ตอนที่แล้ว[ตอนฟรี] ตอนที่ 14 : ความอวดดีที่ไม่สมควร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[ตอนฟรี] ตอนที่ 16 : ดีลลับสำเร็จ

[ตอนฟรี] ตอนที่ 15 : ส่งมอบโอสถอมตะ


พริบตาเดียว เวลากว่าครึ่งปีก็ได้ผ่านพ้นไป

ภายในพระราชวังเทียนตี้ เกิดความผันผวนของพลังปราณและมีเสียงปะทุให้ได้ยินเป็นครั้งคราว

สมาชิกตระกูลจวินทุกคนคุ้นเคยกันดี ว่านั่นคือการทะลวงขอบเขตของจวินเซียวเหยา

ในตอนแรก ศิษย์ตระกูลจวินหลายคนต่างก็พากันประหลาดใจกับความเร็วในการทะลวงขอบเขตของจวินเซียวเหยา

จนกระทั่งตอนนี้ ไม่มีอะไรให้รู้สึกประหลาดใจแล้ว

ตระกูลจวินจะรู้สึกว่ามันแปลกมากกว่า ถ้าไม่มีการทะลวงขอบเขตที่เร็วเช่นนี้

และครึ่งปีที่ผ่านมา ไป่ยวี่เอ๋อยังคงคุกเข่าอยู่ภายนอกพระราชวังเทียนตี้

ใบหน้าของนางซีดเซียวและผอมลงมากกว่าเดิมจากครึ่งปีที่แล้ว

เนื่องจากนางคือผู้บ่มเพาะ ไป่ยวี่เอ๋อจะไม่มีทางอดตายแม้นางจะไม่ได้ทานอะไรมามากกว่าครึ่งปีแล้ว แต่ก็แน่นอนว่านางอ่อนแอลงอย่างมาก

สภาพของนางในตอนนี้ จะเรียกว่ามีภาพลักษณ์ขององค์หญิงดินแดนโบราณเหมือนแต่ก่อนได้อย่างไร?

มันดูเหมือนกับทาสผู้ต่ำต้อยกำลังร้องขอความเมตตาจากจวินเซียวเหยามากกว่า

ในช่วงเวลานี้ จวินเซียวเหยาไม่ได้ให้ความสนใจต่อนางเลยแม้แต่น้อย กระทั่งว่าเขาเดินออกมาจากพระราชวังเทียนตี้และนางอยู่ตรงทางออกพอดี จวินเซียวเหยาก็ไม่ได้ชายตามองนางสักนิด ราวกับว่านางนั้นไร้ตัวตน

สำหรับเรื่องนี้ ไป่ยวี่เอ๋อทำได้เพียงยิ้มมุมปากเย้ยหยันตัวนางเองเท่านั้น

นี่คือความผิดที่นางทำ และนางต้องชดใช้มัน

ภายในพระราชวังเทียนตี้ จวินเซียวเหยากำลังนั่งขัดขาอยู่ภายในห้องฝึกส่วนตัว

พร้อมกับเสียงปะทุดังสนั่น ลมหายใจของจวินเซียวเหยาพุ่งทะยานไปสู่จุดสูงสุดและทะลวงขอบเขตอีกครั้ง

“ข้าทะลวงผ่านสวรรค์ที่เก้าแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์” จวินเซียวเหยาพึมพำ

หากคำนวณตั้งแต่ห้าระดับขั้นของการฝึกฝนร่างกาย ห้าระดับขั้นของการฝึกฝนภายใน เก้าสวรรค์ทะเลจิตวิญญาณ และตอนนี้ เก้าสวรรค์วิหารศักดิ์สิทธิ์

จวินเซียวเหยา เด็กหนุ่มอายุเพียงแปดขวบเศษ ทะลวงผ่านแล้วทั้งหมด 28 ขั้นของการบ่มเพาะภายในระยะเวลาแปดปีนี้

นี่คือความน่าสะพรึงโดยสมบูรณ์

โดยทั่วไปแล้ว แม้แต่อัจฉริยะที่สวรรค์โปรดปรานยังต้องใช้เวลาประมาณยี่สิบปีเพื่อทะลวงขอบเขตเป็นจำนวนมาก

แต่จวินเซียวเหยาใช้เวลาเพียงแปดปีเท่านั้น

“นี่ยังไม่พอ อย่างน้อยข้าต้องทะลวงไปถึงขอบเขตแก่นแท้จิตวิญญาณเมื่อถึงงานเฉลิมฉลองวันเกิดครบรอบสิบปี” จวินเซียวเหยากล่าวกับตัวเอง

