[ตอนฟรี] ตอนที่ 22 : ปิดด่านฝึกตนเป็นครั้งแรก
เมื่อเห็นว่าเซียวเฉินได้เรียกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และความมั่นใจกลับคืนมา ปรมาจารย์ชิงหลงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ผู้ไม่ย่อท้อเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นบุตรแห่งโชคชะตาแห่งดินแดนชิงหลงโบราณอย่างแท้จริง
“ยังไงก็ตาม เจ้าต้องฝึกฝนเคล็ดแปรผันมังกรฟ้าให้ดี เพราะในขณะเดียวกัน ข้าก็สัมผัสได้ว่าภายในไม่กี่ปีนี้ คลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียนควรจะเปิดออก” ปรมาจารย์ชิงหลงกล่าว
“จ้าวเทวะหยวนเทียน เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาเป็น... ตัวตนขอบเขตจ้าวเทวะ?” เซียวเฉินตาโต
“ถูกต้อง จ้าวเทวะหยวนเทียนเป็นผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังอย่างยิ่ง เขามีบุคลิกอันแข็งกระด้างและทะนงตนเหนือใคร มีข่าวลือว่าครั้งหนึ่งเขาเคยขโมยกระดูกมังกรโบราณหลายชิ้นจากราชวงศ์จักรพรรดิ รังจู่หลง (รังบรรพชนมังกร)” ปรมาจารย์ชิงหลงกล่าว
เมื่อกล่าวถึงกระดูกมังกรโบราณ ดวงตาของปรมาจารย์ชิงหลงร้อนผ่าวเล็กน้อย
“ราชวงศ์จักรพรรดิ …” เซียวเฉินสูดหายใจลึก
จ้าวเทวะหยวนเทียนผู้นั้นอหังการอย่างแท้จริง กระทั่งไปแหย็มกับราชวงศ์จักรพรรดิ
แต่เซียวเฉินก็นึกถึงประเด็นสำคัญในทันที และกล่าว “เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านบรรพชนต้องการที่จะ…”
ปรมาจารย์ชิงหลงพยักหน้าและกล่าว “ถูกต้อง เจ้าต้องค้นหาเหรียญตราจ้าวเทวะหยวนเทียนให้เจอ จากนั้นก็หาโอกาสเข้าไปในคลังสมบัติลับแล้วคว้าเอากระดูกมังกรโบราณมาให้ได้”
“หากเจ้าได้รับกระดูกมังกรโบราณมา เจ้าจะสามารถฝึกฝนเคล็ดแปรผันมังกรฟ้าจนถึงขีดสุดได้อย่างแน่นอน”
“และเจ้ายังสามารถใช้กระดูกมังกรโบราณสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ได้อีกด้วย”
เซียวเฉินกำหมัดแน่น ดวงตาของเขาโชกโชนไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
“ท่านบรรพชนอย่าได้กังวล ข้าจะไปที่คลังสมบัติลับจ้าวเทวะหยวนเทียนและคว้าเอากระดูกมังกรโบราณมาให้ได้อย่างแน่นอน!”
“ไอ้สารเลวจวินเซียวเหยาและนังชั่วไป่ยวี่เอ๋อ พวกเจ้ารอข้าก่อนเถอะ!”
เซียวเฉินทอดสายตาสู่ท้องฟ้าและกระหยิ่มยิ้มย่อง ในที่สุดเขาก็มองเห็นรุ่งอรุณแห่งการแก้แค้นแล้ว
...
ในเวลาเดียวกัน ภายในพระราชวังเทียนตี้แห่งตระกูลจวิน
ฮัดชิ้วว!
จวินเซียวเหยาลูบจมูกของตัวเอง
“มีคนแอบนินทาข้า หรือจะเป็นเซียวเฉิน?” จวินเซียวเหยาพูดกับตัวเอง
ถ้าตามบทเนื้อเรื่อง ในเวลานี้เขาน่าจะได้รับโอกาสบางอย่างที่ทำให้เริ่มต้นผจญภัยได้อีกครั้ง
แล้วตอนนี้ก็คงกำลังคิดอยู่ว่าจะแก้แค้นอย่างไรในอนาคต
“เซียวเฉิน คราวนี้เจ้ามอบปราณมังกรและคู่หมั้นของเจ้าให้กับข้า ข้าอยากรู้นักว่าคราวหน้าเจ้าจะมอบอะไรให้” จวินเซียวเหยายิ้ม
เขาหวังว่าจะมีเหล่าอัจฉริยะแบบเดียวกับเซียวเฉินเข้ามาหาเรื่องบ่อยๆนะ ยิ่งบ่อยก็ยิ่งดี
มีต้นหอมมาให้เก็บเกี่ยวเยอะแยะไปหมด ชาวนาจะไปเหนื่อยได้อย่างไร
“พักเรื่องของเซียวเฉินไว้ก่อนก็แล้วกัน เวลาไม่กี่ปี เขาไม่น่าจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้หรอก”
“ข้าเอาเวลาไปเตรียมตัวกับงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบสิบปีก่อนดีกว่า แล้วก็จำเป็นต้องปิดด่านเพื่อทะลวงขอบเขตอีกด้วย” จวินเซียวเหยาพึมพำ
ท้ายที่สุดแล้ว มันจะเป็นเวทีแรกของเขาในการปรากฏตัวสู่สาธารณชนในแดนอมตะ
ถ้าสิ่งต่างๆ ออกมาไม่ดี คงขายหน้าแย่เลย
เมื่อข่าวว่าจวินเซียวเหยาจะปิดด่านแพร่กระจายออกมา
มันได้สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วทั้งตระกูลจวิน
“โอ้ ท่านใต้เท้ากำลังจะปิดด่าน?”
