[ตอนฟรี] ตอนที่ 10 : แลกเปลี่ยนความรู้กับจวินจ้างเจี้ยน
ก่อนหน้านั้นจวินจ้างเจี้ยนได้ยินมาจากผู้อาวุโสในสายของเขาลือกันว่ากายาของจวินเซียวเหยาคือกายาเทพบรรพกาล
ในตอนนั้นจวินจ้างเจี้ยนยังคงมีความข้องใจอยู่บ้าง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่ากายาเทพบรรพกาลแทบจะสูญสิ้นไปแล้วในช่วงเวลาปัจจุบัน ถึงแม้จะปรากฏขึ้นมาอีก มันก็จะเลือนหายไปภายในเวลาไม่นาน
เพราะนับตั้งแต่โบราณกาล แวดล้อมของสวรรค์และปฐพีได้แปรเปลี่ยนให้กายาเทพบรรพกาลไม่เหมาะกับการบ่มเพาะ แม้แต่ตรวนจากฟ้ายังตกลงมาเพื่อพันธนาการการบ่มเพาะของกายาเทพบรรพกาลด้วยซ้ำ
หากจวินเซียวเหยามีกายาเทพบรรพกาลจริงๆ มันก็เท่ากับว่าเขามีกายาสุดแสนจะไร้ค่านั่นเอง
ถามหน่อยว่าแล้วท่านบรรพชนที่สิบแปดจะให้ค่ากายาที่ไร้พลังไปเพื่ออะไร?
ดังนั้น จวินจ้างเจี้ยนจึงเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าจวินเซียวเหยาอาจมีกายาบางรูปแบบที่คล้ายคลึงกับกายาเทพบรรพกาล
แต่ในตอนนี้ เมื่อเขาเห็นจวินเซียวเหยาปลดปล่อยพลังปราณทองคำออกมา มันดูคล้ายคลึงกับกายาเทพบรรพกาลโดยแท้จริง
เพราะกายาเทพบรรพกาลจะถือกำเนิดมาพร้อมกับทะเลจิตวิญญาณทอง แม้แต่โลหิตยังเป็นโลหิตทองคำอันศักดิ์สิทธิ์
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าน้องชายเซียวเหยามีกายาเทพบรรพกาลอย่างที่คนเขาลือกันจริงๆ?” จวินจ้างเจี้ยนถามอย่างฉงน
“ถูกต้อง” จวินเซียวเหยาพยักหน้าช้าๆ
เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร และตัวเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังมัน
เมื่อได้รับการยืนยันจากจวินเซียวเหยา ดวงตาของจวินจ้างเจี้ยนพลันลุกโชน หลานชิงหย่าที่หมอบอยู่บนพื้นตกตะลึงด้วยเช่นกัน
“กลายเป็นว่ามันคือกายาเทพบรรพกาลจริงๆ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมจวินจ้างเจี้ยนจะต้องหวาดกลัวกายาขยะประเภทนี้ด้วย…” หลานชิงหย่าก้มหัวนางลงเพื่อปกปิดความเกลียดชังที่ซ่อนลึกอยู่ในดวงตาของนาง
ความอัปยศอดสูในวันนี้จะสลักอยู่ในจิตใจของนางไปจนนิรันดร์
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” จวินจ้างเจี้ยนป้องมือลา
เมื่อเสียเนื้อชิ้นโตไปแล้ว จวินจ้างเจี้ยนจึงไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป
“เดี๋ยวก่อน…” จวินเซียวเหยาเอ่ยกะทันหัน
“น้องชายเซียวเหยา เจ้า…” มุมปากของจวินจ้างเจี้ยนกระตุกเล็กน้อย
คงไม่ใช่ว่าน้องชายผู้นี้จะโลภมากจนอยากจะเขมือบช้างทั้งตัวหรอกนะ?
