[ตอนฟรี] ตอนที่ 2 : สั่นสะเทือนบรรพชนที่สิบแปด
“เยี่ยม แม้แต่เจ้าระบบนี่ยังไม่อยากให้ข้าทำตัวไม่โดดเด่น…” จวินเซียวเหยาบ่นในใจเบาๆ
“ติ๊ง! สถานที่ลงชื่อมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาลงชื่อที่ศิลาจารึกโบราณไท่เยว่!”
“ศิลาจารึกโบราณไท่เยว่ มันอยู่ที่ไหนกันนะ?” จวินเซียวเหยาคิดกับตัวเอง
แต่เรื่องนี้ยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เพราะยังไงเขาก็ยังเป็นแค่ทารกน้อย แถมได้รับกายาเทพบรรพกาลจากการลงชื่อเป็นรางวัลแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบ
สถานที่ลงชื่อต่อไปค่อยค้นหาทีหลังย่อมได้
“ลงชื่อครั้งนี้ข้าถึงกับได้รับกายาเทพบรรพกาล ถ้าลงชื่อครั้งหน้าอีก สงสัยจริงๆ ว่าข้าจะได้รับของดีเช่นใด?” จวินเซียวเหยาค่อนข้างคาดหวังกับของรางวัลในการลงชื่อคราวถัดไป
ในขณะเดียวกัน จวินจ้านเทียนพลันตบไปที่หน้าผากของตัวเองและกล่าว “บ้าจริง ข้ายังไม่ได้คิดชื่อหลานสุดรักของข้าเลย เรียกเจ้าว่าจวินฉางเซิงเป็นยังไง? ความหมายคือเจ้าจะรู้แจ้งเส้นทางแห่งเต๋าของตัวเองและกลายเป็นอมตะในอนาคต”
จวินเซียวเหยาที่ถูกอุ้มอยู่ถึงกับพูดไม่ออก
ถึงแม้นามว่าจวินฉางเซิงยังพอยอมรับได้ แต่เขาก็หวังว่าจะได้ใช้ชื่อจริงๆ ของตัวเอง
“เฮ้ ข้าว่าแบบนี้มันไม่ถูกต้อง มีคนใช้ชื่อนี้กันเกลื่อนกลาดแล้ว ข้าว่าชื่อมันโหลยโท่ยเกินไป!” ผู้อาวุโสบางคนถึงกับส่ายหัว
ตอนนี้ทั้งคนทั้งหมาต่างก็พากันตั้งชื่อว่าฉางเซิง แล้วชื่อที่เอาไว้เรียกอะไรไปทั่วเช่นนี้จะคู่ควรตั้งให้กับบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินของพวกเขาได้ยังไง?
ในขณะนั้น เสียงที่ดูไร้เรี่ยวแรงดังขึ้น “ทำไมพวกท่านไม่เรียกเขาว่าเซียวเหยาล่ะ สามีข้าเคยกล่าวว่าการบรรลุกลายเป็นผู้ไร้เทียมทาน ยังง่ายดายกว่าการมีความสุขในชีวิตในทุกๆ วันและเป็นอิสระจากการถูกผูกมัด ข้า… แค่ปรารถนาว่าลูกชายของข้าจะมีชีวิตที่มีแต่ความสุขในภายภาคหน้า”
สตรีโฉมงามผู้หนึ่งที่กำลังนอนหน้าซีดอยู่บนเตียงกล่าวออกมา
นางคือมารดาผู้ให้กำเนิดจวินเซียวเหยา นามเจียงโร่ว
หลังจากฟังคำแนะนำของเจียงโร่วแล้ว จวินจ้านเทียนและคนอื่นๆ ไม่สามารถที่จะละเลยได้
เพราะตัวตนของเจียงโร่วนั้นไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่นางคือเทพธิดาจากตระกูลเจียงอันเก่าแก่
แม้ว่าตระกูลเจียงจะไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังเฉกเช่นตระกูลจวิน แต่ก็เป็นตระกูลโบราณเช่นเดียวกัน ดังนั้นจะอ่อนแอไปได้อย่างไร?
“เป็นชื่อที่ดี เช่นนั้นหลานชายของข้าจะมีนามว่า เซียวเหยา” จวินจ้านเทียนพยักหน้า แต่เขาก็แอบถอนหายใจเบาๆ ราวกับว่านึกถึงอะไรบางอย่างได้
เมื่อจวินเซียวเหยาเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เปลือกตาของเขาก็กระตุกทันที
จากนั้นเขาก็รับรู้ได้ว่าบิดาของตัวเองดูเหมือนจะไม่อยู่ที่นี่
มันเป็นสูตรสำเร็จอย่างหนึ่งรึไงที่ผู้เป็นพ่อต้องเป็นที่โปรดปรานของสวรรค์และมีพลังอันไร้ขอบเขต?