เขามีลางสังหรณ์ว่างานเฉลิมฉลองวันเกิดครบรอบสิบปีของเขาคงจะไม่ราบรื่นนัก

“แล้วก็ ข้ายังมีเรื่องของดินแดนจูเชวี่ยโบราณที่จำเป็นต้องจัดการให้เรียบร้อยอีก”

หลังจากนั้น จวินเซียวเหยาก็ส่งข้อความเสียงไปหาจวินหลิงหลงโดยตรง

ครู่ถัดมา จวินหลิงหลงจึงเปิดประตูและเข้ามาหา

จวินเซียวเหยาสะบัดข้อมือและนำสมุนไพรล้ำค่าที่มีลักษณะคล้ายกับฉีหลิน (กิเลน) ออกมาจากแหวนมิติ

นี่คือโอสถฉีหลินอมตะ

หากโอสถอมตะต้นนี้ถูกนำไปไว้โลกภายนอก นี่จะก่อให้เกิดสงครามนองเลือดและผู้คนนับไม่ถ้วนจะพยายามช่วงชิงมันอย่างแน่นอน

“นายท่าน ท่านกำลังจะ…” จวินหลิงหลงตาเป็นประกาย

เป็นไปได้ไหมว่าจวินเซียวเหยาตัดสินใจจะจัดการเรื่องราวของดินแดนจูเชวี่ยโบราณให้เสร็จ?

“หลิงหลง เจ้าจงไปเยือนดินแดนจูเชวี่ยโบราณในนามของข้า และยื่นข้อเสนอให้กับราชาแห่งจูเชวี่ย หากเขายอมจำนนและอยู่ภายใต้ข้า โอสถฉีหลินอมตะนี้จะเป็นของเขา”

ทันทีที่สั่งการเสร็จ เขาก็ส่งโอสถฉีหลินอมตะให้กับจวินหลิงหลง

“หลิงหลงขอรับปากว่าจะทำให้สำเร็จอย่างแน่นอนและจะไปบอกไป่ยวี่เอ๋อเดี๋ยวนี้” จวินหลิงหลงกล่าว

ไป่ยวี่เอ๋อคุกเข่าอยู่ด้านนอกพระราชวังเทียนตี้มานานกว่าครึ่งปี นางสำนึกผิดแล้วอย่างแท้จริง จวินหลิงหลงเห็นสิ่งนี้ด้วยตาของนางเอง

“เดี๋ยว ไม่จำเป็นต้องบอกไป่ยวี่เอ๋อตอนนี้ ปล่อยให้นางคุกเข่าต่อไป แล้วก็กำชับดินแดนจูเชวี่ยโบราณไม่ให้บอกไป่ยวี่เอ๋อเกี่ยวกับโอสถอมตะด้วย” จวินเซียวเหยาโบกมือ

เขาจะปล่อยให้ไป่ยวี่เอ๋อคุกเข่าให้ครบหนึ่งปีก่อน แล้วค่อยเฉลยทุกอย่าง

ในเวลานั้น เมื่อนางกำลังจมดิ่งเข้าใกล้ความสิ้นหวังโดยสมบูรณ์ แต่แล้วกลับได้รับข่าวว่าบิดาของนางหายดีแล้ว

ถึงตอนนั้น ลองจินตนาการดูสิว่าอารมณ์ความรู้สึกของไป่ยวี่เอ๋อจะเป็นอย่างไร

นางจะภักดีต่อจวินเซียวเหยาอย่างสุดหัวใจแน่นอน

“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าตัวเองเริ่มกลายเป็นวายร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ กันนะ?” จวินเซียวเหยาลูบคางพลางพึมพำ

จวินหลิงหลงที่มีความฉลาดหลักแหลมย่อมมองเรื่องนี้ออกเช่นกัน

นางอดไม่ได้ที่จะชื่นชมวิธีการของจวินเซียวเหยามากยิ่งขึ้น

อัจฉริยะที่มีเพียงความแข็งแกร่งนั้นยากที่จะไปให้ถึงจุดสูงสุด

มีเพียงอัจฉริยะผู้มีทั้งความแข็งแกร่งและไหวพริบเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะยืนอยู่บนจุดสูงสุด