“แค่ก… พี่ชายจ้างเจี้ยน ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว เราสองคนเพิ่งพบกัน ข้าจึงอยากจะแลกเปลี่ยนความรู้กับท่านเท่านั้นเอง” จวินเซียวเหยาไอแห้ง
ความประหลาดใจปรากฏในดวงตาของจวินจ้างเจี้ยน เขาส่ายหัวและยิ้มเล็กน้อย “น้องชายเซียวเหยา เจ้ายังเด็กเกินไปสำหรับข้าและมันยังไม่จำเป็นในตอนนี้ รอให้เจ้าโตขึ้นก่อนแล้วเราสองคนค่อยแลกเปลี่ยนความรู้กันก็ยังไม่สาย”
จวินเซียวเหยาเพิ่งจะสามขวบ ในขณะที่จวินจ้างเจี้ยนอายุปาเข้าไปสิบสามหรือสิบสี่ปีแล้ว
หากเขาทำให้จวินเซียวเหยาบาดเจ็บขึ้นมา เขาคงไม่อาจแบกรับความพิโรธของบรรพชนที่สิบแปดได้
ดังนั้นจวินจ้างเจี้ยนจึงปฏิเสธโดยตรง
“มันก็แค่การแลกเปลี่ยนความรู้ ข้าหวังว่าพี่ชายจ้างเจี้ยนจะยินยอม” จวินเซียวเหยายังยืนกราน
“เฮ้อ ถ้าเช่นนั้นก็ย่อมได้ แต่ข้าหวังว่าน้องชายจะรู้ขีดจำกัดของตัวเองนะ” ใบหน้าจวินจ้างเจี้ยนสงบนิ่งคงเดิม
ในเรื่องของสถานะ แน่นอนว่าเขาย่อมด้อยกว่าจวินเซียวเหยา
แต่ในเรื่องของระดับการบ่มเพาะ เขาสามารถบดขยี้จวินเซียวเหยาได้อย่างง่ายดาย
ถัดมาไม่นาน ทั้งสองได้มาถึงลานกว้างภายนอกพระราชวังเทียนตี้
ในเวลานี้ ภายนอกพระราชวังเทียนตี้ได้มีสมาชิกตระกูลจวินหลายคนมารวมตัวกันเพื่อรับชมความสนุกสนานพลางสนทนากันจอแจและพากันคาดเดาว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
เมื่อพวกเขาเห็นจวินเซียวเหยาและจวินจ้างเจี้ยนมีท่าทีราวกับว่ากำลังจะเริ่มต่อสู้ ทุกคนต่างพากันตกตะลึง
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ไม่ใช่ว่าพวกเขามาเพื่อขอโทษขอโพยกันหรอกรึ ทำไมถึงต้องสู้กันล่ะ?”
“ไม่ ตัดสินจากท่าทางของบุตรพระเจ้าเซียวเหยาแล้ว พวกเขาไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกัน ควรจะเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ซะมากกว่า” บางคนที่มีสายตาเฉียบคมมองเห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ภายในดวงตาของผู้ชมทั้งหมดต่างแสดงออกถึงความสนใจ
การแลกเปลี่ยนของทั้งสองคนน่าสนใจอย่างยิ่ง
ด้านหนึ่งคือบุตรพระเจ้าผู้มีประกายรัศมีอันยิ่งใหญ่นับตั้งแต่ถือกำเนิด ส่วนอีกด้านคือลำดับสิบผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมายาวนาน
ยังไงก็ตาม ดูจากอายุและระดับการบ่มเพาะแล้วย่อมไม่มีใครคิดว่าจวินเซียวเหยาจะสามารถเอาชนะจวินจ้างเจี้ยนได้ แต่เหล่าผู้ชมก็ยังคงลงพนันกันอยู่ดี
“เจ้าคิดว่าบุตรพระเจ้าจะอยู่รอดภายใต้น้ำมือของจวินจ้างเจี้ยนได้กี่กระบวนท่า?”
“ข้าเดาว่าสามกระบวนท่า”
“ไม่ได้ เจ้าต้องลงขันขั้นต่ำที่สิบกระบวนท่า”
ได้ยินเหล่าผู้ชมพูดคุยกัน มุมปากของจวินจ้างเจี้ยนถึงกับกระตุกโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าการมอบเหรียญตราจ้าวเทวะหยวนเทียนจะทำให้หัวใจของเขาหลั่งโลหิต แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะถึงเวลาแสดงความโดดเด่นของตัวเองบ้างแล้ว
“น้องชายเซียวเหยา ระวังตัวด้วย!”