“จ้านเทียน เจ้าไม่จำเป็นต้องห่วง จวินหวูหุ่ยคือราชันเทพชุดขาว เจ้านั่นจะตกตายง่ายๆ ได้ยังไงและทารกน้อยผู้นี้เมื่อเติบใหญ่ในอนาคต เป็นไปได้ที่จะออกตามหาและช่วยเหลือบิดาของตัวเอง” หญิงชราด้านข้างพยายามปลอบใจเขา
“จริงด้วย ฮ่าๆๆ ข้ายังคงมีหลานชายของข้าอยู่นี่!” จวินจ้านเทียนกลับมายิ้มแย้ม
จวินเซียวเหยากะพริบตา และจดจำฉายาของบิดาตัวเองอย่างลับๆ
ราชันเทพชุดขาว จวินหวูหุ่ย
ตัดสินจากชื่อเรียก ดูเหมือนบิดาของข้าจะเป็นตัวตนที่ค่อนข้างสูงส่ง…
“หากข่าวว่าเซียวเหยามีกายาเทพบรรพกาลเผยแพร่ออกไป ข้าเกรงว่าจะสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วแดนอมตะหวงเทียน พวกเจ้าก็น่าจะรู้นะว่ามีขุมกำลังมากมายที่จ้องจะทำลายตระกูลพวกเราอย่างลับๆ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งต้องการสื่อถึงความหมายบางอย่าง
“เจ้าหมายความว่าเราต้องใช้วิธีการบางอย่างในการปกปิดความผันผวนของกายาเทพบรรพกาลที่ปรากฏบนร่างกายของเซียวเหยางั้นรึ?” จวินจ้านเทียนกล่าว
ผู้อาวุโสที่เหลือพยักหน้ากันเบาๆ
ไม้ใหญ่งามในป่า ย่อมถูกลมพายุโค่นทำลาย เช่นเดียวกับผู้มีพรสวรรค์เป็นเลิศ ย่อมง่ายที่จะถูกเพ่งเล็งจากเหล่าศัตรู
จวินเซียวเหยาคือสมบัติที่มีค่ามากที่สุดของตระกูลจวินในตอนนี้ ต้องไม่มีมีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด
“เหล่าลูกหลานตระกูลจวินของข้า เมื่อใดกันที่พวกเจ้าต้องเรียนรู้ในการปกปิดตัวเอง แม้แต่กายาเทพบรรพกาลคนเดียวยังคุ้มครองไม่ได้รึ?”
สิ้นเสียงคำพูด ทันใดนั้นลมหายใจอันเย็นยะเยือกได้ปะทุไปทั่วท้องฟ้าเหนือตระกูลจวิน
สมาชิกตระกูลจวินทั้งหมดต่างผวา สายตานับไม่ถ้วนล้วนหันไปมองด้านบนของพระราชวังเทียนตี้
“ความผันผวนนั่นมัน…”
“เป็นลมหายใจที่ทรงพลังยิ่งนัก นั่นคือท่านบรรพชนที่เคยหลับใหลอยู่ในศาลเจ้าบรรพชน ท่านกำลังดึงตัวเองออกมาจากโลง!”
“เฮือกก… กระทั่งท่านบรรพชนยังถูกปลุกให้ตื่น?” เสียงของเหล่าสมาชิกตระกูลจวินดังระงมจากทุกทิศทาง
นี่คือบรรพชนแห่งตระกูลจวิน ที่สมาชิกตระกูลหลายคนตั้งแต่เกิดจนตายยังไม่มีแม้แต่โอกาสได้พบเจอกับเหล่าบรรพชนของตัวเอง
แต่เมื่อจวินเซียวเหยาเกิดมา กลับสร้างความสั่นสะเทือนไปถึงท่านบรรพชน นี่ทำให้หลายคนรู้สึกตกใจและอิจฉา
ในพระราชวังเทียนตี้ จวินจ้านเทียนและผู้อาวุโสคนอื่นถึงกับสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเสียงพูดนี้
หลังจากเร่งรีบเดินออกมาจากพระราชวัง ในความว่างเปล่าเหนือพระราชวังเทียนตี้ รอยแยกมิติขนาดมหึมาถูกเปิดออก
ปรากฏคนร่างผอมสวมชุดสีเทาผู้หนึ่งเดินออกมา
นั่นคือชายชราในชุดคลุมยาวสีเทา บนศีรษะและร่างกายของชายชรายังมีเศษดินเศษฝุ่นเปื้อนอยู่ราวกับว่าเขาเพิ่งคลานออกมาจากพื้นดิน
ถึงร่างกายภายนอกดูเหี่ยวแห้ง แต่ภายในกลับมีพลังมหาศาลที่สามารถเขย่าดวงดาวได้!
