สุดยอดอัศวิน บทที่ 37 : เหตุไม่คาดฝัน
สุดยอดอัศวิน บทที่ 37 : เหตุไม่คาดฝัน
อ้าก!
บาดแผลดูน่าเกลียดยาวหลายสิบเซนติเมตรบนร่างหุ่นเชิดศพ แขนขวาทั้งแขนถึงกับหัก แต่หุ่นเชิดศพยังคงกระโจนใส่ฌอนอีกครั้งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หวืด!
สิ่งที่ทักทายกลับก็คือประกายแสงของดาบสีเงิน
ประกายแสงสีเงินฟาดลงไปยังต้นคอ
หลังจากยืนยันได้ว่าการป้องกันของหุ่นเชิดศพนั้นแข็งแกร่งมาก ฌอนจึงตัดสินใจโจมตีจุดอ่อนของมัน
ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ต่างก็มีจุดอ่อนที่ตายตัว เช่น หัวใจที่ทำให้เลือดไหลเวียน หรือคอที่เชื่อมต่อกับหัว
ฌอนไม่แน่ใจว่าทั้งสองนี้เป็นจุดอ่อนของหุ่นเชิดศพที่กลับมาจากนรกหรือไม่ แต่เขาก็ตัดสินใจลองดู
แต่หัวใจของหุ่นเชิดศพนั้นได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนาจากกล้ามเนื้อและกระดูก ดูเหมือนว่าฌอนจะแทงมันด้วยดาบไม่ได้ ดังนั้นจึงเลือกฟันที่คอ เพราะจุดนั้นอาจมีการป้องกันอ่อนแอที่สุด
ฉึก!
ดาบอัศวินฟันผ่านเนื้อต้นคอของตหุ่นเชิดศพ แต่กลับไม่ถูกดาบเฉือนออกอย่างที่ฌอนคาดไว้
ในช่วงเวลาสำคัญ สัญชาตญาณของหุ่นเชิดศพก็ทำงานเหมือนรู้สึกถึงอันตรายได้ หุ่นเชิดศพจึงตวัดกรงเล็บอันแหลมคมที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียว ยกขึ้นมาสกัดกั้นดาบของฌอนไว้
ดาบยาวฟันกรงเล็บอันแหลมคมที่เหลืออยู่ของหุ่นเชิดศพ แต่ก็ไม่สามารถตัดได้ ทำได้แค่สร้างรอยขีดข่วนตื้น ๆ ไว้บนคอของมันเท่านั้น และจากนั้นมันก็เริ่มหมดแรง
กรรร!
แม้กรงเล็บอันแหลมคมทั้งสองข้างจะถูกตัดออก แต่หุ่นเชิดศพก็ยังคงดุร้าย เพราะมันไม่มีความกลัวและไม่มีภูมิปัญญาที่เคยเป็นของมนุษย์เหลืออีกแล้ว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าศพที่อยู่ตรงหน้าฌอนไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป แต่เป็นเพียงสัตว์ประหลาดที่กระหายเลือด
หวืด!
ประกายแสงวิบวับขึ้นอีกครั้ง
ดาบยาวถูกเหวี่ยงไปยังต้นคอของหุ่นเชิดศพ แม้ว่าฌอนจะประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ลังเล คราวนี้ฌอนเหวี่ยงดาบออกไปด้วยความมั่นใจ โดยเล็งไปที่ต้นคอของหุ่นเชิดศพที่มีการป้องกันอ่อนแอที่สุด
กรงเล็บอันแหลมคมถูกตัดออกไปทั้งสองข้าง จึงไม่มีวิธีป้องกันอื่นแล้ว เมื่อหุ่นเชิดศพเห็นประกายแสงจากดาบส่องมา ก็ตอบสนองตามสัญชาตญาณ รีบเดินเซไปด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยง
แต่ดาบเหวี่ยงมาเร็วเกินไป หุ่นเชิดศพจึงมีเวลาเพียงครึ่งวินาทีในการหลบหลีก แต่ไม่ทันการ ดาบก็ถูกเหวี่ยงมายังต้นคอแล้ว
ฉึบ!
