[ตอนฟรี] ตอนที่ 21 : ใครในแหวน
มองดูเซียวเฉินผู้สิ้นสติไปเพราะความโกรธ
รุ่นเยาว์ตระกูลจวินทั้งหมดในสนามประลองต่างพากันขนลุก
จวินเซียวเหยาแข็งแกร่งมาก แต่ฝีปากก็ไม่อ่อนแอด้วยเช่นกัน
ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ เซียวเฉินถึงกับโมโหจนเกือบสิ้นใจตายคาที่
จวินเซียวเหยาพูดไม่ออกและถอนหายใจเบาๆ
สิ่งที่เขากล่าวออกมาคือเรื่องจริง
พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือคนที่มีโชคอันยอดเยี่ยมอย่างเซียวเฉิน หลังจากถูกทำลายการบ่มเพาะและไร้ความสามารถแล้ว ในอนาคตมักจะมีพลังในระดับที่ระเบิดจักรวาลขนาดย่อมๆ ได้เลยทีเดียว
ผ่านการผจญภัยในทุกรูปแบบ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกวาดล้างทุกอุปสรรคข้างหน้า
หากมองในมุมนี้แล้ว จวินเซียวเหยากำลังช่วยเซียวเฉินอย่างแท้จริง
“พวกเจ้ามาตรงนี้หน่อย เอาเจ้านี่โยนออกไปข้างนอกตระกูลข้าที” จวินเซียวเหยาโบกมือ
ไม่นาน องครักษ์ตระกูลจวินได้เข้ามาและลากเซียวเฉินที่กำลังสลบออกไป
ในขณะเดียวกัน ร่างของจวินจ้านเทียนก็ได้ปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า
“ท่านปู่” จวินเซียวเหยาพยักหน้าเล็กน้อย
เขาสัมผัสได้ถึงจวินจ้านเทียนและผู้อาวุโสคนอื่นที่รับชมอยู่ในความว่างเปล่าอยู่แล้ว
“หลานรักเอ้ย เจ้ารู้ใช่ไหมว่าหลังไฟป่าได้ผ่านพ้นไป วัชพืชงามใหม่จะผลิใบออกมา เราสมควรจะต้องถอนรากถอนโคนมันให้หมด” ใบหน้าจวินจ้านเทียนเคร่งขรึมเล็กน้อย
เขากลัวว่าจวินเซียวเหยาจะกลายเป็นคนที่มีนิสัยหยิ่งยโสและประมาทศัตรู
มันเป็นการตัดสินใจที่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ที่ปล่อยศัตรูไปเช่นนี้
“โอ้ ไม่ต้องกังวลหรอกท่านปู่ หลายชายผู้นี้มีแผนการในใจแล้ว” จวินเซียวเหยากล่าวด้วยรอยยิ้ม
จวินเซียวเหยาจะไม่รู้หลักพื้นฐานอย่างการถอนรากถอนโคนหรือ?
แต่สำหรับตอนนี้ เซียวเฉินเป็นเหมือนกับต้นหอมที่เขาสามารถเก็บเกี่ยวได้ทุกเมื่อหากต้องการ
จวินเซียวเหยาเก็บเกี่ยวได้แค่ปราณมังกรเท่านั้น มันยังห่างไกลจากการสูบกลืนโชคของเซียวเฉินจนคุ้มค่า
เก็บเกี่ยวแล้วเก็บเกี่ยวอีก เก็บเกี่ยวต่อไปเรื่อยๆ มันไม่น่าตื่นเต้นดีหรือ?