มันราวกับว่าสวรรค์ทุกชั้นและโลกทุกแห่งล้วนถูกเหยียบย่ำมาแล้วภายใต้ฝ่าเท้าของเขา!
“นั่นคือผู้นำตระกูลรุ่นที่สิบแปด ผู้เยาว์ขอคารวะท่านบรรพชนที่สิบแปด!”
จวินจ้านเทียนและคนอื่นๆ รีบโค้งคำนับ
ชายชราชุดเทาผู้นี้คือตัวตนระดับบรรพชนที่แท้จริงแห่งตระกูลจวิน ซึ่งฝังตัวเองไว้ในศาลเจ้าบรรพชนของตระกูลจวินมาเป็นเวลานานจนไม่อาจคำนวณได้
เฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอันใหญ่โตเกิดขึ้นภายในตระกูลจวิน หรือเมื่อถึงจุดวิกฤติที่เป็นเรื่องของความเป็นความตายเท่านั้น เหล่าบรรพชนถึงจะตื่นจากการหลับใหล
จวินจ้านเทียนและคนอื่นๆ คงไม่มีวันจินตนาการถึงว่าเพียงแค่การถือกำเนิดของจวินเซียวเหยาจะสามารถดึงดูดความสนใจจากเหล่าบรรพชนได้
ร่างของบรรพชนที่สิบแปดหายไปจากวิสัยทัศน์เพียงเสี้ยวพริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวต่อหน้าจวินจ้านเทียนและดึงจวินเซียวเหยาไปอุ้ม
สายตาของบรรพชนที่สิบแปดที่จ้องมองจวินเซียวเหยานั้นลึกล้ำราวกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
จวินเซียวเหยาเพียงกะพริบตาทั้งสอง ไม่มีอาการร้องไห้หรืองอแง มีแต่ความอยากรู้อยากเห็นในดวงตา
“นี่คือบรรพชนของตระกูลข้างั้นรึ? ลมหายใจที่แผ่ออกมาทรงพลังอย่างมาก แถมทรงพลังยิ่งกว่าท่านปู่คนนั้นซะอีก”
บรรพชนที่สิบแปดอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและกล่าว “ยอดเยี่ยม…ยอดเยี่ยมมาก มังกรตัวจริงได้ปรากฏในตระกูลของข้าอีกคนแล้ว เจ้าพวกสมองทึบนี่ พวกเจ้ายังอยากจะปกปิดความเจิดจรัสของเด็กน้อยคนนี้อีกรึ”
“ท่านบรรพชนที่สิบแปด ผู้เยาว์แค่เกรงว่าอาจจะมีบางคนคิดทำอันตรายต่อหลานชายในอนาคต…”
ถึงแม้เหล่าผู้อาวุโสประจำตระกูลจะมีสถานะสูงส่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรพชนที่สิบแปดแล้วทุกคนก็ไม่ต่างจากอะไรจากเด็กน้อยคนหนึ่ง
“ฮึ่ม มาให้ข้าเห็นสักหน่อยเถอะว่าใครหน้าไหนมันมีความกล้า หากพวกตาเฒ่าอมตะเหล่านั้นกล้าฉีกหน้าตัวเองแล้วลงมือกับเซียวเหยา ชายชราผู้นี้ย่อมไม่รังเกียจที่จะเริ่มต้นสงครามอมตะ ข้าจะไล่สังหารพวกมันให้สิ้น คั้นโลหิตจากร่างพวกมันแล้วสาดให้เจิ่งนองไปนับล้านลี้ให้ดู!”