“ข้าจำได้ว่าท่านใต้เท้าไม่เคยปิดด่านเลยแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่เขาเริ่มฝึกฝน ใช่รึเปล่า?”
“ความเร็วในการบ่มเพาะยังเร็วขนาดนี้โดยที่ไม่ต้องปิดด่าน แล้วถ้าเขาปิดด่านแบบนี้มันจะเร็วขนาดไหน?”
“ท่านใต้เท้าควรจะทะลวงสู่ขอบเขตแก่นแท้จิตวิญญาณ ใช่ไหม?”
เกิดเสียงการสนทนาดังขึ้นจากทุกทิศทางในเขตแดนตระกูลจวิน
พวกเขาสงสัยเป็นอย่างมากเกี่ยวกับจวินเซียวเหยาที่ไม่เคยปิดด่านมาก่อน
เขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนหลังจากหนึ่งปีแห่งการปิดด่าน?
ในเมฆหมอกแห่งความอยากรู้อยากเห็นและความคาดหวัง หนึ่งปีก็ผ่านไปอย่างเชื่องช้า
และภายในหนึ่งปีนี้ ข่าวว่าตระกูลจวินจะจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบสิบปีให้กับจวินเซียวเหยาก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วทั้งดินแดนอมตะหวงเทียน
ในเรื่องนี้ ขุมกำลังมากมายยังคงมีความกังวลและค่อนข้างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
ท้ายที่สุดแล้ว ภาพนิมิตของเหล่าเซียนนับหมื่นหมอบคารวะเมื่อสิบปีก่อนก็น่าสะพรึงเกินไป
เหล่าตัวตนอันยิ่งใหญ่และสัตว์ประหลาดเฒ่าต่างพากันคาดเดาถึงกายาอันท้าทายสวรรค์ของทายาทลึกลับแห่งตระกูลจวิน
“บิดาของบุตรพระเจ้าคือตัวตนต้องห้าม ราชันเทพชุดขาว ข้าจึงมีข้อสังเกตว่ากายาของบุตรพระเจ้าไม่ควรอ่อนแอแม้แต่น้อย”
“ใช่แล้ว ราชันเทพชุดขาวจวินหวูหุ่ย เป็นที่รู้กันดีว่าเขาคือตัวตนที่มีโอกาสทะลวงสู่ขอบเขตจักรพรรดิมากที่สุดในยุคนี้ และอาจกระทั่งสัมผัสได้ถึงบานประตูขอบเขตอมตะ ช่างน่าสงสารที่สิบปีก่อน…” ตัวตนอันยิ่งใหญ่จากหลายขุมกำลังสนทนากันผ่านความว่างเปล่า
ความจริงแล้วพวกเขาก็มีความสงสัยเกี่ยวกับบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินอยู่บ้างเช่นกัน ทายาทผู้ถือกำเนิดใต้ร่มเงาของบิดาคนนี้จะน่าทึ่งแค่ไหนกันเมื่อปรากฏตัวออกมาสู่สายตาชาวโลก?
...
