[ตอนฟรี] ตอนที่ 18 : เซียวเฉินเจ็บปวด
เมื่อเห็นเซียวเฉินเริ่มไร้เหตุผลและแสดงออกแต่ความโกรธ ไป่ยวี่เอ๋อก็รู้สึกผิดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ
คนแบบนี้ถ้าอยู่เฉยๆ ก็คงไม่เห็นความผิดปกติอะไร แต่ถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นดู คงน่าตกใจไม่น้อย
กลายเป็นว่านางยังคงคิดว่าเซียวเฉินเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง
แต่ตอนนี้ หากนำเขาไปเปรียบเทียบกับจวินเซียวเหยาแล้ว เซียวเฉินก็ไม่ต่างอะไรกับหนอนในโคลนตม
จะมองมุมไหนยังไงก็ปวดตา
“คนแบบนี้หรือที่จะมาเป็นคู่หมั้นของข้าจริงๆ …” ไป่ยวี่เอ๋อแอบส่ายหัว
นางกล่าว “ทั้งหมดนี่คือความเต็มใจของข้าเอง เซียวเฉิน เจ้าไปเถอะ”
คำพูดของไป่ยวี่เอ๋อราวกับกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงเข้ากลางหัวใจของเซียวเฉินอย่างจัง
เขาโกรธจนตัวสั่นและจ้องเขม็งไปที่จวินเซียวเหยาด้วยใบหน้าเคร่งขรึมและเอ่ย “เจ้าชื่อจวินเซียวเหยา ใช่ไหม? มันต้องเป็นเจ้า เจ้าใช้ยาพิษอะไรใส่ยวี่เอ๋อกันแน่?”
เซียวเฉินเป็นเหมือนแมวป่าที่บ้าคลั่ง
ในตอนนั้นเอง จวินเซียวเหยาที่มีสีหน้าเรียบเฉยกลับมีสายตาแปลกประหลาดจ้องไปที่เซียวเฉิน
หรือพูดให้ถูก เขากำลังจ้องไปที่แหวนผานหลงบนนิ้วของเซียวเฉิน
เพราะจวินเซียวเหยาบ่มเพาะด้วยเคล็ดวิถีเทพเกลาวิญญาณ ดังนั้นการรับรู้ด้วยวิญญาณของเขาจึงเฉียบแหลมมากกว่าคนทั่วไป
บนแหวนผานหลง จวินเซียวเหยารับรู้ได้ถึงพลังปราณที่แปลกประหลาดและความผันผวนของวิญญาณ
“ไม่มีทาง มันกลายเป็นแบบนี้จริงดิ?” ดวงตาของจวินเซียวเหยาแสดงออกถึงความประหลาดใจ
แหวนปู่ที่สืบทอดมา แล้วก็โดนคนรักทรยศหักหลัง
ช่างเป็นสูตรสำเร็จที่คุ้นเคย แถมมีรสชาติดั้งเดิมอยู่ด้วย
เพียงแค่มันสลับบางบทเท่านั้นเอง
“น่าสนใจ เซียวเฉินอยากตบหน้าข้างั้นเหรอ?” จวินเซียวเหยาคิดในใจ
แต่ไป่ยวี่เอ๋อยังคงกล่าวต่อ “พอแค่นั้นแหละเซียวเฉิน ข้าตัดสินใจไปแล้วว่าข้าจะรับใช้บุตรพระเจ้าไปตลอดชีวิตในฐานะทาสและสาวใช้ ดังนั้นการหมั้นหมายระหว่างเจ้ากับข้าก็ขอให้มันจบสิ้นเพียงเท่านี้เถอะ”
ในใจของไป่ยวี่เอ๋อตอนนี้มีเพียงจวินเซียวเหยาผู้เดียว
และจวินเซียวเหยาก็จะเป็นนายของนางไปตลอดชีวิต
สำหรับเซียวเฉินนั้น มิตรภาพที่นางมีให้ในวัยเด็กย่อมเสื่อมโทรมลงไปจากความผิดหวังและการถูกโกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เซียวเฉินสัญญาว่าจะมอบโอสถอมตะให้กับนาง แต่เขาก็ไม่เคยทำมันสำเร็จ
“ไม่… เจ้าทำแบบนี้ได้ยังไง ยวี่เอ๋อ…” เซียวเฉินตัวสั่นเล็กน้อย
ว่าที่ภรรยาของเขาถูกขโมยไปแล้ว
เซียวเฉินรู้สึกราวกับว่าหัวของเขากำลังมีเขางอกออกมา และกำลังคิดด้วยว่าไป่ยวี่เอ๋อได้ขายร่างกายของตัวเองให้กับจวินเซียวเหยาเพื่อแลกกับสิ่งของบางอย่างไปแล้ว
“ฮิฮิ เป็นแบบนี้นี่เอง นังสารเลว เจ้าขายร่างกายตัวเองเพื่อแลกกับโอสถอมตะใช่รึเปล่า?”
