสาบานอย่างเกรี้ยวกราด
เจียงเซิ่งยีปกปิดรอยยิ้มและกล่าว “งั้นหรือ แต่ข้าคิดว่าข้าได้ยินจากลูกพี่ลูกน้องเจียงโร่วบอกกับข้าว่าหลานชายของข้าหล่อและหน้าตาดีมากๆ ราวกับเทพตกสวรรค์เลยนะ”
“จริงรึ?” เจียงลั่วหลีกลอกตาไปมา
“ข้าก็ไม่รู้ ข้าฟังมาอีกที” เจียงเซิ่งยีหัวเราะเบาๆ
เซิ่งยีรู้ว่าเจียงลั่วหลีเป็นคนมาตรฐานสูง
นางมีความต้องการสำหรับรูปลักษณ์สูงลิ่วเลย มันจึงยากมากสำหรับคนไม่หล่อที่จะเข้าตาเจียงลั่วหลี
บางที นี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมกายาต้นกำเนิดเต๋าของนางจึงแสวงหาความสมบูรณ์แบบ
“หึ ผู้ชายที่ข้า ลั่วหลี พร้อมอยู่เคียงข้างจะต้องเป็นชายที่หน้าตาหล่อมากที่สุดในแดนอมตะหวงเทียน!” เจียงลั่วหลีกอดอกและทำหน้ามุ่ย
แต่นางก็กำลังจินตนาการอยู่ในใจเช่นกัน บุตรพระเจ้าลึกลับผู้นั้นจะดูดีแค่ไหนกันนะ?
“ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานเจ้าก็ได้รู้” เจียงเซิ่งยีลูบหัวเจียงลั่วหลีอย่างนุ่มนวลและเอ่ย
...
ผู้ที่ได้รับเชิญไม่ได้มีแต่ตระกูลเจียงเท่านั้น แต่ยังมีตระกูลโบราณอื่น เชื้อสายจ้าวเทวะ ราชวงศ์อมตะและอีกหลายขุมกำลัง
ขุมกำลังชั้นยอดที่อ่อนแอบางกลุ่มก็ได้รับเชิญด้วยเช่นกัน แต่ไม่เป็นทางการมากนัก
สำหรับขุมกำลังชั้นกลางลงไป พวกเขาไม่มีสิทธิ์ให้เข้าร่วมโดยสิ้นเชิง
แน่นอน ตระกูลจวินไม่ห้ามพวกเขาหากอยากเข้าร่วม แต่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ในการเข้าสู่พื้นที่หลักและทำได้แค่รับชมอยู่ภายนอกงานเท่านั้น
เมื่อเวลาผ่านไป ทั่วทั้งสามพันดินแดนภายในดินแดนอมตะหวงเทียนก็เริ่มร้อนระอุมากขึ้น
หนึ่งปีผ่านไปในที่สุด งานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบสิบปีก็เริ่มต้นขึ้นอย่างสมบูรณ์
ในวันนี้ ทั่วทั้งดินแดนอมตะหวงเทียนได้ส่งเสียงกึกก้องคำราม
เรือรบโบราณ เรือเหาะ สัตว์ขี่ต่างๆ จากขุมกำลังนับไม่ถ้วนได้ทะยานสู่ท้องฟ้าและกลายเป็นลำแสงนับพัน
มีเพียงจุดหมายเดียวสำหรับพวกเขา มันคือหวงโจว ดินแดนแห่งตระกูลจวิน!
ราชวงศ์ต้าชาง ราชวงศ์เก่าแก่ของเผ่ามนุษย์อันมีมรดกล้ำลึกและสืบทอดมาเป็นเวลาช้านาน
เรือเหาะอันสง่างามลำแล้วลำเล่าได้ทะยานสู่ท้องฟ้าตรงไปยังหวงโจว
“เฮ้ นั่นเรือเหาะขององค์หญิงต้าชางนี่ นางกำลังไปงานเลี้ยงวันเกิดสิบปีของบุตรพระเจ้าตระกูลจวิน!”
“ถูกต้อง งานเลี้ยงฉลองคราวนี้เต็มไปด้วยโอกาสมากมาย ใครจะอยากพลาดโอกาสได้เข้าเป็นคนตระกูลจวินบ้างล่ะ?”