ครั้งนี้ไม่มีอะไรผิดพลาด ดาบอัศวินสีเงินฟันเข้าที่ต้นคอของหุ่นเชิดศพอย่างแม่นยำ
หวืด!
หัวกลม ๆ กลิ้งลงบนพื้น หลังจากนั้นร่างของหุ่นเชิดศพก็ก้าวไปข้างหน้า ก่อนล้มลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ปรากฏว่าหัวเป็นจุดอ่อนของมันจริง ๆ
“ไม่เลวนี่”
เมื่อเห็นฌอนฆ่าหุ่นเชิดศพด้วยการฟันดาบสี่ครั้ง ชายผู้มีแผลเป็นก็พยักหน้าเล็กน้อย
เพียงการฟันดาบสี่ครั้งเท่านั้น ตั้งแต่เริ่มจนจบ หุ่นเชิดศพก็ถูกสังหารลง สำหรับคนที่เจอหุ่นเชิดศพครั้งแรกถือว่าไม่เลวเลย
ครืด!
ประตูเหล็กเปิดออก ฌอนถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วเดินออกไป เขาได้รับการต้อนรับด้วยสายตาอันน่าเกรงขามจากนักเรียนทุกคน
ฟันดาบสี่ครั้งก็ฆ่าหุ่นเชิดศพได้ ในสายตาของชายผู้มีแผลเป็น ถือว่าทำได้ดี แต่ในสายตาของนักเรียนทุกคน มันเป็นภาพที่น่ากลัว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฌอนแข็งแกร่งมากจริง ๆ!
แม้วอลเลซจะทำให้พวกเขาไม่กล้ายุ่งกับฌอนหรือสนิทสนมกัน แต่ความกลัวเรื่องแบบนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับการสนิทสนม
“นี่คือพลังของเขาเหรอ?”
ถ้าจะบอกว่านักเรียนส่วนใหญ่เห็นแต่พลังของฌอนนั้นแข็งแกร่งมาก แต่อาจารย์เชาเซอร์ก็เป็นคนที่เห็นความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฌอนจริง ๆ มากกว่าใคร
เขารู้ดีว่าการป้องกันของหุ่นเชิดศพนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน แม้หุ่นเชิดศพที่แข็งแกร่งนี้จะมีอุ้งเท้าหนา กรงเล็บอันแหลมคมอีกสองข้าง แต่หัวที่ถูกตัดขาดด้วยดาบของฌอน สามารถประเมินได้ว่าความแข็งแกร่งของฌอนในตอนนี้ คงแข็งแกร่งอย่างน้อยประมาณ 1,700 กิโรกรัม ความแข็งแกร่งนี้ถือว่าจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของอัศวินระดับสูงเลย
“ต่อไป…”
หลังจากฌอนทดสอบจบ การทดสอบสู้กับหุ่นเชิดศพก็ดำเนินต่อไป แต่คนที่ขึ้นไปนั้นแย่กว่าฌอนมาก
แม้แต่แธ็คเกอร์เรย์ซึ่งเคยเป็นนักเรียนที่แข็งแกร่งที่สุดในห้อง 6 ของชั้นปีที่ 3 ก็ใช้มากกว่า 20 กระบวนท่าเพื่อสังหารหุ่นเชิดศพ หุ่นเชิดศพถูกตัดหัวจากนักเรียนบางคนที่เหลือ แต่ที่เหลือนั้น เป็นเพราะพวกเขาประหม่าเกินไป จึงทำผิดพลาดร้ายแรงและเกือบติดเชื้อจากหุ่นเชิดศพ โชคดีที่ในช่วงเวลาวิกฤต ผู้ชายผู้มีแผลเป็นได้เข้ามาช่วยชีวิตเอาไว้ แต่การทดสอบของพวกเขาก็ถือว่าล้มเหลว
แม้ความแข็งแกร่งของหุ่นเชิดศพจะไม่ดีเท่านักเรียนคนอื่นๆ ในปัจจุบัน แต่นักเรียนเหล่านี้บางคนก็ไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งได้ถึงครึ่งหนึ่งจากปกติ เพราะพวกเขาประหม่าเกินไป และเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะล้มเหลวในการทดสอบ
“เยี่ยม!”