หัวใจของเซียวเฉินจมลงสู่ก้นบึ้งของหุบเหว เขาฉีกหน้าตัวเองและยิ้มเยาะด้วยความโกรธ
เขาย่อมทนไม่ได้ที่ถูกผู้หญิงของตัวเองหักหลัง
ไป่ยวี่เอ๋อถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ
นางไม่คาดคิดเลยว่าเซียวเฉินคนนี้ที่ใจเย็นและแน่วแน่มาโดยตลอด คนที่คอยห่วงใยนางทุกอย่างจะกล่าวออกมาเช่นนี้
จวินเซียวเหยาไม่ได้ประหลาดใจอะไร
สำหรับพระเอกแล้ว ผู้ใดติดตามข้าผู้นั้นเจริญรุ่งเรือง และผู้ใดต่อด้านข้าผู้นั้นจะต้องพินาศไป
แล้วคนที่ทรยศพระเอกจะมีจุดจบที่ดีได้อย่างไร?
จวินเซียวเหยาลองถามตัวเอง ถ้าเขาอยู่ในตำแหน่งของเซียวเฉิน เขาคงสังหารไป่ยวี่เอ๋อโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ความใจบุญหรอ? มันไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก เขาจะแสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมและเด็ดขาดมากกว่าเซียวเฉินซะอีก
แต่น่าเสียดาย ตอนนี้ไป่ยวี่เอ๋อคือหมากและทาสของเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปล่อยให้เซียวเฉินลงมือกับนาง
และตอนนี้ เขาสามารถใช้ช่องโอกาสนี้เพื่อทำให้ไป่ยวี่เอ๋อสิ้นหวังกับเซียวเฉินมากขึ้นด้วย
“เจ้าในฐานะที่ยังเป็นคู่หมั้นของไป่ยวี่เอ๋อ กลับใส่ร้ายความบริสุทธิ์ของนางเช่นนี้ ข้าในฐานะคนนอกแล้ว รู้สึกใจสลายแทนไป่ยวี่เอ๋อจริงๆ”
จวินเซียวเหยาก้าวออกมาและยืนอยู่ด้านหน้าไป่ยวี่เอ๋อ เขาส่ายหัวและถอนหายใจ
“ท่านใต้เท้า…” ไป่ยวี่เอ๋อตื้นตันใจและปรากฏหมอกจางภายในดวงตาสีแดงสดของนาง
นางไม่คาดคิดเลยว่าจวินเซียวเหยาจะยืนหยัดและพูดแทนนาง
ในตอนนี้ นอกจากความรู้สึกเคารพและชื่นชมที่มีต่อจวินเซียวเหยาแล้ว นางยังมีอารมณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้อีกด้วย
ฉากนี้มันช่างซึ้งใจ
เซียวเฉินเห็นฉากนี้เต็มสองตา จึงสบถด้วยความโกรธ “บัดซบ นังสารเลว!” เซียวเฉินเดือดดาลมากราวกับว่าเครื่องในของเขากำลังถูกแผดเผาไปด้วยความโกรธ
ไป่ยวี่เอ๋อกับจวินเซียวเหยาจีบกันต่อหน้าเขาจริงๆ
นี่มันไม่ใช่แค่สวมเขาแล้ว แต่เป็นการป้อนหญ้าให้ข้ากินเลยชัดๆ
“จวินเซียวเหยา เจ้ากล้าสู้กับข้าแบบแฟร์ๆ รึเปล่า?” เซียวเฉินตะโกน
ทางออกเดียวในตอนนี้คือการบดขยี้จวินเซียวเหยาอย่างสมบูรณ์ต่อหน้าไป่ยวี่เอ๋อ และเหยียบย่ำไว้ใต้ฝ่าเท้าของเขา
มีเพียงทางนี้ทางเดียวเท่านั้นที่จะช่วยระบายความโกรธในใจของเซียวเฉินได้
เขาอยากจะเห็นภาพไป่ยวี่เอ๋อคุกเข่าต่อหน้าเขาและแสดงท่าทางสำนึกผิด
“ข้าอายุเพียงแค่แปดขวบ และเจ้าที่อายุสิบห้าหรือสิบหกปีแล้ว มันก็แฟร์ใช้ได้” จวินเซียวเหยายิ้มประชดเล็กน้อย
การแสดงออกของเซียวเฉินผิดแปลกไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงพูดต่อไป "แล้วมันยังไง เจ้าคือบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินที่ได้รับทรัพยากรจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นมันก็ยุติธรรมแล้ว หรือบอกข้ามาตรงๆ ก็ได้ว่าเจ้าเป็นคนขี้ขลาดและไม่กล้าสู้?"
