[ตอนฟรี] ตอนที่ 12 : เจ้าหญิงแดนโบราณร้องขอโอสถ
หั่วโจว หนึ่งในสามพันดินแดนอมตะหวงเทียน
ขนาดของอาณาเขตนั้นเล็กยิ่งกว่าหวงโจวอันเป็นที่ตั้งของตระกูลจวินอย่างมหาศาล ถึงขนาดที่เมื่อเทียบกันแล้วจะมีพื้นที่เพียงแค่หนึ่งในร้อยของหวงโจวด้วยซ้ำ
แต่ถึงจะมีอาณาเขตเพียงหนึ่งในร้อยเมื่อเทียบกับหวงโจว หั่วโจวก็ยังคงเป็นแดนอมตะที่กว้างใหญ่ไพศาลอยู่ดี
ภายในอาณาเขตของหั่วโจวนั้นไม่ได้มีกองกำลังแบ่งกันปกครองยิบย่อย
แต่มีผู้ที่ปกครองทั่วทั้งแดนหั่วโจวเพียงผู้เดียว นั่นคือดินแดนจูเชวี่ยโบราณ(หงส์เพลิง)
ดินแดนจูเชวี่ยโบราณเป็นดินแดนโบราณที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ถึงแม้จะไม่ยอดเยี่ยมเท่ากับตระกูลโบราณ แต่ก็มีมรดกอันลึกล้ำและมีชื่อเสียงอันทรงเกียรติพอสมควร
นอกจากดินแดนจูเชวี่ยโบราณแล้ว ยังมีดินแดนชิงหลงโบราณ ดินแดนไป๋หู่โบราณและดินแดนเสวียนอู่โบราณด้วยเช่นกัน
ดินแดนโบราณทั้งสี่ยังเป็นที่รู้จักกันในนาม สี่แดนสัตว์เทพโบราณด้วยเช่นกัน
ในเวลานี้ ภายในพระราชวังแห่งดินแดนจูเชวี่ยโบราณ ปรากฏห้องโถงอันโอ่อ่าแห่งหนึ่ง
ที่นั่นมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในชุดคลุมหงส์เพลิงสีทองผสมแดงกำลังนอนอยู่บนเตียง จุดกึ่งกลางระหว่างคิ้วของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ ลมหายใจเต็มไปด้วยความอ่อนแรงราวกับว่าเขากำลังป่วยหนักและเพลิงชีวิตสามารถมอดดับได้ทุกเวลา
ชายคนนี้คือราชาผู้ปกครองดินแดนจูเชวี่ยโบราณ
ด้านข้างเตียง ปรากฏสตรีโฉมงามผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่
นางสวมชุดคลุมขนนกสีเพลิง เสริมด้วยรูปลักษณ์ภายนอกอันอรชร ขาเรียวยาวและผิวขาวราวกับหิมะ
รวมไปถึงผมยาวสลวยสีแดงคล้ายเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชติช่วง
ดวงตาสองข้างสีแดงสดเป็นประกาย จมูกหยกโด่งสูง ริมฝีปากแดงสดใสพร้อมกับฟันขาวกระจ่าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จุดสีชาดตรงกึ่งกลางระหว่างคิ้วของนาง ผสานรวมกับใบหน้าสตรีผู้สูงส่งงดงาม มันยิ่งช่วยเสริมความมีเสน่ห์และแรงดึงดูดของนางมากขึ้นไปอีก
สตรีงามผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น นางคือองค์หญิงแห่งดินแดนจูเชวี่ยโบราณ ไป่ยวี่เอ๋อ
“ท่านพ่อ ยวี่เอ๋อจะตามหาโอสถอมตะและนำมันรักษาท่านพ่อให้ได้ ยวี่เอ๋อสัญญา” ไป่ยวี่เอ๋อกัดริมฝีปากแน่นขณะกล่าว