ในท้ายที่สุด เมื่อไม่มีมูลค่าอะไรให้เก็บเกี่ยวแล้ว เป็นธรรมดาที่จวินเซียวเหยาจะตบเจ้าแมลงวันตัวนี้ให้ตาย
“หากเจ้ามีแผนการในใจแล้ว นั่นก็ถือเป็นเรื่องที่ดี คนตัวกระจ้อยร่อยเช่นนี้ย่อมไม่อาจสร้างแรงกระเพื่อมใดได้ ยังมีเวลาเหลืออีกหนึ่งปี ดังนั้นเจ้าต้องเตรียมตัวให้พร้อม” จวินจ้านเทียนกล่าว
จวินเซียวเหยาพยักหน้าเล็กน้อย
สิ่งที่จวินจ้านเทียนต้องการสื่อย่อมหมายถึงงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบสิบปี
ในเวลานั้น ตระกูลจวินจะเชิญทุกขุมกำลังในดินแดนอมตะหวงเทียนให้มาเข้าร่วม มันจะเป็นงานเลี้ยงที่ดึงดูดความสนใจของทั้งโลกอย่างแน่นอน
แม้แต่ตระกูลฝ่ายมารดาของจวินเซียวเหยา หนึ่งในตระกูลโบราณ ‘ตระกูลเจียง’ ก็ยังต้องส่งคนมาเข้าร่วม
และมารดาของเขา เจียงโร่ว ก็ชอบยุแหย่ให้อัญมณีเม็ดงาม(หมายถึงสาวงาม)ประจำตระกูลเจียงปิ๊งรักกับจวินเซียวเหยาตลอดเวลา
นอกจากนี้ ตระกูลจวินยังจะเปิดเผยสถานะลำดับศูนย์ในงานเลี้ยงฉลองของเขาด้วย
ในเวลานั้น มันจะสร้างความแตกตื่นครั้งใหญ่ในตระกูลจวินและตัวตนลำดับจะตอบสนองต่อเหตุการณ์นี้อย่างแน่นอน
ดังนั้นจวินจ้านเทียนจึงอยากให้หลานชายเตรียมตัวให้พร้อม
“ไม่ต้องห่วงนะท่านปู่ ข้าจะไม่ทำให้ท่านปู่ ท่านแม่ และท่านบรรพชนที่สิบแปดขายหน้าเด็ดขาด” จวินเซียวเหยากล่าวอย่างหนักแน่น
เขายังไม่ลืมด้วยว่ามันมีภารกิจให้ลงชื่อในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบสิบปี
รางวัลที่เขาจะได้รับในเวลานั้นอาจช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งให้มากยิ่งขึ้น
“แน่นอน ปู่เชื่อเจ้า” จวินจ้านเทียนยิ้มด้วยความพึงพอใจ
หลังจบเหตุการณ์ทุกอย่าง จวินเซียวเหยาจึงเดินทางกลับพระราชวังเทียนตี้เพื่อเตรียมตัวกลั่นปราณมังกรให้เสร็จสมบูรณ์
ไป่ยวี่เอ๋อได้รับอนุญาตให้พักผ่อนภายในพระราชวังเทียนตี้เป็นเวลาชั่วคราวด้วยเช่นกัน
นางได้รับปราณมังกรมาเล็กน้อย เมื่อรวมกับเพลิงวิเศษจูเชวี่ยที่ครอบครองแล้ว
เป็นธรรมดาที่ความแข็งแกร่งของไป่ยวี่เอ๋อจะพุ่งทะยาน
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้นางได้ติดตามจวินเซียวเหยาด้วยความภักดีอันเต็มเปี่ยม และสลักภาพจำของจวินเซียวเหยาไว้ทั้งภายในและภายนอกตัวนาง
แม้ว่าจวินเซียวเหยาจะขอให้นางไปตาย ไป่ยวี่เอ๋อจะไม่ลังเลที่จะไปตายแม้แต่นิดเดียว
...
เมื่อเทียบกับจวินเซียวเหยาผู้ได้รับประโยชน์อย่างมากมาย
ตอนนี้เซียวเฉินค่อนข้างโดดเดี่ยวอ้างว้าง
เขาค่อยๆ ลืมตาและพบว่าตัวเองอยู่ด้านนอกเขตแดนตระกูลจวินเรียบร้อยแล้ว
“แค่ก…”
เซียวเฉินพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลและอวัยวะภายในที่บาดเจ็บ เส้นเอ็น เส้นเลือดล้วนอ่อนล้าและกระดูกก็แตกหัก
เรียกได้ว่าสภาพน่าอนาถใจอย่างยิ่ง
ภายนอกเขตแดนตระกูลจวิน ที่นั่นมีเหล่าฝูงชนจำนวนมากต่างเฝ้าชมด้วยความตื่นเต้น
ท้ายที่สุดแล้ว ก่อนหน้านี้
เซียวเฉินเข้าไปในตระกูลจวินด้วยความยโสโอหัง แล้วมันก็เป็นอย่างที่เห็น ใช้เวลาไม่นานนักก่อนที่เขาจะถูกโยนออกมาอย่างน่าอับอาย
“ดูเหมือน องค์ชายแห่งดินแดนชิงหลงโบราณถูกทำลายการบ่มเพาะใช่ไหม?”