ทัศนคติที่แสดงออกของบรรพชนที่สิบแปดคือผู้อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งและอหังการอย่างแท้จริง
จวินจ้านเทียนและคนอื่นถึงกับแอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่
สงครามอมตะคือมหาสงครามอันยิ่งใหญ่ที่จะถูกดำเนินโดยตระกูลโบราณ ราชวงศ์อมตะ และเหล่าตัวตนอันยิ่งใหญ่แห่งตระกูลโบราณ
ในสงครามอมตะครั้งแรกนั้นถึงกับทำให้แดนอมตะหวงเทียนพลิกกลับ บนกลายเป็นล่าง ล่างกลายเป็นบน หลายร้อยล้านชีวิตต้องหลั่งโลหิต
และตั้งแต่สงครามอมตะครั้งล่าสุดในแดนอมตะหวงเทียน เวลาก็ล่วงเลยมานานมากแล้ว
“ข้าชายชราขอประกาศนับแต่นี้ไป เด็กน้อยผู้นี้จะมีสถานะเป็นบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวิน ทรัพยากรในการบ่มเพาะระดับสูงทุกอย่างจะถูกส่งมอบให้กับเขาก่อนเป็นอันดับแรก แม้มันจะยากขนาดไหนในการบ่มเพาะ เราก็ต้องพยายามบ่มเพาะกายาเทพบรรพกาลต่อไป!” บรรพชนที่สิบแปดออกโองการ
จวินจ้านเทียนและคนอื่นๆ พยักหน้าเป็นการรับทราบ
มีเพียงแค่พวกสมองกลวงเท่านั้นที่จะไม่ทุ่มเททุกอย่างในการบ่มเพาะให้กับกายาเทพบรรพกาลที่เป็นอิสระจากโซ่ตรวน
“ยิ่งไปกว่านั้น มอบสถานะลำดับศูนย์ให้กับเด็กน้อยผู้นี้ด้วย…” บรรพชนที่สิบแปดกล่าวต่อ
“อะไรกัน?” เหล่าผู้อาวุโสตกตะลึง
ถ้าหากเป็นการมอบสถานะบุตรพระเจ้าเพียงแค่นั้น ย่อมไม่มีปัญหาอะไร เพราะยังไงซะมันก็เป็นเพียงแค่สถานะ
แต่ลำดับนั้นต่างออกไป
เหล่าสมาชิกตระกูลจวินที่ครอบครองลำดับนั้นจะได้รับคุณสมบัติในการแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูล
จำนวนรุ่นเยาว์ในตระกูลจวินมีนับหมื่น นับแสน
แต่มีเพียงแค่สิบคนเท่านั้นที่จะได้รับสถานะลำดับ
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือมีรุ่นเยาว์เพียงแค่สิบคนเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ในการแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูล
แต่ละคนในสิบอันดับนี้ หากออกสู่โลกภายนอกเพียงแค่คนเดียว คนผู้นั้นจะสามารถกลายเป็นตัวตนที่โดดเด่นแห่งยุคได้ และแน่นอนว่าพวกเขาคือรุ่นเยาว์สิบอันดับแรกที่มีพรสวรรค์และศักยภาพมากที่สุดในตระกูลจวิน
แต่เหนือไปยิ่งกว่าลำดับทั้งสิบ นั่นคือลำดับศูนย์
ศูนย์หมายถึงไร้ตัวตนในโลกและมีความเป็นไปได้โดยไม่สิ้นสุด!
ลำพังแค่สถานะก็อยู่เหนือกว่าลำดับหนึ่งแล้ว!
ในรุ่นก่อนหน้า ลำดับศูนย์นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือบิดาของจวินเซียวเหยา ราชันเทพชุดขาว จวินหวูหุ่ย!
“ท่านบรรพชนที่สิบแปด ผู้เยาว์คิดว่านี่มันค่อนข้างจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ มันอาจจะทำให้ลำดับอื่นรู้สึกไม่พอใจได้…” หญิงชรากล่าวเสียงสั่น
ทุกคนต้องผ่านการทดสอบอันหนักหนาสาหัสนานัปการ กว่าจะได้รับมาซึ่งสถานะลำดับ
จวินเซียวเหยาที่ถูกส่งมอบลำดับศูนย์ให้ทันทีเมื่อเขาเกิด แล้วลำดับอื่นจะคิดยังไงกับเรื่องนี้?
“หากพวกนั้นไม่พอใจ ก็ปล่อยให้พวกนั้นมีโอกาสได้สู้เพื่อตัวเองในอนาคต แล้วค่อยมาคุยกันทีหลังถ้าหากพวกนั้นชนะเด็กคนนี้” บรรพชนที่สิบแปดกล่าวพร้อมสะบัดแขนเสื้อจากไป
ตัดสินจากโทนเสียงของบรรพชนผู้นี้ มันชัดเจนว่าเขามีความมั่นใจที่สูงมากในตัวจวินเซียวเหยา
จวินเซียวเหยาถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้
ท่านปู่ตั้งความหวังไว้สูงกับข้า และบรรพชนยังมองข้าในมุมที่ต่างออกไป ไหนจะมีเรื่องความลับของพ่อข้า และอันตรายของตระกูลจวินที่ซ่อนเร้นอยู่
ดูเหมือนว่าข้าจะทำตัวเป็นพวกขี้แพ้ไม่ได้โดยเด็ดขาด
“เบื้องหลังอันไร้เทียมทาน พรสวรรค์สูงส่งไร้ผู้เทียบเคียง มีระบบช่วยอำนวยความสะดวก ด้วยการเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบนี้ ถ้าข้าไม่สามารถสยบทุกอย่างในยุคนี้ได้ งั้นก็คงกล่าวได้แค่ว่าตัวข้านั้นบัดซบเกินไป…” จวินเซียวเหยาคิดกับตัวเอง
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)