“ยวี่เอ๋อ มันหนักหนาสาหัสเกินไปสำหรับเจ้า โอสถอมตะไม่ใช่สิ่งที่ลูกจะหามันมาได้ด้วยพละกำลัง…” ราชากล่าวพร้อมส่ายหัวเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาอ่อนแรงอย่างมหาศาลและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
โอสถอมตะ มันคือการคงอยู่ที่ยากจะพบเจอ
แม้แต่เหล่านิกายระดับสูงหรือขุมกำลังระดับต้นๆ ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีในคลังเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นมันก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ขึ้นไปอีกที่จะหยิบยกโอสถอมตะมายื่นให้กับดินแดนจูเชวี่ยโบราณอย่างใจดี
แม้ว่าดินแดนจูเชวี่ยโบราณจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่แข็งแกร่งและมีโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงอยู่จำนวนมาก แต่สำหรับโอสถอมตะนั้น แม้แต่ชิ้นเดียวก็ยังไม่มีให้ครอบครอง
เพราะยังไงก็ตาม ถ้าหากมองออกไปยังโลกภายนอก เมื่อมีสมุนไพรโอสถอมตะจุติขึ้น มันจะจุดชนวนให้เกิดสงครามนองเลือดและขยายขอบเขตไปเรื่อยๆ จนทำให้สายเกินไปเกินกว่าจะแย่งชิงมันมา การได้มาอย่างยากลำบากเช่นนี้แล้วผู้ที่ได้ครอบครองมันจะส่งให้ผู้อื่นไปทำไม?
“ท่านพ่อ ไม่ต้องกังวล ด้วยความสามารถของยวี่เอ๋อแล้ว ยวี่เอ๋อจะต้องได้โอสถอมตะมาอย่างแน่นอน!” ดวงตาของไป่ยวี่เอ๋อแสดงออกถึงความหนักแน่นอันแน่วแน่ แปรเปลี่ยนความเศร้าให้เป็นความเข้มแข็ง
นางเป็นใครกัน?
องค์หญิงแห่งดินแดนจูเชวี่ยโบราณ ผู้ครอบครองเพลิงวิเศษอันสถิตอยู่หว่างคิ้ว ทำให้นางมีพรสวรรค์ที่พิเศษกว่าคนทั่วไป
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรูปลักษณ์ของนางเลย หากมองไปทั่วทั้งแดนอมตะหวงเทียนแล้ว จะกล่าวว่านางคือหนึ่งในสุดที่ของความงามก็ยังได้
เหล่าอัจฉริยะผู้ถูกเลือกโดยสวรรค์ในขุมกำลังต่างๆ ส่วนมากก็เป็นพวกสุนัขขี้ประจบไป่ยวี่เอ๋อกันทั้งนั้น
ดังนั้นบุคลิกอันสูงส่งและเป็นคนเอาแต่ใจของไป่ยวี่เอ๋อจึงถูกก่อตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ
นางเชื่อว่านางมีความสามารถมากพอที่จะช่วยเหลือบิดาและทั้งดินแดนจูเชวี่ยโบราณได้อย่างแน่นอน
“อัจฉริยะจากขุมกำลังเหล่านั้นมีแต่พวกไร้ประโยชน์กันหมด ในยามที่ข้าต้องการพึ่งพา โอสถอมตะซักต้นก็ยังนำออกมาไม่ได้”