“ควรจะเป็นเช่นนั้น สภาพไม่ต่างจากเหมือนสุนัขจรจัดเลย”
“ใครบอกให้เขามีสายตาที่มืดบอด แล้วกล้าไปท้าทายบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินกันล่ะ บางทีคู่หมั้นของเขาก็อาจจะทิ้งเขาไปด้วย สมน้ำหน้าจริง!”
ฝูงชนที่รับชมโดยรอบด้วยความตื่นเต้นต่างพากันเย้ยหยันและเหยียดหยาม
เซียวเฉินกำหมัดของเขาแน่นและเดินจากไปทีละก้าว
เพียงเมื่อลับสายตาจากฝูงชน เซียวเฉินก็เงยหน้าคำรามสู่ท้องฟ้าและต่อยต้นไม้เก่าแก่ตรงหน้าไม่หยุด
“ไอ้สารเลวจวินเซียวเหยา หากข้ามีโอกาส ข้าจะเอาคืนเจ้าเป็นพันเท่าที่ข้าต้องเจ็บปวดในวันนี้เลย!”
เพียงเมื่อเซียวเฉินคำรามและต่อยต้นไม้ เลือดที่ไหลจากหมัดของเขาก็ไหลซึมเข้าไปในแหวนผานหลงที่สวมอยู่อย่างไม่รู้ตัว
“เหล่าลูกหลานดินแดนชิงหลงโบราณของข้าไร้ความทะเยอทะยานเหมือนเจ้าหรือเปล่า?” จู่ๆ เสียงชายชราก็ดังขึ้น
“ใครกัน?” เซียวเฉินมองไปรอบๆ
วินาทีต่อมา สายตาของเขาก็ตกไปที่แหวนผานหลงบนนิ้วของเขา
แหวนกะพริบแสงสีครามในทันที
ทันใดนั้น ร่างเงาของชายชราเคราขาวในชุดคลุมมังกรครามก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าของเซียวเฉิน
“ท่าน ท่านคือ…” เซียวเฉินเบิกตากว้างและมองชายชราตรงหน้าไม่กะพริบ
บนศีรษะของชายชราปรากฏเขามังกรคู่หนึ่ง
ในความสับสนงุนงง เซียวเฉินรู้สึกราวกับว่าเขาเคยเห็นชายชราผู้นี้ที่ไหนมาก่อน
“ฮิฮิ เหล่าคนรุ่นหลังได้ลืมข้าผู้เฒ่าไปหมดสิ้นแล้วรึ?” ชายชราผู้มีเขามังกรในชุดคลุมมังกรครามถามด้วยรอยยิ้ม
“ท่านคือ… ผู้ก่อตั้งดินแดนชิงหลงโบราณของข้า ปรมาจารย์ชิงหลง!” ประกายแสงแห่งจิตวิญญาณสาดกระจายในความคิดของเซียวเฉิน เขาสูดหายใจลึกทันที
เขานึกออกแล้ว
รูปลักษณ์ของชายชราผู้นี้เหมือนกับรูปปั้นบรรพชนที่ตั้งอยู่ในพระราชวังแห่งดินแดนชิงหลงโบราณเป๊ะ!
และบรรพชนผู้ก่อตั้งท่านนี้หรือปรมาจารย์ชิงหลง ตามจารึกประวัติศาสตร์แล้วคือผู้บ่มเพาะขอบเขตกึ่งเทวะ!
อีกเพียงครึ่งก้าวก็จะเข้าสู่ขอบเขตจ้าวเทวะอย่างแท้จริง!
เป็นขอบเขตที่ยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้ และห่างจากขอบเขตจ้าวเทวะเพียงนิดเดียวเท่านั้น
“เซียวเฉิน องค์ชายใหญ่แห่งดินแดนชิงหลงโบราณ ขอคารวะท่านบรรพชน!” เซียวเฉินแสดงออกถึงความตื่นเต้นและสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
เขาไม่คาดคิดเลยว่าแหวนผานหลงอันเป็นมรดกตกทอดจากมารดาของเขาจะมีวิญญาณของผู้ก่อตั้งดินแดนสถิตอยู่
มันเป็นเรื่องจริง สวรรค์ไม่ทอดทิ้งข้า!