เซียวเฉินยังคงมีท่าทางยั่วยุ
ในช่วงที่ผ่านมา เขาได้ฝึกฝนทักษะลับที่สืบทอดมาจากแหวนผานหลงจนสำเร็จ
เขามีความมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม ในหมู่คนรุ่นเดียวกันกับเขา มีน้อยคนที่สามารถประมือกับเขาได้
นั่นรวมไปถึงบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินด้วย
“งั้นย่อมได้ ไปเจอกันที่สนามประลอง” จวินเซียวเหยาก้าวไปข้างหน้าในขณะที่มือไพล่หลัง
ตอนนี้ไม่มีความจำเป็นจะต้องต่อความยาวสาวความยืดแล้ว
พระเอกประเภทนี้กำลังฝันหวานกับตัวเองอยู่ มันต้องปลุกให้ตื่นด้วยการทุบตีสักหน่อย
ไป่ยวี่เอ๋อและจวินหลิงหลงก็ตามติดอย่างใกล้ชิด
จวินหลิงหลงมองไปที่เซียวเฉินด้วยสายตาของความเยาะเย้ยและสงสาร
ในยามที่อายุครบสามขวบ จวินเซียวเหยาก็เอาชนะลำดับสิบ จวินจ้างเจี้ยนลงได้
แม้แต่จวินหลิงหลงเองก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาแข็งแกร่งขึ้นมากขนาดไหน
เห็นจวินเซียวเหยาเดินมาพร้อมกับสาวสวยอีกสองคนด้านหลัง ความอิจฉาก็พลุ่งพล่านไปทั่วดวงตาของเซียวเฉิน
“ถ้าหากข้าเกิดในตระกูลโบราณบ้าง ความสำเร็จของข้าจะไม่น้อยไปกว่าจวินเซียวเหยาผู้นี้เป็นแน่ แต่เขาคงจินตนาการไม่ออกหรอกว่าข้ามีแหวนผานหลงวงนี้คอยช่วยเหลืออยู่” เซียวเฉินคิดในใจ
ในไม่ช้า จวินเซียวเหยาและเซียวเฉินก็มาถึงสนามประลอง
การมาถึงของทั้งสองได้ดึงดูดความสนใจจากศิษย์ตระกูลจวินเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน
“นั่นใต้เท้าบุตรพระเจ้า เขากำลังจะทำอะไรที่สนามประลองกันนะ?”
“ข้าได้ยินมาว่ามีไอ้ทึ่มตาบอดคนหนึ่งท้าทายใต้เท้าบุตรพระเจ้า”
“นั่นไม่ใช่องค์ชายจากดินแดนชิงหลงโบราณหรือ ช่างโง่เง่าอะไรแบบนี้”
“เห็นด้วย มันเป็นเกียรติกับเขาอย่างมหาศาลแล้วที่ใต้เท้าบุตรพระเจ้ายอมลดตัวลงมาสู้กับเขา”
ระหว่างทางมา สมาชิกตระกูลจวินเกือบทั้งหมดต่างพากันเยาะเย้ยและดูถูกเซียวเฉิน
เซียวเฉินที่เห็นทุกอย่างได้แต่กำหมัดแน่น
พระเอกในนิยายเจ๋งๆ ต่างก็โดนหมิ่นแบบนี้ทั้งนั้น สุดท้ายพวกเขาก็ถูกพระเอกซัดหน้าหงายกลับไป
“ฝูงสุนัขเหล่านี้ต่างพากันดูถูกคนอื่น พวกเจ้าเกิดและโตในตระกูลโบราณแล้วมันยังไงกัน เดี๋ยวข้าจะสอนให้เจ้ารู้ถึงความหมายของคำว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าเอง!” เซียวเฉินยิ้มมุมปากด้วยความภาคภูมิ
ตอนนี้จวินเซียวเหยาและเซียวเฉินได้ยืนอยู่บนลานประลองแล้ว
จวินหลิงหลง ไป่ยวี่เอ๋อ และสมาชิกตระกูลจวินหลายคนต่างพากันมารับชม
ในความมืด จวินจ้านเทียนและผู้อาวุโสตระกูลคนอื่นก็แอบสังเกตอย่างลับๆ เช่นกัน
พวกเขาไม่ได้ห่วงว่าจวินเซียวเหยาจะพ่ายแพ้
กลับกัน พวกเขาแค่อยากใช้การประลองนี้เพื่อดูความแข็งแกร่งที่แท้จริงของจวินเซียวเหยา
“เอาล่ะ เจ้าเริ่มลงมือก่อนเลย”
บนสนามประลอง จวินเซียวเหยายืนมือไพล่หลังด้วยท่าทางสบายๆ
“หึ ถ้าข้าลงมือก่อน เจ้าจะไม่มีโอกาสให้ตอบโต้เลย” เซียวเฉินเผยรอยยิ้มเย็นชาและเย่อหยิ่ง
เขาคืออัจฉริยะขอบเขตวิหารศักดิ์สิทธิ์
และเจ้าหนูจวินเซียวเหยาคนนี้อายุเพียงแค่แปดขวบ จะเก่งได้แค่ไหนกันเชียว?
“จริงรึ งั้นก็ได้” จวินเซียวเหยาหยักหน้าเบาๆ
เขาไม่ทำอะไรซับซ้อน เพียงแค่ตบออกไปด้วยมือข้างเดียว พลังปราณและโลหิตทองคำก็พวยพุ่งออกมาสู่ท้องฟ้าและสั่นสะเทือนไปทั่วความว่างเปล่า!
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)