“และคู่หมั้นของข้าเซียวเฉิน ในฐานะองค์ชายใหญ่แห่งดินแดนชิงหลงโบราณก็ไร้ความสามารถที่จะหาโอสถอมตะแม้แค่ต้นเดียว”
ไม่นานนักไป่ยวี่เอ๋อก็กรายเท้าออกจากพระราชวังพร้อมใบหน้าอันงดงาม
ผ่านมาไม่กี่ปีหลังจากบิดาของนางประสบเหตุที่ไม่คาดคิด ความแข็งแกร่งโดยรวมของดินแดนจูเชวี่ยโบราณก็เริ่มถดถอยจากที่แย่อยู่แล้วยิ่งวิกฤตขึ้นไปอีก
จากนั้นดินแดนชิงหลงโบราณก็ยื่นมือเข้ามาและมอบข้อเสนอการแต่งงาน
ในเวลานั้น ดินแดนชิงหลงโบราณได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะมอบโอสถอมตะให้กับดินแดนจูเชวี่ยโบราณหนึ่งส่วน
ไป่ยวี่เอ๋อและเซียวเฉิน องค์ชายใหญ่แห่งดินแดนชิงหลงโบราณมีความคุ้นเคยกันนับตั้งแต่เด็ก แม้ว่าทั้งสองจะพยายามรักษาระยะห่าง แต่ก็ถือได้ว่าทั้งคู่มีความชอบพอกันอยู่บ้างและยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอีกด้วย
หลังจากชั่งน้ำหนักอยู่ในใจแล้ว ไป่ยวี่เอ๋อจึงตอบตกลง
ในท้ายที่สุดหลังจากผ่านมานาน สัญญาการแต่งงานก็ถูกเตรียมการจนเสร็จสิ้น แต่โอสถอมตะซักต้นก็ยังไม่โผล่มาให้เห็นแม้แต่เงา
แถมความแข็งแกร่งของดินแดนจูเชวี่ยโบราณกำลังอ่อนแอลงทุกชั่วขณะ นั่นจึงทำให้ดินแดนจูเชวี่ยโบราณไม่อาจมีอำนาจมากพอที่จะทวงถาม
ดังนั้น ไป่ยวี่เอ๋อจึงพึ่งพาได้เพียงแต่ตัวนางเองเพื่อค้นหาโอสถอมตะ
“ข้าควรทำอย่างไรล่ะ ข้าไม่อาจปล่อยให้ท่านพ่อล้มลงได้…”
“เดี๋ยวก่อน ข้าเกือบจะลืมสหายรักของข้าไปแล้ว จวินหลิงหลงใช่รึเปล่านะ?” ไป่ยวี่เอ๋อนึกออกในทันที
ครั้งหนึ่งนางเคยผจญภัยในแดนลับ
นางได้พบกับจวินหลิงหลงในสถานที่แห่งนั้นโดยบังเอิญและทั้งสองเข้ากันได้ค่อนข้างดี แม้ว่าในภายหลังนางจะไม่ได้ติดต่อกับจวินหลิงหลงมากนัก แต่ด้วยลักษณะนิสัยของจวินหลิงหลงแล้ว นางจะต้องไม่เมินเฉยอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ตระกูลจวินจะต้องมีโอสถอมตะอย่างแน่นอน
เมื่อนึกทุกอย่างได้ ไป่ยวี่เอ๋อหายใจแทบจะไม่ทั่วท้องและรีบหยิบแผ่นหยกเพื่อส่งข่าวออกไป
อีกด้านหนึ่ง จวินหลิงหลงก็ได้รับข่าวขณะที่กำลังฝึกฝนอยู่ในโถงด้านข้างของพระราชวังเทียนตี้
“ราชาจูเชวี่ยกำลังป่วยหนักและต้องการโอสถอมตะเพื่อรักษาเขา?” จวินหลิงหลงขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากได้รับข่าว
กล่าวตามตรง หากไม่ใช่เพราะไป่ยวี่เอ๋อส่งข่าวมาให้ นางคงลืมเกี่ยวกับ “สหายรัก” ผู้นี้ไปแล้ว