ปรมาจารย์ชิงหลงมองไปที่เซียวเฉินและกล่าว “ไม่กี่ปีที่แล้ว ข้ากลับมามีสติและสัมผัสได้ว่าเจ้าคือบุตรแห่งโชคชะตาแห่งดินแดนชิงหลงโบราณ ดังนั้นข้าจึงมอบปราณและทรัพยากรมากมายให้กับเจ้า แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยังแพ้ให้กับอัจฉริยะตระกูลจวิน”
ได้ยินเช่นนี้ เซียวเฉินแสดงออกอย่างเย็นชาและกล่าว “ท่านบรรพชน ไยท่านไม่โจมตีและสังหารจวินเซียวเหยาซะตอนนั้นเลยล่ะ?”
“ฮึ่ม เจ้าโง่ หากข้าลงมือในยามนั้น ผลที่ตามมาคือเจ้าและข้าจะไม่มีวันได้กลับออกไปจากตระกูลจวินตลอดกาล!” ปรมาจารย์ชิงหลงดุ
จริงๆ เขาก็ค่อนข้างพอใจกับการต่อสู้ของเซียวเฉินอยู่พอสมควร แต่ตอนนี้จิตใจของเซียวเฉินบอบช้ำเกินไป
“ท่านบรรพชน ท่านคือผู้บ่มเพาะขอบเขตกึ่งจ้าวเทวะ ตระกูลจวินจะไม่กลัวท่านเลยหน่อยหรือ?” เซียวเฉินถามด้วยความไม่ยินยอม
ปรมาจารย์ชิงหลงส่ายหัวและกล่าว “อย่าว่าแต่ความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ที่มีไม่ถึงหนึ่งในสิบ แม้แต่ในยามที่ข้ารุ่งเรืองที่สุด ข้าก็ไม่สามารถทำอะไรตระกูลจวินได้ ตระกูลโบราณไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าจินตนาการหรอกนะ”
“ถ้าเป็นเช่นนี้ แปลว่าข้าก็ไม่สามารถแก้แค้นไปตลอดชีวิตเลยใช่หรือเปล่า…” เซียวเฉินกัดฟัน
เขากลายเป็นคนพิการและปรมาจารย์ชิงหลงก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้
“อย่าเพิ่งท้อแท้ เจ้าคือบุตรแห่งโชคชะตา ดินแดนชิงหลงโบราณยังคงต้องการเจ้าในอนาคตและข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ามีจุดจบอันน่าเศร้าเช่นนี้” ปรมาจารย์ชิงหลงกล่าว
“ได้โปรดท่านบรรพชนช่วยข้าด้วย ไม่ว่าราคาที่ต้องจ่ายสูงขนาดไหน ข้าก็ยินยอม!” เซียวเฉินเอ่ยด้วยความหนักแน่น
ปรมาจารย์ชิงหลงแสดงออกถึงความโล่งใจและนำม้วนคัมภีร์สีฟ้าออกมา
“ถึงแม้รากฐานการบ่มเพาะในกล้ามเนื้อและเส้นเลือดทั้งหมดของเจ้าจะถูกทำลาย แต่มันก็นับได้ว่าเป็นพรที่เกิดในความโชคร้าย นี่คือเคล็ดฝึกฝนระดับกึ่งเทวะ เคล็ดแปรผันมังกรฟ้า* มันเป็นเคล็ดฝึกฝนที่ข้าเคยฝึกมาก่อนและเจ้าจะได้รับมันไป”
“ผันแปรสู่มังกรเทวะ ไม่มีวันแตกสลายและไร้เทียมทาน!”
เมื่อเซียวเฉินได้ยิน แสงไฟแห่งความหวังได้จุดประกายลุกโชนขึ้นในดวงตาอันสิ้นหวังอีกครั้ง
ราวกับคนตายได้ฟื้นกลับมาด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันสูงส่ง!
“จวินเซียวเหยา ข้อผิดพลาดร้ายแรงที่สุดของเจ้าคือหยิ่งยโสและประมาทเกินไป และปล่อยให้ข้ามีชีวิตรอด!”
“ข้า เซียวเฉิน จะตอบแทนความแค้นครั้งนี้กลับคืนเป็นร้อยเท่า!”
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวละอ่านจนจบ)