จวินจ้างเจี้ยนกล่าวเตือน
ลมหายใจแห่งขอบเขตวิหารศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งอย่างบ้าคลั่ง เขาตวัดนิ้วไปทางจวินเซียวเหยาแทนกระบี่โดยไม่ได้ใช้วิทยายุทธใดเข้ามาช่วย
เมื่อจวินเซียวเหยาเห็นการเคลื่อนไหวนี้ เขาก็เคลื่อนไหวอย่างเรียบง่ายเช่นกัน เพียงห้านิ้วสร้างเป็นกำปั้นและต่อยออกไป
อนุภาคหนึ่งพันคชสารยักษ์ที่ตื่นขึ้นภายในร่างกายปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์สิบล้านจินอันน่าสะพรึง
ด้วยการต่อยนี้ ความว่างเปล่าถึงกับบิดเบี้ยว คลื่นลมขนาดมหึมาระเบิดออกมาพร้อมกับการต่อยอย่างรุนแรง!
เมื่อสัมผัสถึงพลังอันมหาศาล ใบหน้าของจวินจ้างเจี้ยนเปลี่ยนไปในทันที เขารีบถอนมือกลับแต่ไม่อาจหลบหลีกได้ทัน
ตูมม!
เกิดเสียงดังสนั่นและตามมาด้วยเสียงแตกหักของกระดูก ร่างของจวินจ้างเจี้ยนถูกกระแทกไปในอากาศราวกับกระสุนปืนใหญ่และกระดูกนิ้วทั้งหมดของเขาถูกป่นจนละเอียด
ฉากที่เกิดขึ้นสร้างความตกตะลึงให้กับผู้ชมทั้งหมดที่กำลังดูอย่างสนุกสนาน
เกิดอะไรขึ้น?
หลานชิงหย่าที่ตามมาถึงกับแข็งทื่อเช่นกัน
ดวงตาอันงดงามของจวินหลิงหลงเป็นประกายสดใส นางติดตามไม่ผิดคนจริงๆ
“คึ่ก…” จวินจ้างเจี้ยนรู้สึกขายหน้า กระดูกนิ้วมือของเขาหัก แม้แต่ความหวาดกลัวยังปรากฏในแววตาของเขา
พลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงนั่นสร้างความกลัวให้กับเขา
ตัวของจวินเซียวเหยาเองยังประหลาดใจเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าจวินจ้างเจี้ยนคือลำดับสิบแห่งตระกูลจวิน? ควรจะต้องทรงพลังสุดๆ ไม่ใช่หรือ?
แต่กลับมีแค่นี้? แค่นี้เองอะ?
จวินเซียวเหยากล่าวด้วยสีหน้ามืดมน “พี่ชายจ้างเจี้ยน ท่านไม่ควรออมมือให้ข้าเพียงเพราะข้ายังเด็ก การทำเช่นนี้มันเป็นการดูถูกข้านะ”
สิ้นประโยค จวินเซียวเหยาก็เป็นฝ่ายเริ่มลงมือ
สีหน้าของจวินจ้างเจี้ยนเปลี่ยนไปอีกครั้งและรู้สึกขมขื่นไปด้วยในเวลาเดียวกัน
ข้าสาบานกับพระเจ้าได้เลยว่าข้าไม่ได้ออมมือแม้แต่น้อย
ยังไงก็ตาม ไม่ใช่แค่จวินเซียวเหยา กระทั่งเหล่าผู้ชมก็พูดคุยถึงเรื่องนี้เช่นกัน พวกเขาทั้งหมดล้วนคิดว่าจวินจ้างเจี้ยนกำลังออมมือให้กับจวินเซียวเหยา
“เก้ากระบี่ฟ้าสาง!”
เห็นจวินเซียวเหยาโจมตีอีกครั้ง จวินจ้างเจี้ยนไม่มีทางเลือกนอกจากจำใจต้องสู้กลับด้วยพลังทั้งหมด
เขาฟันแสงกระบี่ออกไปเก้าเส้น แต่ละเส้นฉีกกระชากอากาศและสร้างความผันผวนอย่างรุนแรงจนก่อให้เกิดคลื่นกระแทกอันทรงพลัง
“เทพนรกปกปัก!”