แม้ว่าไป่ยวี่เอ๋อคือองค์หญิงแห่งดินแดนโบราณผู้มีสถานะสูงส่ง แต่จวินหลิงหลงนั้นคือธิดาอันภาคภูมิแห่งตระกูลโบราณ
อย่าได้มองนางเป็นเพียงแค่สาวใช้ส่วนตัวของจวินเซียวเหยา อย่างไรนางก็ยังคงเป็นธิดาสูงศักดิ์แห่งตระกูลจวินอันเป็นที่หมายปองจากทุกสารทิศ
“ทันทีที่เจ้าเอ่ยคำขอ มันกลับเป็นถึงโอสถอมตะ ช่างเป็นความต้องการที่มหาศาลยิ่งนัก แต่อย่างไรมันก็ยังรับได้ในฐานะที่ข้ากับนางเป็นคนรู้จักกัน” จวินหลิงหลงขมวดคิ้วเล็กน้อย
ปัญหาคือนางไม่มีโอสถอมตะ
ในเวลาเดียวกัน ข้อความเสียงถูกส่งตรงเข้ามาในความคิดของจวินหลิงหลง
“หลิงหลง ชงชา”
จวินหลิงหลงรีบลุกขึ้นในทันที มันเป็นจวินเซียวเหยาผู้ขอให้จวินหลิงหลงชงชา
ภายในบ่อน้ำพุร้อนซึ่งเต็มไปด้วยปราณอมตะ ร่างกายส่วนบนของจวินเซียวเหยากำลังเปลือยเปล่าแสดงให้เห็นรูปลักษณ์ราวกับประติมากรรมที่แกะสลักด้วยหยกเทวะจนอาจทำให้ผู้มองตาพร่ามัวได้
จวินเซียวเหยาผู้มีอายุครบแปดขวบยามนี้มีร่างกายที่สูงโปร่ง
ด้านข้าง จวินหลิงหลงเข้ามาหาพร้อมกับนำชาแห่งการรู้แจ้งมาให้กับจวินเซียวเหยา
เมื่อเห็นจวินเซียวเหยากำลังเบ่งบานอย่างประณีต เริ่มหล่อมากขึ้นและมากขึ้นไปอีก จวินหลิงหลงถึงกับตกอยู่ในภวังค์ราวกับว่านางกำลังบ่มเพาะอยู่
“มีอะไรงั้นหรือ มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า?” จวินเซียวเหยาจิบชาหนึ่งทีและกล่าวเบาๆ
“ไม่มีค่ะนายท่าน” ขนตาของจวินหลิงหลงสั่นเล็กน้อย
“บอกข้ามาเถอะ เจ้าคิดว่าจะปิดบังมันจากข้าได้งั้นหรอ?” จวินเซียวเหยาส่ายหัวและยิ้ม
จวินหลิงหลงกัดริมฝีปากเล็กน้อยและในที่สุดก็ยอมบอกเรื่องราวเกี่ยวกับไป่ยวี่เอ๋อ
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าไม่ได้ขาดแคลนโอสถอมตะหรอกนะ” จวินเซียวเหยายักไหล่
ในคราวที่อยู่ ณ ศิลาจารึกโบราณไท่เยว่ เขาได้รับโอสถอมตะมาสามต้นและต่อมาภายหลัง ท่านบรรพชนที่สิบแปดก็ได้มอบโอสถอมตะให้เขาอีกทีละต้นติดต่อกันห้าครั้ง รวมเป็นแปดต้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จวินเซียวเหยาได้หลอมกลั่นโอสถอมตะเพียงสามต้น ตอนนี้จึงเหลือห้าต้น
“ในเมื่อนางเป็นคนรู้จักของเจ้า มอบให้หนึ่งชิ้นย่อมไม่หนักหนา แต่บอกให้นางเข้ามารับด้วยตัวเอง” จวินเซียวเหยาโบกมือ
“แค่นั้นเองหรือ?” จวินหลิงหลงตะลึงเล็กน้อย
นางไม่อาจเข้าใจโลกของชายหนุ่มผู้นี้ได้จริงๆ!