เมื่อมองไปยังมัวร์ที่เดินออกมาจากกรงเหล็ก ฌอนก็แสดงรอยยิ้มบนใบหน้าและยกนิ้วโป้งให้อีกฝ่าย
“เฮ้ ต้องเยี่ยมอยู่แล้ว ไม่ต้องดูก็รู้ว่าใครชนะ”
มัวร์ยอมรับคำชมของฌอนโดยไม่ลังเล
ในกรงเหล็กที่อยู่ข้างหลัง ซากหุ่นเชิดศพล้มลงกับพื้นเมื่อถูกตัดหัว
แม้ในแง่ของความแข็งแกร่ง มัวร์จะอยู่ในระดับปานกลางของห้อง 6 เท่านั้น แต่ในแง่ของจิตใจ มัวร์ดีมากจริง ๆ บวกกับความแข็งแกร่งปกติ 80% แล้ว จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะฆ่าหุ่นเชิดศพได้
ในไม่ช้า ผู้คนมากกว่าครึ่งก็ได้เข้าร่วมการทดสอบ แต่มีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้นที่ผ่านการทดสอบ และมีมากกว่าสองในสามของผู้คนที่ล้มเหลว
“ต่อไป!”
ชายผู้มีแผลเป็นพูดซ้ำไปซ้ำมา เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เด็กชายผมสีน้ำตาลขี้อายก็เดินเข้ามา
ฌอนไม่คุ้นเคยกับคนนี้เลย แถมอีกฝ่ายก็ไม่ค่อยได้พูดอะไรกับใคร ฌอนรู้เพียงว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายนั้นสามารถจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของห้องได้เลย
เมื่อเห็นเด็กชายผมสีน้ำตาลก้าวเข้ามา ชายผู้มีแผลเป็นก็ล็อกประตูเหล็ก จากนั้นก็มองไปยังอัศวินที่ควบคุมกุญแจแล้วพูดว่า
“ปิดประตู”
“ครับ”
เมื่อได้ยินคำสั่ง อัศวินของทางโรงเรียนก็ตอบรับด้วยความเคารพ จากนั้นก็สับกุญแจลง
ครืด!
เสียงของเครื่องกลไกทำงาน ประตูที่อยู่ไกลจากกรงเหล็กขนาดใหญ่ก็เปิดออก หุ่นเชิดศพที่สวมเสื้อผ้ามิดชิดวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว วิ่งไถลไปกับกรงด้านข้างจนเกิดเสียงดัง
เด็กชายผมสีน้ำตาลถือดาบอัศวินไว้ในมือ และมองไปยังทิศทางที่หุ่นเชิดศพวิ่งเข้ามา ฝ่ามือของเขามีเหงื่อเย็นผุดขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดในใจของเขาในตอนนี้
ตึกๆๆ!
เสียงฝีเท้าดังมาจากที่ไกลและใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุด หุ่นเชิดศพก็พุ่งเข้ามาในกรงเหล็กขนาดใหญ่
มันมองไปรอบ ๆ กรงเหล็กขนาดใหญ่ และในไม่ช้าก็พบเด็กชายผมสีน้ำตาลถือดาบอัศวินอยู่
กรรร!
หุ่นเชิดศพคำรามและพุ่งเข้าไปหาเด็กชายผมสีน้ำตาลพร้อมกับกรงเล็บและของเหลวที่น่าขยะแขยงไหลออกมาจากปาก
เมื่อมองไปยังหุ่นเชิดศพ ดาบอัศวินในมือของเด็กชายผมสีน้ำตาลก็เหวี่ยงออกไปอย่างรวดเร็วและเป็นการฟันอย่างดุเดือด ทำให้กรงเล็บอันแหลมคมของหุ่นเชิดศพถูกตัดออก
เมื่อตอนที่คนอื่น ๆ เข้าร่วมการทดสอบสู้กับหุ่นเชิดศพ เขาคอยสังเกตอย่างระมัดระวังว่าวิธีโจมตีของหุ่นเชิดศพเป็นยังไง โดยพื้นฐานแล้ว ถ้าพูดอย่างตรงไปตรงมา เขามั่นใจมากว่าดาบนี้สามารถโจมตีหุ่นเชิดศพได้แน่นอน
“มีบางอย่างแปลก ๆ”
แม้ฌอนจะผ่านการทดสอบสู้กับหุ่นเชิดแล้ว แต่เขายังคงมองดูนักเรียนคนอื่น ๆ ที่กำลังถูกทดสอบในกรงเหล็กขนาดใหญ่โดยไม่กะพริบตา
เขาต้องการเก็บเกี่ยวข้อมูลเพิ่มเติมถึงนิสัยของหุ่นเชิดศพ เพราะท้ายที่สุดแล้ว การจัดการกับหุ่นเชิดศพต้องเกิดขึ้นในภายภาคหน้าแน่ ๆ
ในขณะเดียวกัน ฌอนรู้สึกว่าหุ่นเชิดศพที่อยู่ตรงหน้าดูผิดปกติเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามีอะไรผิดปกติ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
ชิ้ง!
