สุดยอดอัศวิน บทที่ 32 : ความสัมพันธ์กับดาบ
สุดยอดอัศวิน บทที่ 32 : ความสัมพันธ์กับดาบ
หลังจากเว้นระยะห่างจากเบนจามิน ฌอนค่อย ๆ รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายมากขึ้น
แม้การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะไม่ทรมานเท่ากับตอนคัดลอกพรสวรรค์อัศวินระดับสูง แต่ก็ยังให้ความรู้สึกร้อนอยู่เล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์ด้านฝีมือดาบระดับสูงมีพลังไม่เท่าพรสวรรค์อัศวินระดับสูง แต่ก็ไม่ได้ตำ่ไปกว่ากันมาก
ผ่านไปห้านาที การเปลี่ยนแปลงนี้ก็สิ้นสุดลง อุณหภูมิในร่างกายของฌอนกลับสู่ปกติ
“อืม?”
ตอนนั้นเองที่ฌอนสังเกตเห็นนักเรียนหลายคนจากโรงเรียนอัศวินจื่ออวิ๋น ยืนล้อมรอบสนามฝึก เมื่อเห็นแบบนี้ ฌอนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย การถูกคนจำนวนมากเพ่งมองทำให้เขาอึดอัด ตอนนี้ในใจขอแค่ให้มัวร์พาออกไปจากที่นี่เร็ว ๆ แต่ฌอนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นเด็กสาวผมสีน้ำตาลหน้าตาน่ารักอยู่ในฝูงชน
“นั่นเธอนี่!”
เด็กสาวคือคนที่ฌอนพบที่โรงแรมเมื่อไม่กี่วันก่อน แม้จะจำเธอได้ แต่เขาก็ยังไม่รู้จักชื่อ เขารู้แค่ว่าเธอเป็นน้องสาวของหัวหน้าทหารรับจ้าง
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ฌอนก็พยักหน้าให้อีกฝ่าย ซึ่งถือเป็นการทักทาย ท้ายที่สุดมันเป็นแค่ความสัมพันธ์เพียงชั่วคราว แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อยก็ในความคิดของเขา
เมื่อเห็นฌอนพยักหน้า เด็กสาวก็ผงะเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าให้ฌอนกลับ พร้อมรอยยิ้มที่อ่อนหวาน และเธอก็รู้สึกโล่งใจมากขึ้น ที่อีกฝ่ายจำเธอได้
“หืม คนรู้จักเหรอ?”
เมื่อเห็นฌอนพยักหน้าให้คนในฝูงชน มัวร์ก็ถามด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่คนรู้จักหรอก แค่บังเอิญ รีบไปจากที่นี่เถอะ ฉันไม่สบายใจเวลามีคนมองเยอะ ๆ”
ฌอนอธิบาย
“มีร้านอาหารอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้ รสชาติไม่เลวเลย ไหน ๆ ก็จะเที่ยงแล้ว ไปกินข้าวกัน แล้วคุยเรื่องคนรู้จักของนายดีไหม?”
“ไม่ดีกว่า แค่นี้ก็อึดอัดจะแย่แล้ว เพราะฉันไม่ชินเวลาอยู่กับคนอื่น”
ฌอนส่ายหน้าแล้วพูด ขณะหันไปมองเบนจามิน
“ช่วยไม่ได้!”
“ไปกันเถอะ”
เบนจามินชำเลืองมองไปยังเชอร์เลย์และมัวร์ เมื่อเห็นว่าฌอนยอมตอบตกลง เบนจามินก็รีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ไม่นานทั้งสี่ก็มาถึงร้านที่มัวร์พูดถึง
ร้านอาหารถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ประตูด้านหน้ามีลวดลายที่ประณีตสวยงามซึ่งทำให้ใครมาเห็นต้องตาเป็นประกาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันถูกสร้างขึ้นโดยช่างไม้ที่เก่งกาจ
“ยินดีต้อนรับครับ คุณผู้ชายและคุณผู้ญิง!”
ทันทีที่ไปถึงหน้าประตู ชายหนุ่มในชุดพนักงานร้านสีดำก็ก้าวเข้ามา และเปิดประตูให้ทั้งสี่คน แล้วเชิญพวกเขาเข้ามาในร้านด้วยความเคารพ
“อืม”
จากนั้นมัวร์ก็ยื่นเหรียญทองแดงไม่กี่เหรียญให้อีกฝ่าย จากนั้นฌอนและคนอื่นก็เข้าไปในร้าน
ผนังร้านตกแต่งด้วยสีเหลืองสดใส โต๊ะและเก้าอี้เป็นทรงสี่เหลี่ยม และมีการวางกระถางต้นไม้กับงานศิลปะจากช่างฝีมือเพื่อไม่ให้ดูว่างเปล่า ซึ่งบรรยากาศในร้านค่อนข้างดีเลยทีเดียว
ทั้งสี่คนเลือกโต๊ะเสร็จก็นั่งลง ไม่นานก็มีพนักงานเข้ามาและยื่นเมนูให้ทุกคนอย่างเคารพ
หลังจากได้รับเมนูแล้ว ฌอนก็อ่านเมนูด้านใน ที่นี่มีอาหารหลายอย่าง เช่น มันบด สลัดผลไม้หายาก ปีกไก่กรอบ พอร์คชอปหอม ๆ ขนมปังชีส ฯลฯ จากนั้นฌอนก็มีท่าทีแปลก ๆ และเลิ่กลั่ก
เขามองไปยังมัวร์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ที่ยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดว่า
“สั่งได้เต็มที่เลย ฉันเลี้ยงนายเอง แนะนำให้นายเลือกพอร์คชอป เนื้อหมูร้านนี้คือทีเด็ดเลยแหละ!”