หงโจว หนึ่งในสามพันดินแดนอมตะหวงเทียน ที่ตั้งของราชวงศ์จักรพรรดิ รังจู่หลง
จากแดนอมตะทั้งสามพันแห่ง เกือบทุกแห่งจะมีขุมกำลังปกครองอยู่
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ดินแดนจูเชวี่ยโบราณปกครองทั่วทั้งหั่วโจว
และหงโจว เป็นหนึ่งในห้าสิบแดนอมตะที่ปกครองโดยรังจู่หลง
ใช่แล้ว ราชวงศ์จักรพรรดิ รังจู่หลง เพียงแค่ขุมกำลังเดียวก็ครอบครองแดนอมตะไปมากถึงห้าสิบแห่ง
ในขณะที่ดินแดนจูเชวี่ยโบราณครอบครองเพียงแห่งเดียว
นี่ทำให้จินตนาการเห็นถึงความแตกต่างระหว่างขุมกำลังชั้นยอดและราชวงศ์จักรพรรดิได้ดีทีเดียว
แต่ตระกูลจวินกลับน่าสะพรึงยิ่งกว่า พวกเขาครอบครองมากถึงหนึ่งร้อยแดนอมตะ ซึ่งนับเป็นสองเท่าของรังจู่หลง
และหวงโจวเป็นเพียงแค่เขตแดนแห่งหนึ่งของตระกูลจวินเท่านั้น
เวลานี้ ภายในเมืองอันใหญ่โตในเขตแดนหงโจว
สิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ที่มีรูปร่างแตกต่างกัน ได้เข้ามาและจากไปราวกับสายธาร
บ้างมีเขาสีดำบนศีรษะ บ้างมีปีกบนแผ่นหลัง บ้างก็มีเกล็ดบนหน้าผาก และบ้างก็มีดวงตาราวกับสัตว์
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเผ่าพันธุ์อันเก่าแก่ในแดนอมตะ พวกเขามีความหลากหลายอย่างยิ่ง
สิ่งมีชีวิตจากราชวงศ์จักรพรรดิก็อยู่ท่ามกลางพวกเขาด้วยเช่นกัน
ในเขตแดนของตระกูลโบราณและราชวงศ์อมตะบางแห่งจะมีประชากรหลักเป็นมนุษย์
แต่ยังไงก็ตาม ในเขตแดนราชวงศ์จักรพรรดิหรือเผ่าพันธุ์เก่าแก่ทั้งหมด ประชากรหลักมักจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดหรืออมนุษย์
แน่นอนว่าอมนุษย์จากทุกเผ่าพันธุ์รวมถึงมนุษย์ สามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบ
บนถนนในเมือง สิ่งมีชีวิตมากมายต่างจ้องมองหญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าที่กำลังสวมผ้าคลุมหัว
แม้ว่ารูปร่างและหน้าตาของนางจะปิดมิดชิด แต่ก็เห็นได้ชัดว่านางเป็นมนุษย์
ในเขตแดนของราชวงศ์จักรพรรดิมันไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีมนุษย์อยู่เลย มันแค่ยากมากที่จะเจอกับมนุษย์
หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีฟ้าเงยหน้าเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าอันมีเสน่ห์และน่าดึงดูด นี่ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก หลานชิงหย่า ผู้ที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลจวิน
ในตอนนี้ นางมองไปที่ภัตตาคารหรูที่อยู่ปลายสุดของถนน
“ควรจะเป็นที่นี่ พวกเขาควรจะรวมตัวกันในนั้น ข้าจะต้องเปิดเผยความลับว่าจวินเซียวเหยาครอบครองกายาเทพบรรพกาล”
“จวินเซียวเหยาและจวินหลิงหลง หลานชิงหย่าผู้นี้มิอาจแก้แค้นพวกเจ้าได้อย่างแท้จริง แต่ใช่ว่าคนอื่นจะทำไม่ได้เหมือนกับข้า!” หลานชิงหย่าแสดงออกถึงความแค้นฝังลึก
หลังจากถูกขับไล่ออกจากตระกูลจวิน เรื่องราวของนางมันน่าอนาถอย่างยิ่ง
ข้าเคยมีตำแหน่งอันสูงส่งและเป็นที่น่าเคารพนับถือ แต่ตอนนี้ข้าต้องใช้ชีวิตและหลับนอนข้างถนน มันช่างทุกข์ทรมานเหลือเกิน
หลานชิงหย่าไม่เคยย้อนกลับไปคิดถึงการกระทำของนางแม้แต่น้อย นางโทษแต่จวินเซียวเหยาและจวินหลิงหลงที่ทำให้นางเป็นแบบนี้เท่านั้น
ที่ชั้นบนสุดของภัตตาคารสุดอลังการ
สิ่งมีชีวิตกลุ่มหนึ่งกำลังรวมตัวกัน
บ้างมีปีกอยู่ที่หลัง บ้างก็มีเกล็ดปกคลุม และบ้างก็มีความแข็งแกร่งราวกับหมีหรือเสือ
แต่กลุ่มสิ่งมีชีวิตในยามนี้ กำลังล้อมรอบคนผู้หนึ่งเฉกเช่นดวงดาวที่ห้อมล้อมดวงจันทร์
มันคือชายหนุ่มในชุดทองคำกับสีหน้าอันเย่อหยิ่งเกเรและมีเขามังกรอยู่บนศีรษะคู่หนึ่ง
ดวงตาของเขาราวกับดาวใหญ่สองดวงที่กำลังเปล่งแสงอันเยือกเย็น
ภายใต้ผิวหนัง มันมีเกล็ดมังกรทองคำจางๆ ที่ปรากฏขึ้นและหายไปตลอดเวลา
ทำให้บรรยากาศรอบตัวของเขาน่าหลงใหลอย่างมาก
ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก หลงฮ่าวเทียน หนึ่งในอัจฉริยะสวรรค์โปรดปรานแห่งรังจู่หลง อันเป็นหนึ่งในทายาทมังกร
และพี่ใหญ่ของเขา พูดให้ถูกต้องคือตัวตนไร้เทียมทานและรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งแห่งรังจู่หลง หลงอ้าวเทียน ผู้ครอบครองสายเลือดแห่งจักรพรรดิมังกร!
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)