เป็นไปตามคาด ดาบอัศวินเฉือนกรงเล็บแหลมคมของหุ่นเชิดศพอย่างแม่นยำ เมื่อเห็นฉากนี้ เด็กชายผมสีน้ำตาลก็รู้สึกมีความสุขในใจ
แม้ความแข็งแกร่งของหุ่นเชิดศพจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็เทียบได้กับคนทั่วไปเท่านั้น พวกเขาที่ฝึกฝนความกล้าหาญและเดินบนเส้นทางแห่งอัศวิน แต่ละคนจึงมีพละกำลังไม่ด้อยไปกว่าหุ่นเชิดศพ ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าดาบของเขาสามารถฟันศัตรูตรงหน้าได้
แต่ครู่หนึ่งต่อมา หน้าตาอันน่าสยดสยองปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ไม่ใช่หุ่นเชิดศพที่กระเด็นออกไป แต่เป็นตัวเขาเองที่กระเด็นอยู่กลางอากาศ ซึ่งคาดไม่ถึงเลย
ตึง!
เขากระเด็นลอยไปกระแทกเข้ากับกรงเหล็กที่อยู่ด้านหลังอย่างแรงแล้วล้มลงกับพื้น ขาของเขาอ่อนลง และเลือดก็กระฉอกออกมาจากปาก ราวกับได้รับบาดเจ็บจากภายในอย่างรุนแรงเนื่องจากการกระแทกนี้
“เป็นไปได้ยังไง?”
“เดี๋ยว เกิดอะไรขึ้น?”
“นี่ นี่... นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อเห็นเด็กชายผมสีน้ำตาลถูกหุ่นเชิดศพกระแทกขึ้นไปกลางอากาศ นักเรียนทุกคนในห้อง 6 ก็อุทานขึ้นมา พร้อมแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและตกตะลึง
เด็กชายผมสีน้ำตาลคิดว่าเขาสามารถฟันหุ่นเชิดศพลอยขึ้นไปในอากาศด้วยดาบของตัวเอง และคนอื่นก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ท้ายที่สุด ก็มีหลายคนโดนแบบนี้มาก่อนแล้ว และเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น
เนื่องจากความแข็งแกร่งของเด็กชายคนนั้นสูงกว่านักเรียนคนอื่น และเป็นไปไม่ได้เลยที่คนอื่นสู้ได้ แต่เขาไม่สามารถสู้ได้
แต่ความเป็นจริงทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก เด็กชายผมสีน้ำตาลถูกหุ่นเชิดศพกระแทกจนกระเด็น
“บ้าน่า…?”
สีหน้าฌอนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในเวลานี้ เขาได้ค้นพบเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงผิดปกติจากก่อนหน้านี้
เหตุผลที่ฌอนรู้สึกว่าหุ่นเชิดศพที่อยู่ตรงหน้าต่างจากตัวอื่น ๆ ก็คือเขาพบว่ารอยเท้าของหุ่นเชิดศพตัวนี้หนักกว่าตัวอื่น ๆ
ถ้าตหุ่นเชิดศพตัวอื่นถูกมอเตอร์ไซค์ทับ หุ่นเชิดศพตัวนี้คงต้องให้รถยนตร์ทับ สิ่งนี้อธิบายได้ชัดเจนที่สุดแล้ว
นี่ไม่ใช่หุ่นเชิดศพธรรมดา!