สุดท้ายทั้งสี่ก็สั่งพอร์คชอปกันหมด
ฌอนสั่งอาหารตามคำแนะนำของมัวร์ ส่วนเชอร์เลย์กับเบนจามินก็เคยมาร้านนี้แล้ว และรู้ว่าของอร่อยคืออะไร เพราะร้านอาหารนี้อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนจื่ออวิ๋นมากนัก
พอร์คชอปที่โลกนี้ แน่นอนว่าต้องแตกต่างจากโลกที่ฌอนเคยอยู่
เนื้อหมูที่หอมมันอร่อยและมีกลิ่นหอมแบบธรรมชาติ เมื่ออบเสร็จแล้ว แม้จะไม่ใส่เครื่องปรุงใด ๆ ใครที่ได้ชิมยังต้องเอ่ยปากชม เมนูนี้จึงเป็นเมนูที่เหล่า ‘ขุนนาง’ ส่วนใหญ่โปรดปราน
แน่นอนว่าเมื่อหมูชิ้นใหญ่หอม ๆ ถูกเสิร์ฟ กลิ่นหอมของมันเย้ายวนมาก ทำให้พวกเขาทั้งสี่ต้องกลืนน้ำลายลงคอ
ฌอนมองไปยังพอร์คชอปบนจาน พร้อมหยิบมีดขึ้นมาหั่นแล้วลองชิม
ทันใดนั้น ความรู้สึกนุ่มนวลก็ผุดขึ้นมา มีดของฌอนตัดลงบนเนื้ออย่างง่ายดายไม่เหนียวเลย
ไม่ใช่เพราะฌอนออกแรงมากกว่าคนธรรมดา แต่พอร์คชอปนี้ผ่านกระบวนการปรุงมาอย่างดี ถึงสามารถัดขาดได้ง่าย ๆ ด้วยการเอามีดหั่นเบา ๆ
ฌอนใช้ซ้อมจิ้มชิ้นเนื้อที่หั่นออกมาแล้วลองกินดู ทันใดนั้นรสชาติอันเข้มข้นก็ระเบิดอบอวลอยู่ในปาก
ความนุ่ม ความละเอียดอ่อน และกลิ่นหอม... ทุกรสชาติทุกสัมผัสได้ผสมผสานกันอย่างลงตัว เกิดเป็นสุดยอดอาหารอันโอชะ ทำให้ดวงตาของฌอนเป็นประกาย
แม้รสชาตินี้ไม่ได้ดีไปกว่าอาหารของเชฟมิชลินมากนัก ถึงจะด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ในแง่ของเครื่องเทศและกลิ่นหอมแบบธรรมชาติที่ไม่เหมือนใครในโลกก่อนของฌอน ช่วยชดเชยข้อบกพร่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ทั้งสี่คนก็แยกย้ายกันไป มัวร์ไม่ได้กลับโรงเรียนพร้อมกับฌอนเพราะติดธุระส่วนตัว ระหว่างเดินทางกลับโรงเรียนตามลำพัง ฌอนยังคงรู้สึกถึงกลิ่นหอมที่เย้ายวนอยู่บนลิ้น จนเขาเอ่ยคำชมถึงพอร์คชอปนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ยังไงก็ตามฌอนยังคงแอบตกตะลึง แม้พอร์คชอปจะมีกลิ่นหอมอร่อยแต่ราคาก็แพงมากเช่นกัน ด้วยราคาสองเหรียญเงิน เป็นราคาที่เทียบเท่ากับเงินเดือนครึ่งปีของพนักงานเงินเดือนในชาติก่อน ไม่แปลกที่ในโลกนี้เหล่าขุนนางถึงชื่นชอบและยินดีจ่ายให้พอร์คชอปนี้
ฌอนกลับมาถึงโรงเรียนประมานเที่ยงกว่า ปกติเวลานี้ฌอนจะต้องงีบหลับไปแล้ว แต่วันนี้เขาไม่ง่วงเลย แทนที่จะกลับไปห้องพัก กลับตรงไปยังป่าที่เขาชอบไปฝึกฝนแทน
เนื่องจากฌอนเพิ่งได้รับพรสวรรค์ด้านฝีมือดาบระดับสูง ด้วยความใจร้อน เขาแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะลองใช้พรสวรรค์นี้ว่าแข็งแกร่งแค่ไหน
นี่มัน!