“ที่พูดมาก็มีเหตุผล…”
กล่าวโดยทั่วไป หลังจากอายุครบสิบขวบ เจ้าสามารถหาคู่เพื่อบ่มเพาะร่วมกันได้
แม้ว่าบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินจะไม่เคยแสดงหน้าตาให้ใครเห็น ลำพังแค่สถานะอย่างเดียวก็มากพอที่เหล่าราชินี องค์หญิง และธิดาแห่งสวรรค์เป็นจำนวนมากต้องหวั่นไหวและกระโจนเข้าไปหา
หากพวกนางได้รับความโปรดปรานจากบุตรพระเจ้า พวกนางจะทะยานสู่ท้องฟ้าและขุมกำลังเบื้องหลังก็จะยกระดับขึ้นไปด้วยเช่นกัน
ดังนั้น สาวงามจากทุกสารทิศจึงพยายามเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดเพื่อเสี่ยงโชคของตัวเอง
ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าเหยียน รถม้าพุ่งสู่ท้องฟ้าและเตรียมตัวเดินไปทางตระกูลจวินด้วยเช่นกัน
“ครั้งล่าสุดที่ตระกูลจวินจัดงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบสิบปีอันยิ่งใหญ่คืองานสำหรับลำดับหนึ่งแห่งลำดับ แต่งานเลี้ยงของบุตรพระเจ้าผู้นี้กลับยิ่งใหญ่อลังการเสียยิ่งกว่า…”
หนึ่งในตระกูลโบราณ ตระกูลเย่ ได้ปรากฏรถม้าที่ลากจูงโดยวิหคศักดิ์สิทธิ์ทะยานขึ้นท้องฟ้า
“ข้าได้ยินมาว่าลั่วหลีกำลังเดินทางไปด้วยเช่นกัน แบบนี้ข้าไม่ไปไม่ได้”
ภายในรถม้า ชายหนุ่มชุดน้ำเงินหน้าตาหล่อเหลา คิ้วคมเป็นกระบี่ และดวงตาอันเป็นประกายกำลังยิ้มพร้อมกับแสงวาบขึ้นในดวงตา
ลั่วหลีที่เขาพูดถึงคือเจียงลั่วหลี อัญมณีในฝ่ามือตระกูลเจียง
“นายน้อยซิงหยุน นายท่านมอบคำสั่งไว้แล้วว่าเราไปร่วมงานเลี้ยงคราวนี้ไม่ใช่เพื่อก่อปัญหา หากนายน้อยก่อเรื่องไปทั่วงานเลี้ยงตระกูลจวิน นายท่านไม่ปล่อยท่านไปแน่”
ด้านข้าง ชายชราเคราแพะกล่าวอย่างจริงจัง
ลมหายใจขอบเขตกึ่งนักบุญได้แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา
ด้วยผู้ติดตามขอบเขตกึ่งนักบุญ มันชัดเจนว่าสถานะของชายหนุ่มผู้นี้ไม่ต่ำทราม
“ฮ่าฮ่า ลุงฝูอย่าได้กังวล ข้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควร ข้ามาที่นี่เพื่อเจอกับลั่วหลี ไม่ใช่มาเพื่อยั่วยุบุตรพระเจ้าตระกูลจวินสักหน่อย” ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง
ชายหนุ่มผู้นี้นามว่า เย่ซิงหยุน เขาคืออัจฉริยะชั้นยอดประจำตระกูลเย่
เขาครอบครองกายาราชันแห่งดวงดาว อันเป็นกายาที่ทรงพลังในห้าร้อยอันดับแรกท่ามกลางสามพันกายา ซึ่งสามารถกักเก็บพลังแห่งเก้าดวงดาวไว้ในกายได้
เย่ซิงหยุนได้พบกับเจียงลั่วหลีครั้งหนึ่งเมื่อยามผจญภัยในแดนลับ
จนถึงตอนนี้ก็ยังยากที่จะลืมเด็กหญิงผู้ร่าเริงและงดงามปานนางฟ้าคนนั้น
เพียงแค่มันไม่มีโอกาสให้เจอหน้านางอีกเลย
งานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบสิบปีครั้งนี้จึงเป็นเวลาที่ดีที่จะเริ่มต้นพูดคุยกับนาง
“ลั่วหลี เจ้าจะต้องเป็นผู้หญิงของข้าเท่านั้น!” เย่ซิงหยุนดวงตาเป็นประกายและเต็มไปด้วยความมั่นใจ