จวินเซียวเหยากระตุ้นทักษะการป้องกันที่เรียนรู้จากพลังเทพคชสารทลายโลกันตร์โดยตรง
ในฉับพลัน ร่างเงาราวกับเทพผู้ปกครองนรกได้จุติมาบนโลกและปกป้องคุ้มกันร่างกายของเขาทั้งหมด
แสงกระบี่เก้าเส้นชนเข้ากับร่างเงาของเทพแห่งนรกและแตกเป็นละอองแสงในทันที
จวินเซียวเหยาพุ่งออกไปอีกครั้งและคู่ปีกสีดำทมิฬได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง มันคือทักษะปีกมาร
ความเร็วของเขาพุ่งทะยานทันทีที่ปีกมารปรากฏ เสี้ยวพริบตาเดียวก็มาถึงด้านหน้าของจวินจ้างเจี้ยน
“หอกเทพอเวจี!”
จวินเซียวเหยายกมือขึ้นคว้าไปที่อากาศ ปราณทองคำควบแน่นกลายเป็นหอกม่วงแกมดำ เปลวเพลิงนรกลุกไหม้โดยรอบเล่มหอกราวกับสามารถทะลวงได้ทุกสรรพสิ่งในจักรวาล
“เคล็ดกระบี่จักรพรรดิม่วง!”
จวินจ้างเจี้ยนรีบเปิดใช้งานไพ่ตายของตัวเองอย่างร้อนรนและฟาดคมกระบี่ม่วงตัดผ่านท้องฟ้ากลับไปทันที
ตูมม!
เกิดแรงปะทุขนาดใหญ่จากการปะทะของสองทักษะ แต่ในเสี้ยวขณะสุดท้าย หอกเทพอเวจีที่เสริมด้วยพละกำลังอันมหึมานับสิบล้านจินได้ทะลวงผ่านคมกระบี่ม่วงโดยตรงและมุ่งตรงไปทางจวินจ้างเจี้ยนโดยไม่มีทีท่าว่าจะลดความเร็วลง
จวินจ้างเจี้ยนรีบปลดปล่อยกระบี่ยาวด้านหลังตัวเองและพยายามยับยั้งหอกเทพอเวจีที่กำลังพุ่งมา
ตูมมม!
เกิดเสียงดังสนั่นจากการปะทะกัน กระบี่ยาวในมือของจวินจ้างเจี้ยนหลุดกระเด็นไปในอากาศและตัวของเขาพุ่งไปในอากาศจนชนกับผนังอีกด้านหนึ่ง
ดวงตาของเหล่าสมาชิกตระกูลที่มาเพื่อรับชมความสนุกเกือบจะทะลักออกมาและแสดงออกถึงความตกตะลึงสุดขีด
นั่นแค่สามหรือสี่กระบวนท่าเอง ใช่มั้ย?
ลำดับสิบจวินจ้างเจี้ยนถึงกับถูกทุบตีจนไปนอนกองกับพื้น?
ถึงจะเป็นการออมมือให้ แต่ไม่น่าจะต้องออมมือถึงขนาดนี้เลยนี่
ตอนนี้ แม้แต่จวินเซียวเหยาก็รู้สึกตัว
กลายเป็นว่าจวินจ้างเจี้ยนไม่ได้ออมมือ แต่มันเป็นเพราะเขาแข็งแกร่งเกินไป
เมื่อนึกได้ว่าเข้าใจจวินจ้างเจี้ยนผิดไป จวินเซียวเหยาทำได้เพียงแค่อาบส่ายหน้าและตำหนิตัวเองอย่างหนัก
เขาเดินไปหาจวินจ้างเจี้ยนที่กำลังนอนอับอายอยู่และกล่าวอย่างรู้สึกผิด “ข้าขออภัยด้วยพี่ชายจ้างเจี้ยน ข้าเข้าใจท่านผิดคิดว่าท่านออมมือให้กับข้า ข้าไม่ได้คาดคิดเลยว่าท่านกำลังเอาจริง…”
เมื่อจวินจ้างเจี้ยนได้ยินประโยคนี้ เลือดที่เพิ่งกลืนลงไปเกือบกระอักกลับออกมา
เจ้าเก็บไว้ในใจบ้างเถอะ ไม่ต้องพูดทุกประโยคที่คิดก็ได้ เจ้าบ้า!
(หากมีคำแนะนำหรือข้อติเตียน สามารถคอมเมนท์เพื่อบอกกล่าวได้นะครับ ^ ^ ขอบพระคุณมากครับที่อ่านจนจบ)