ขณะยืนอยู่ในป่า เมื่อมือของฌอนแตะด้ามดาบอัศวินที่คุ้นเคย ความรู้สึกแปลก ๆ หรือพลังบางอย่างก็ไหลเวียนขึ้นมา
ดาบที่ห้อยอยู่บนเอวของฌอนคือดาบอัศวินที่ออกแบบโดยโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ เมื่อเข้ามาในโรงเรียน ก็จะได้รับดาบนี้มาตั้งแต่นั้น หลังจากผ่านไปสามปี เขาเริ่มคุ้นเคยกับดาบเล่มนี้มากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักหรือความคม
แต่ฌอนรู้สึกต่างออกไป จากความรู้สึกทั่วไปเวลาจับดาบ ตอนนี้กลับให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่ง
ถ้าจะให้อธิบายความรู้สึกนี้จริง ๆ มันแปลกไปจากเดิมมาก
เมื่อก่อนเวลาฌอนถือดาบ ดาบยังคงเป็นดาบ แต่ตอนนี้เขาเห็นความต่างอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่ฌอนจับดาบ เขารู้สึกว่าตัวเองและดาบกำลังผสานเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ราวกับว่าจู่ ๆ ดาบก็งอกออกมาจากมือ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
“นี่คือการรวมเป็นหนึ่งกับดาบเหรอ?”
เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ ฌอนก็แสดงความดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้
มนุษย์มีความยืดหยุ่นมากแค่ไหนกัน?
แน่นอนว่า มือและเท้าคู่หนึ่งของมนุษย์นั้น ถือเป็นเครื่องมือที่ยืดหยุ่นที่สุด โดย 90% ของกิจกรรมมนุษย์ทำ ล้วนแต่ต้องใช้มือและเท้ากันทั้งนั้น
จนตอนนี้ ฌอนรู้สึกเหมือนมือและเท้าเป็นหนึ่งกับดาบ ทำให้เขามีความสุขมาก ๆ
ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับดาบในเวลานี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พรสวรรค์ด้านฝีมือดาบได้เพิ่มขึ้นแล้ว
ชิ้ง!
ดาบถูกดึงออกจากฝัก จากนั้นก็เกิดแสงสีเงินเมื่อกวัดแกว่งดาบ นี่เป็นรูปแบบของกระบวนท่าแรกในวิชาดาบอัศวินเหมันต์สีเงิน มีชื่อว่า ‘เหมันต์สีเงิน หิมะหวนกลับ’
หวืด!
ดาบยาวฉายแสงสีเงินผ่านหน้าฌอนอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่แกว่งดาบนี้เบา ๆ ก็ทำให้ดวงตาของฌอนเป็นประกาย
กระบวนท่าแรกของวิชาดาบอัศวินเหมันต์สีเงิน หรือเหมันต์สีเงิน หิมะหวนกลับ เป็นกระบวนท่าที่ฌอนคุ้นเคยมากที่สุด และยังเป็นกระบวนท่าที่เขาเชี่ยวชาญที่สุดอีกด้วย ในการฝึกฝนนับพันครั้ง กระบวนท่านี้ได้รับการฝึกฝนและขัดเกลาจนแข็งแกร่ง
ถึงอย่างนั้น เขาก็พบข้อบกพร่องมากมายจากสายตาของตัวเองในตอนนี้
มุมเอียงสูงเกินไป...
ความคมจากดาบเลยลดลงและออกแรงได้ไม่เต็มที่...
การฟันจะมั่นคงมากขึ้นถ้ากวาดออกไปข้างหน้าสามเซนติเมตร...
จังหวะนั้นฌอนมีความเข้าใจถึงกระบวนท่าอย่างท่วมท้น เดิมทีเขาไม่เคยมีช่วงเวลาแบบนี้มาก่อน ฌอนรู้สึกถึงข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ มากมายเพียงแค่แกว่งดาบครั้งเดียว
ก่อนหน้านี้ วิชาดาบอัศวินของฌอนพัฒนาขึ้นมากจากการฝึกฝน ด้วยจำนวนการฝึกซ้อมที่เพิ่มขึ้น ความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาดาบจึงค่อย ๆ ดีขึ้น
แต่ตอนนี้ ความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาดาบของฌอนไม่ตื้นเขินอีกต่อไป แต่รวดเร็วและเข้าใจมากขึ้น
ในอดีต ฌอนอาจไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจเทคนิคในการใช้ดาบและวิชาดาบอัศวินภายในครึ่งเดือนอีกแล้ว ตอนนี้เขาสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ ด้วยการแกว่งดาบเพียงครั้งเดียว