หลังจากนั้นจวินหลิงหลงก็เดินทางออกจากพระราชวังเทียนตี้

จวินหลิงหลงได้มาพบกับผู้พิทักษ์ในสายตระกูลของนาง เพื่อให้คุ้มครองนางระหว่างเดินทางไปดินแดนจูเชวี่ยโบราณ ซึ่งผู้พิทักษ์ของนางคือหญิงชราผู้หนึ่งที่เห็นจวินหลิงหลงยอมรับใช้จวินเซียวเหยามาตลอดหลายปีนี้ หญิงชราอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่และเอ่ยถาม

“คุณหนู มันคุ้มค่าแล้วหรือที่ท่านทำเช่นนี้? บุตรพระเจ้าผู้นั้นถือว่าท่านเป็นเพียงแค่สาวใช้ส่วนตัวนะ”

“ท่านย่าฮัว อย่ากล่าวเช่นนี้อีกในอนาคตนะ ท่านจินตนาการถึงความสำเร็จที่นายท่านสามารถทำได้ไม่ออกหรอก”

“แม้จะได้เป็นเพียงสาวใช้ หลิงหลงก็พอใจมากแล้ว” จวินหลิงหลงกล่าว

ท่านย่าฮัวแอบถอนหายใจเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น

แน่นอน มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่หญิงชราจะรู้ว่าจวินหลิงหลงรับรู้ได้ถึงเสี้ยวอนาคตที่เกิดขึ้น

มันก็ไม่แย่นักหรอกที่จะได้เป็นสาวใช้ส่วนตัวของว่าที่จักรพรรดิ…

จากนั้นจวินหลิงหลงและท่านย่าฮัวก็เร่งเดินทางไปยังดินแดนจูเชวี่ยโบราณโดยไม่หยุดพัก

....

ในยามเดียวกัน ภายในดินแดนอมตะหวงเทียน หนึ่งในสามพันดินแดนอมตะ ชางโจว

เขตแดนของชางโจวอยู่ติดกับหวงโจว ซึ่งมีขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกัน

และขุมกำลังผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดจากทั่วทั้งชางโจวนั่นคือ ดินแดนชิงหลงโบราณ (ชิงหลงหรือมังกรฟ้า)

แตกต่างจากดินแดนจูเชวี่ยโบราณที่กำลังอ่อนแอลงไปทุกขณะ ดินแดนชิงหลงโบราณกลับกำลังเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ และมีความเป็นไปได้สูงที่จะกลายเป็นผู้นำแห่งสี่ดินแดนโบราณ

ในเวลานี้ ณ พระราชวังแห่งดินแดนชิงหลงโบราณ ภายในโถงอันใหญ่โต

ที่นั่นมีชายหนุ่มในชุดคลุมมังกรครามสี่กรงเล็บกำลังคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้น

ชายหนุ่มคนนี้มีหน้าตาที่ดูดีและหล่อเหลา อายุราวสิบหกถึงสิบเจ็ดปี

ระดับการบ่มเพาะของเขาก็ได้มาถึงขอบเขตวิหารศักดิ์สิทธิ์แล้วเช่นกัน

ในตระกูลโบราณ การเข้าสู่ขอบเขตวิหารศักดิ์สิทธิ์ด้วยอายุเพียงเท่านี้ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะผู้หนึ่งเลยทีเดียว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าถ้าเป็นโลกภายนอก เขาคืออัจฉริยะที่โปรดปรานของสวรรค์อย่างแน่นอน

ชายหนุ่มคนนี้คือคู่หมั้นของไป่ยวี่เอ๋อหรือองค์ชายใหญ่แห่งดินแดนชิงหลงโบราณ เซียวเฉิน

ในตอนนี้ ดวงตาของเซียวเฉินกำลังแดงก่ำและพยายามระงับความโกรธบนใบหน้า เขาป้องมือคำนับระหว่างที่สนทนากับตัวตนบนบัลลังก์ ซึ่งปกคลุมไปได้พลังปราณอันไร้ที่สิ้นสุด

“ท่านพ่อ ได้โปรดมอบโอสถอมตะให้กับข้าเพื่อนำไปให้ดินแดนจูเชวี่ยโบราณด้วยขอรับ!”

