ตอนที่ 1221 อย่าโทษว่าฉันไม่เตือนคุณ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของคุณแล้ว
หลินฟาน ที่สามารถเลี้ยวกลับรถได้สำเร็จ เขาก็ได้สลัดชายผมเหลืองทองที่ขี่รถจักรยานยนต์มาทั้งสองคันได้, จากนั้นไม่นาน หลินฟาน ก็ได้ขับเลี้ยวเข้าถนนสายหลัก
“คุณได้ออกนอกเส้นทาง กำลังวางแผนเส้นทางใหม่ให้กับคุณ…” ระบบนําทางได้แจ้งเตือนขึ้นมา พร้อมกับเผยเส้นทางใหม่ขึ้นมาให้
แววตาของ หยุน ชิงเย้า ในขณะนี้มันเต็มไปด้วยความรู้สึกจนใจ เธอไม่สามารถพูดได้ว่าคนของเธอนั้นไร้ประโยชน์ แต่ หลินฟาน เขามันแข็งแกร่งเกินไป.. หากถ้าเป้าหมายของพวกเขาคือคนอื่น ในเวลานี้รถของคนอื่นก็คงเสียหายไปนานแล้ว แผนการช่วยเหลือเองก็สามารถดำเนินการต่อไปได้ แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้พวกเขา กําลังเผชิญหน้ากับ หลินฟาน
ถ้าผู้ชายคนนี้มันรับมือได้ง่ายขนาดนั้น เธอเองก็คงจะไม่ตกไปอยู่ในมือของเขา…
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้เรารีบไปที่ หยุนเหมิน แล้วคุณก็ช่วยบอกทางให้ผม” หลินฟาน ได้พูดขึ้นมา
หยุน ชิงเย้า ได้เหลือบไปมอง หลินฟาน และพูดเย้ยหยันไปว่า : “ทําไม.. หรือคุณกลัว นี่ไม่มีอะไรมากไปกว่าอาหารเรียกน้ำย่อย เพียงเท่านี้คุณก็รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วงั้นเหรอ?”
หลินฟาน กล่าวว่า : “ผมเคยบอกไปแล้วว่า ผมมาที่นี่ก็เพื่อพูดคุยด้วยเหตุผล ในเมื่อพวกคุณปฏิเสธที่จะใช้เหตุผล งั้นก็อย่าได้มาพูดว่าผมหยาบคาย ผมจะจัดการแก้ไขเรื่องนี้ก่อนรุ่งสาง”
หยุน ชิงเย้า ได้กัดริมฝีปากของเธอ และเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ได้พูดว่า : “คุณไปถึงหมู่บ้านชิงหนิวก่อน ใช้แผนที่นําทางไปได้”
ก่อนถึง หยุนเหมิน หากคนของเธอไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้สำเร็จ ก็คงต้องพา หลินฟาน ไปที่ หยุนเหมิน เท่านั้น, เมื่อถึงเวลานั้นก็คงต้องให้คนในตระกูลแก้ปัญหา หลินฟาน โดยตรง, แต่ปัญหาคือ.. เธอตกไปอยู่ในมือของ หลินฟาน แน่นอนว่าเธอจะต้องถูก หลินฟาน จับเป็นตัวประกัน และการที่ต้องมาถูก หลินฟาน ควบคุม, เธอกลับไม่ชอบความรู้สึกนี้เลยจริงๆ ดังนั้นแม้ว่าจะมีความเป็นไปได้เพียงเล็กน้อย เธอก็ต้องการเลือกจะหลบหนี
“หมู่บ้านชิงหนิว” หลินฟานป้อนที่อยู่นี้ในระบบนําทาง และพบสถานที่แห่งนี้จริงๆ และจากนั้นเขาก็ต้องมุ่งหน้าขับรถไปทางตะวันตก โดยใช้เวลาขับรถโดยประมาณสองชั่วโมง
แต่ หลินฟาน ไม่ได้ขับรถไปทันที แต่กลับมองไปข้างถนน สักพักไม่นาน หลินฟาน ก็ได้ขับรถออกจากถนน และขับเข้าไปในร้าน 4S ที่อยู่ริมถนน
“พวกเราไปซ่อมรถกันก่อนตอนนี้ อีกสักพักผมจะคืนความสามารถเคลื่อนไหวให้กับคุณ ดังนั้นคุณเองก็อย่าได้วิ่งไปไหน” หลินฟาน กล่าว
ระหว่างที่พูดคุยกัน หลินฟาน ก็ได้จอดรถหน้าร้าน แล้วลงไปจากรถ
เมื่อเห็นเจ้าของรถ Rolls-Royce ได้เดินเข้ามา พนักงานของร้าน 4S ก็ออกมาต้อนรับอย่างอบอุ่นทันที ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างกระตือรือร้น
“ผมแซ่กุ้ยครับ ไม่ทราบว่ามีอะไรต้องการให้เราช่วยไหมครับ?” พนักงานได้เข้ามาพูดกล่าวทักทาย และถามความต้องการออกไป
หลินฟาน กล่าวว่า : “ผมแซ่หลิน รถของผมเผลอไปเฉี่ยวชน ตอนที่กำลังถอยรถ ช่วยซ่อมให้หน่อยครับ”
หลินฟาน ได้พาพนักงานไปที่ด้านหลังข้างขวาของรถ และเห็นว่าไฟด้านหลังข้างขวาได้รับความเสียหาย และมีรอยบุบ รอยขีดข่วนซึ่งเกิดจากการชนกับรถจักรยานยนต์ของชายผมเหลืองทอง
เมื่อพนักงานเห็นความเสียหายนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป แล้วพูดด้วยความตกใจว่า : “บาดแผลนี้ดูหนักใช่เล่นเลย คุณหลิน คุณรีบใช้รถไหมครับ? คืนนี้ก็ดึกแล้ว เราเกรงว่าจะซ่อมไม่เสร็จนะครับ และเนื่องจากรถของคุณคือ Rolls-Royce เราจำเป็นต้องหาอะไหล่…”
หลินฟาน ร้องโอ้ ออกมาแล้วพูดว่า : “ไม่เป็นไร ผมจะทิ้งรถไว้ที่นี่ พวกคุณแค่ซ่อมก็พอ”
พนักงาน กล่าวว่า “ส่วนราคา..”
หลินฟาน กล่าวไปว่า : “เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาครับ ใช้ของเดิมให้ผม ..ทางคุณเองก็เสนอราคามาเถอะ”
ช่างเป็นคนรวยจริงๆ ทั้งมีแต่คนที่มั่งคั่ง และมีอำนาจตัวจริงเท่านั้นที่สามารถพูดออกมาคำเดียวว่า ‘เงินไม่ใช่ปัญหา’ ขณะที่เขากำลังบอกขอให้ซ่อมรถ Rolls-Royce…
พนักงาน พูดว่า : “ผมต้องไปตรวจสอบราคาดูก่อนครับ คุณหลิน เชิญเข้ามาข้างในร้านก่อนครับ เดี๋ยวผมจะไปรินน้ำมาให้…”
หลินฟาน กล่าวว่า : “ไม่ต้องหรอกครับ คุณเสนอราคาโดยคร่าวๆ มาให้ผมก็พอครับ ส่วนเมื่อผมกลับมารับรถ คุณก็ค่อยแจ้งคํานวณให้ผมเข้าใจ”
ครอบงำ!
พนักงาน ได้พูดอย่างมั่นใจไปว่า : “ไฟรถนี้บวกกับรอยบุบ รอยขีดข่วน ประเมินค่าซ่อมแล้วก็ประมาณ 500,000 ได้ครับ”
หลินฟาน พยักหน้า : “ตกลง ผมจะทิ้งรถไว้กับพวกคุณ อีกอย่างผมอยากจะเช่ารถกับพวกคุณ ผมต้องใช้วิ่งไปบนถนนบนภูเขา หาเป็นรถ Hummer ที่มีสมรรถนะที่ทรงพลังมาให้ผมเถอะ และต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะจัดการให้ได้ครับ?”
พนักงานที่ได้ฟังแล้ว หัวใจของเขามันก็เต้นไม่หยุด คนผู้นี้.. โครตจะเจ๋งสุดยอด สถานที่เล็กๆ ของพวกเขายากที่จะพบกับลูกค้าที่ครอบงําได้เช่นนี้ และมันก็ยากที่จะเจอลูกค้าที่หยิ่งผยอง และกล้าหาญเช่นนี้ตลอดทั้งปี และมันก็ต้องแบบนี้แหละ ..ถึงจะเรียกว่าเป็นคนรวยที่แท้จริง
“ผมต้องเตรียมเอกสารให้คุณ ทั้งขั้นตอนต่างๆ ต้องใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงได้ครับ” พนักงาน ได้กล่าว
หลินฟาน กล่าวถามว่า : “โอเคครับ แถวนี้พอมีร้านอาหารใกล้ๆ ไหมครับ?”
พนักงานได้ชี้ไปทางหนึ่ง แล้วพูดว่า : “เดินไปทางนั้นไปไม่กี่ร้อยเมตร ก็จะมีร้านอาหารมากมายครับ”
หลินฟาน ได้โยนกุญแจรถให้กับ พนักงาน แล้วพูดว่า : “คุณไปจัดการเถอะ ทางผมขอตัวไปหาร้านอาหารเพื่อนั่งทานข้าวก่อน พอทานข้าวเสร็จแล้ว ผมจะกลับมารับรถ”
พูดจบ หลินฟาน ก็กลับไปที่รถ นําโทรศัพท์มือถือ และข้าวของอื่นๆ ติดตัวไปด้วย จากนั้นดึงเข็มเงินออกจากร่างกายของ หยุน ชิงเย้า เพื่อช่วยเธอคืนความสามารถในการเคลื่อนไหว
ทั้งสองลงจากรถทันที และรีบไปหาข้าวกิน
“เมื่อกี้คุณเองก็ได้ยินใช่ไหมว่า ค่าซ่อมประมาณ 500,000 หยวน และบัญชีนี้ผมต้องนับเรียกคืนจาก หยุนเหมิน ของพวกคุณ” หลินฟาน ได้พูดออกมาอย่างสบายๆ
หยุน ชิงเย้า เหงื่อตก ไม่แปลกใจเลยที่ หลินฟาน จะต่อสู้อย่างกล้าขนาดนี้ โดยที่ตาของเขาไม่แม้แต่จะกระพริบ ปรากฎว่าเขาได้นับรวมบัญชีทั้งหมด แล้วไปคิดเรียกคืนจาก หยุนเหมิน ..ดังนั้นแม้ว่าค่าซ่อมจะอยู่ที่หนึ่งล้าน แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะเสียเนื้อ อย่างไรเสียก็แค่เรียกคืนจากพวกเขา หยุนเหมิน .. สุดท้ายคนที่น่าสังเวชก็คือพวกเขา ไม่.. ผู้ชายคนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีแสนล้าน แต่แค่เงิน 500,000 ก็ต้องนับไปเรียกคืนจาก หยุนเหมิน เดี๋ยวก่อนนะ.. ไม่นะ หลินฟาน เขายังเคยพูดก่อนหน้านี้ว่า หยุนเหมิน จะต้องจ่ายแม้แต่ค่าผ่านทางด่วนที่มาที่นี่ และนี่มันไม่ตระหนี่เกินไปหน่อยหรือไง อีกอย่าง.. นี่ก็ช่างเป็นการเอาเปรียบผู้คนอย่างโหดร้ายจริงๆ!
และไม่ว่ายังไงก็ต้องหาทางเอาชนะ หลินฟาน ให้ได้!
หยุน ชิงเย้า ได้ครุ่นคิดอยู่ในใจ เธอเองไม่ได้รับเงินหนึ่งพันล้าน และยังต้องนําหนี้ก้อนหนึ่งกลับมาให้กับครอบครัว ซึ่งสิ่งนี้มันเป็นเรื่องที่เธอรับไม่ได้
“งั้นหากถ้าฉันตอบตกลงกับคุณแล้ว คุณจะให้เงินหนึ่งพันล้านนั้น กับฉันไหม?” หยุน ชิงเย้า ได้กล่าวอย่างเย็นชาออกมาว่า : “หลินฟาน คุณอย่าได้มาโทษว่าฉันไม่เตือนคุณ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของคุณแล้ว เมื่อคุณเข้าไปในอาณาเขตของ หยุนเหมิน ของเรา ตอนนั้นคุณก็ไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้กลับออกมา”
หลินฟาน ไม่ได้ตอบเรื่องนี้ แค่พูดว่า : “เร็วๆ เถอะ เรามีเวลากินข้าวแค่ครึ่งชั่วโมง พอกินข้าวเสร็จแล้ว เรายังต้องรีบเดินทางต่อ”
ในไม่ช้าพวกเขาก็ได้มาถึงร้านอาหารที่อยู่ติดกับถนน สถานที่แห่งนี้มีผู้คนไม่มาก บวกกับตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว ไม่มีใครอยู่บนถนนแล้ว ร้านค้าหลายแห่งเองก็ได้ปิดไปแล้ว
หลินฟาน เพียงแค่อยากหาอะไรมาเติมให้อิ่มท้อง เขาจึงไม่คิดจะเลือก แล้วได้เดินเข้าไปในร้านอาหารที่เจอก่อนทันที ในร้านเองมีลูกค้าอยู่ประปราย และที่นั่งก็มีที่ว่างให้เลือกมากมาย
เถ้าแก่เนี้ย ได้ถือเมนูเดินเข้ามาทักทายอย่างอบอุ่น พร้อมกับพูดว่า : “หนุ่มหล่อ สาวสวย มาหาข้าวกินใช่ไหม เอาๆ เชิญนั่งลงก่อน แล้วดูว่าอยากจะกินอะไร?”
หลินฟาน ที่หาที่นั่งได้แล้ว แต่เขาไม่ได้ดูเมนู เขาเพียงยิ้ม แล้วพูดว่า : “เราขอเป็นกับข้าวง่ายๆ มาสักสองอย่างก็พอครับ ขอเร็วหน่อยนะครับ”
เถ้าแก่เนี้ย ยิ้ม แล้วพูดว่า : “ได้สิ”
หยุน ชิงเย้า ได้สังเกตภายในร้านอาหาร และมองไปที่ หลินฟาน พร้อมกับกล่าวว่า : “ฉันอยากจะไปเข้าห้องน้ำ”
หลินฟาน มองไปภายในร้านอาหาร ห้องน้ำอยู่ด้านในสุด ข้างห้องน้ำมีประตูหลังอยู่บานหนึ่ง หยุน ชิงเย้า อาจยังคงพยายามคิดหลบหนี
“ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณ” หลินฟาน พูดจบเขาก็ได้ยืนขึ้น
เมื่อเดินไปที่ประตูห้องน้ำ หลินฟาน ก็ได้มองเข้าไปข้างใน และเมื่อยืนยันได้แล้วว่าไม่สามารถหลบหนีจากในห้องน้ำได้ เขาจึงได้ให้ หยุน ชิงเย้า เข้าไป ส่วนเขายืนเฝ้าอยู่นอกห้องน้ำ
หยุน ชิงเย้า เดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างจนใจ หลินฟาน จ้องมองอย่างใกล้ชิดขนาดนี้ แผนการหลบหนีของเธอจึงได้ล้มเหลวลงไปอีกครั้งแล้ว
หลินฟาน ยืนอยู่นอกห้องน้ำ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์จากข้างนอกดังสนั่น ที่แท้ในเวลานี้มีรถจักรยานยนต์หลายคันขับเข้ามา แต่ละคันมีคนนั่งอยู่อย่างน้อยสามคน บางคันก็มีถึงสี่คน ทั้งหมดต่างก็ย้อมสีผม การแต่งตัวของวัยรุ่นกลุ่มนี้ ทั้งชายหญิง ไม่ใช่ดูไปตามกระแส คนประเภทนี้พบได้บ่อยทั่วไปในสถานที่เล็กๆ เป็นกลุ่มคนในสังคมที่ว่างงาน หรือไม่ก็ตอนช่วงอายุยังน้อยไม่ค่อยได้อ่านหนังสือ เลยไม่มีงานทํา พากันมั่วสุมไปแบบนี้ทั้งวัน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า อันธพาลน้อย
หลังจากจอดรถอยู่นอกร้านเรียบร้อย วัยรุ่นกลุ่มนี้ก็ได้เดินเข้ามาในร้านอาหาร และได้นั่งลงอย่างไม่ใสใจ พร้อมกับพูดคุย และหัวเราะเหมือนไม่ได้สังเกตเห็นการมีอยู่ของ หลินฟาน
แต่ หลินฟาน จําพวกเขาได้ ในหมู่พวกเขาหลายคนเป็นคนที่เคยปูตะปูสามเหลี่ยมบนถนน เพื่อพยายามสกัดกั้นเขา