แต่จวินหลิงหลงยังคงพยักหน้าเล็กน้อยและตอบกลับไป่ยวี่เอ๋อ
บนปากของจวินเซียวเหยาได้ปรากฏรอยยิ้มจางๆ
โดยธรรมชาติ เขาไม่ได้อยากจะเป็นนักบุญผู้ใจดีหรอก แต่เขามีความคิดและแผนการของตัวเองในใจแล้ว
ให้ความใจดีเหล่านั้นเป็นแสงสว่างนำทางที่ถูกต้องสำหรับเขาแทนก็แล้วกัน
ลักษณะนิสัยอย่างนักบุญผู้ใจกว้างย่อมไม่เหมาะสมกับเขา
หากพูดเกี่ยวกับโอสถอมตะ ถึงแม้จวินเซียวเหยาจะไม่ได้ให้ความสนใจมันมากนัก แต่เขาก็ไม่ได้ใจกว้างมากพอที่จะแจกจ่ายมันให้คนอื่น
“เหล่าลำดับของตระกูลจวินไม่เพียงแต่มีสายตระกูลคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเท่านั้น แต่ยังมีขุมกำลังใต้อาณัติอื่นอีกด้วย แม้แต่จวินจ้างเจี้ยนก็ยังมีขุมกำลังอย่างนิกายกระบี่โบราณสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง”
ขุมกำลังใต้อาณัติเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นตรงกับตระกูลจวิน แต่ขึ้นตรงกับปัจเจกบุคคล
“ดินแดนจูเชวี่ยโบราณ ถึงแม้ความแข็งแกร่งโดยรวมจะถดถอยลงในหลายปีที่ผ่านมา แต่อูฐผอมแห้งก็ยังตัวใหญ่กว่าม้าอยู่ดี* ดังนั้นการยึดครองย่อมสามารถทำได้ และอาจยึดครองอีกสามดินแดนที่เหลือให้เป็นขุมกำลังใต้อาณัติได้ด้วยเช่นกัน”
จวินเซียวเหยากำลังคิดวางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้
ท้ายที่สุดแล้วเขาคือลำดับศูนย์ หากไม่มีขุมกำลังใต้อาณัติคอยสนับสนุน มันคงจะดูกระจอกไปหน่อย
ไพ่ลับในมือที่ควรมีก็ต้องมีไว้บ้าง
สำหรับไป่ยวี่เอ๋อ มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่นางจะได้โอสถอมตะโดยไม่เสียอะไรเลย?
จวินเซียวเหยาไม่ได้ทำการกุศล เขาจะไม่ทำสิ่งที่เขาไม่ได้รับผลประโยชน์แน่นอน
และไป่ยวี่เอ๋อที่ได้รับคำตอบจากจวินหลิงหลงก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
ความรู้สึกเช่นนี้มันช่างเหมือนกับฝนตกกระหน่ำหลังจากผ่านความแห้งแล้งมายาวนาน
มันเพียงแค่คำกล่าวของจวินหลิงหลงทำให้ไป่ยวี่เอ๋อจมลงสู่ห้วงความคิด
เพราะมันไม่ใช่ตัวของจวินหลิงหลงที่ต้องการมอบโอสถอมตะให้กับนาง
“นายน้อยแห่งตระกูลจวินสัญญาว่าจะมอบโอสถอมตะให้กับข้า เป็นไปได้รึไม่ว่าเขามีความคิดบางอย่างต่อข้า?”
ไปยวี่เอ๋ออดที่จะคิดไม่ได้
นางค่อนข้างมีความมั่นใจกับรูปลักษณ์ของตัวเองและนางคือสตรีงามอันดับหนึ่งในดินแดนจูเชวี่ยโบราณ
ทั่วทั้งแดนอมตะหวงเทียน ชื่อเสียงนางค่อนข้างเป็นที่รู้จักกันดี
ในความคิดของนางนั้น บุคคลที่เต็มใจจะมอบโอสถอมตะให้กับนางจะต้องเป็นพวกกระหายในร่างกายของนางแน่นอน
“แน่นอนว่าแม้แต่อัจฉริยะของตระกูลจวินก็มิได้แตกต่าง” ไป่ยวี่เอ๋อแอบรู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก
ดูเหมือนว่าอัจฉริยะตระกูลจวินจะไม่ได้มีความพิเศษอย่างที่จินตนาการไว้
“แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ข้าต้องได้รับโอสถอมตะและนำมันมารักษาท่านพ่อก่อนเป็นอันดับแรก”
ไป่ยวี่เอ๋อส่ายหัวและเตรียมตัวเดินทางออกจากหั่วโจว
*ถึงจะอ่อนแอลง แต่ก็ยังแข็งแกร่งมากอยู่ดี
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่สละเวลาอ่านจนจบ)