บนบัลลังก์ ราชาแห่งดินแดนชิงหลงที่กำลังนั่งหลังตรง พลังปราณของเขาดูเหมือนกำลังควบแน่นเป็นรูปร่างของมังกรอย่างเบาบาง แต่กลับแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่

เขาเอ่ยเบาๆ “องค์ชายใหญ่เอ๋ย ในดินแดนชิงหลงโบราณของข้ามีโอสถมังกรครามอมตะเพียงแค่ต้นเดียวเท่านั้น และมันยังเป็นมรดกตกทอดจากเหล่าบรรพบุรุษอีกด้วย เช่นนั้นแล้วข้าจะมอบมันให้กับดินแดนจูเชวี่ยโบราณได้อย่างไร?”

“แต่ยวี่เอ๋อกำลังคุกเข่าและถูกข่มเหงที่ตระกูลจวิน ในฐานะคู่หมั้น ข้าจะเต็มใจปล่อยให้มันเกิดขึ้นต่อไปได้ยังไงขอรับ?”

เซียวเฉินโกรธอย่างมาก เขากำหมัดแน่นจนเล็บแทงลึกลงในฝ่ามือพร้อมกับความเจ็บปวด

ข่าวที่ไป่ยวี่เอ๋อคุกเข่าอยู่ด้านนอกพระราชวังของบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินได้กระจายไปทั่วแล้ว

ในขณะที่หลายคนกำลังรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินผู้ลึกลับ คนเหล่านั้นก็มองดินแดนชิงหลงโบราณเป็นตัวตลกด้วยเช่นกัน

มันน่าอายขนาดไหนที่ปล่อยให้คู่หมั้นของตัวเองไปคุกเข่าอยู่หน้าห้องนอนชายคนอื่น

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าไป่ยวี่เอ๋อคือหวานใจในวัยเด็กของเขา แบบนี้เซียวเฉินจะไปทนได้อย่างไร?

“องค์ชายใหญ่ เจ้าต้องมีความอดทนเข้าไว้ เรื่องราวของดินแดนจูเชวี่ยโบราณข้าจะตัดสินใจด้วยตัวข้าเอง” ราชาแห่งดินแดนชิงหลงเอ่ยช้าๆ

“เช่นนั้นแล้ว เจ้าบุตรพระเจ้าตระกูลจวินมันมีอะไรดีกันล่ะขอรับ? เจ้านั่นมันแค่ใช้สถานะและเบื้องหลังของตัวเองรังแกคนไปทั่ว!”

“เจ้านั่นดูถูกแม้แต่ผู้หญิง มันมีความเป็นคนอยู่บ้างหรือเปล่า?” เซียวเฉินสบถอย่างโกรธเคือง

เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าไป่ยวี่เอ๋อจะไปทำอะไรผิด

จะเป็นไปได้ไงที่คู่หมั้นของข้าทำผิด มันต้องเป็นความผิดของจวินเซียวเหยามากกว่า

“หุบปากเจ้าเดี๋ยว ออกไปและอย่าได้พูดจาซี้ซั้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าไม่มีคุณสมบัติที่จะติเตียนคนของตระกูลจวินแม้แต่น้อย” ราชาแห่งชิงหลงขมวดคิ้ว

เซียวเฉินขบฟันและหันหลังเดินออกไปจากห้องโถง

“รอก่อนเถอะ บุตรพระเจ้าอะไรนั่นมันจะเก่งแค่ไหนกันเชียว? หลังจากที่ข้าเชี่ยวชาญทักษะนั่นแล้ว ข้าจะไปเยือนตระกูลจวินเพื่อนำตัวยวี่เอ๋อกลับมาและสอนบทเรียนให้มันด้วย”

เซียวเฉินกำลังวางแผนอยู่ในใจและอดไม่ได้ที่จะลูบแหวนผานหลงที่สวมอยู่บนนิ้ว

แหวนผานหลงวงนี้เขาได้สืบทอดต่อมาจากมารดาผู้ล่วงลับ

หลายปีก่อน แหวนผานหลงวงนี้เริ่มที่จะมอบทักษะอันทรงพลังและปราณมังกรอันบริสุทธิ์ให้กับเขา

หรือพูดอีกอย่างคือ เพราะสาเหตุนี้ที่ทำให้เซียวเฉินมีพรสวรรค์และความแข็งแกร่งจนถึงวันนี้

“ข้ามีแหวนผานหลงที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ ถึงแม้จะเป็นบุตรพระเจ้าอะไรนั่นก็เป็นได้แค่หินรองเท้าให้ข้าเหยียบย่ำเท่านั้น!”

เซียวเฉินเผยใบหน้าเย็นชาและโหดเหี้ยมแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจอันมหาศาล

(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด