สุดยอดอัศวิน บทที่ 28 : ความสามารถต่อไป
สุดยอดอัศวิน บทที่ 28 : ความสามารถต่อไป
ภายใต้ป่าที่ร่มเย็นและเขียวขจี แสงแดดลอดผ่านจากช่องว่างตามใบไม้ส่องลงมายังพื้นดิน
ฟิ้ว!
เงาสีดำเคลื่อนที่ซิกแซกไปมาด้วยความเร็ว ราวกับสายฟ้าสีดำ
ครืด!
จากนั้นเงาสีดำก็หยุดเคลื่อนไหว เผยให้เห็นสีหน้าเจ้าของเงาสีดำ เด็กชายผมบลอนด์อายุประมาณ 15 ปี สวมชุดเกาะอัศวินหนังสีดำหรือฌอนนั่นเอง
ตอนนี้เขากำลังทดสอบขีดจำกัดความเร็วของตัวเอง
แม้ในป่าแห่งนี้จะไม่มีเครื่องมือวัดความเร็วเหมือนในการประเมิน แต่ก็ทำให้ฌอนรู้สึกถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้น
ความรู้สึกในตอนนี้คือ เร็วจนน่าตกใจ
ความเร็วนี้ทำให้ฌอนรู้สึกเหมือนแรงโน้มถ่วงที่ต่างไปจากเดิม บวกกับรู้สึกเบาไปทั้งตัว ราวกับตัวเองกำลังบินอยู่
ถึงอย่างนั้นฌอนก็รู้ว่านี่เป็นเพียงภาพลวงตา คงไม่ต้องพูดถึงอัศวินฝึกหัด แม้แต่อัศวินระดับสูงก็ไม่สามารถบินได้
ฌอนไม่รู้ว่าจะมีใครสามารถบินได้หลังจากความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น แต่ก็รู้ว่าตัวเองบินไม่ได้
เหตุผลที่เกิดความรู้สึกนี้ อาจเป็นเพราะพลังทางกายภาพเพิ่มขึ้นจากเดิมไปมาก แม้ยังปรับตัวได้ไม่เต็มที่ แต่ก็ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังบินอยู่จริง ๆ
ถ้าฌอนปรับตัวให้เข้ากับพลังนี้ได้ ความรู้สึกนั้นอาจจะหายไปเมื่อชินกับความเร็วนี้ รวมถึงอาจสามารถใช้ความเร็วได้อย่างยืดหยุ่นในแต่ละสถานการณ์
“เหลือแค่ความแข็งแกร่ง!”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฌอนก็หันไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งมีหินสามก้อนที่หนักหลายพันกิโลกรัม
เดิมทีในป่ามีหินสามก้อนนี้อยู่แล้ว หลังจากฌอนเดินมาเจอ เขาก็ใช้มันเป็นเครื่องมือในการทดสอบความแข็งแกร่ง
ก้อนหินที่เบาที่สุดในสามก้อนนี้มีน้ำหนักมากกว่าหนึ่งพันเรตันเล็กน้อย แต่ฌอนมั่นใจมากว่าตัวเองสามารถยกหินก้อนนี้ได้ เนื่องจากการประเมินที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ที่ 52 เรตัน หรือประมาณ 1,040 กิโลกรัม
ในบรรดาหินทั้งสามก้อน น้ำหนักของหินก้อนกลางอยู่ที่ 1,300 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับหินก้อนเล็ก แม้จะวัดน้ำหนักได้ไม่แน่นอน แต่ก็วัดจากความหนาเอาได้โดยไม่ต้องไปวัดให้เสียเวลา
ไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาแทบยกหินก้อนนี้ไม่ได้เลย ซึ่งเป็นน้ำหนักก่อนที่เขาจะไปอาบน้ำยาสมุนไพร
เหลือแต่หินก้อนสุดท้ายที่ตอนนี้เขาไม่น่าจะยกมันได้
จากปริมาตรของก้อนหินก้อนนี้ ฌอนประเมินคร่าว ๆ ว่ามันมีน้ำหนักอย่างน้อย 1,500 กิโลกรัม และด้วยน้ำหนักนี้ มีเพียงแซคส์ในชั้นที่หกเท่านั้นที่สามารถยกมันได้
เมื่อวานนี้ แม้ฌอนแทบจะรับดาบของแธ็คเกอร์เรย์ไม่ได้ รวมถึงพลังทางกายภาพที่ยังด้อยกว่าอีกฝ่ายเล็กน้อย แต่ยังดีที่เขามีวิชาดาบอัศวินเหนือกว่า จึงสามารถต้านการโจมตีอีกฝ่ายได้ แต่ถ้าสู้กันนานกว่านี้เขาเองก็อาจแพ้ได้เหมือนกัน
ฌอนเดินตรงไปยังหินก้อนที่ใหญ่สุดโดยไม่ลังเล และเอามือช้อนจับหินให้มั่น ก่อนเกร็งขาแล้วยกหินขึ้นอย่างรวดเร็ว
กรึก!
เสียงบางอย่างเหมือนถูกยกขึ้นจากพื้น ฌอนเหลือบไปเห็นก้อนหินซึ่งมีน้ำหนักอย่างน้อย 1,500 กิโลกรัม ค่อย ๆ ขยับ ก่อนพยายามยกขึ้นจนถึงระดับหน้าอก
เนื่องจากหินก้อนนี้ใหญ่เกินไปจึงยกสูงเกินหัวไม่ได้
ตึง!
ไม่กี่วินาทีต่อมา ฌอนก็ปล่อยมือ หินก้อนใหญ่ที่มีน้ำหนักมากกว่า 1,500 กิโลกรัมตกลงมา ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
เจี๊ยบ เจี๊ยบ!
ไกลออกไปเล็กน้อย นกสีสันสดใสสองถึงสามตัวที่อาศัยอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ในป่าตกใจเสียงนี้ จึงบินหนีไปด้วยความตื่นตระหนก
ฌอนดูผลลัพธ์และรู้สึกพอใจมาก
ผลจากการอาบน้ำยาสมุนไพรนั้นถือว่าช่วยได้มาก ความแข็งแกร่งของฌอนเพิ่มขึ้นมากกว่า 200 เรตันในคราวเดียว ความแข็งแกร่งนี้ไม่ต่างจากการดื่มเลือดกวางสีเงินเลย
สิ่งสำคัญที่สุดคือน้ำยานั้นเป็นของฟรีและมีมาให้ตลอด ฌอนตั้งตารออย่างมากถึงวันที่จะได้แช่น้อีก
แม้จะรู้สึกเสียใจแทนนักเรียนคนอื่นในห้อง 6 แต่ฌอนจะเสียโอกาสนี้ไปไม่ได้ แปลว่านักเรียนคนอื่นคงต้องลำบากกันหน่อย
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฌอนก็ยิ้มมุมปากอย่างอิ่มเอมใจ ในบรรดานักเรียนห้อง 6 มีแค่มัวร์คนเดียว ที่เขาอาจบอกความจริงนี้ได้เมื่อถึงเวลา
ก่อนหน้านี้คงเป็นเพราะความแข็งแกร่งของฌอนต่ำกว่าใคร นักเรียนคนอื่นเลยไม่อยากผูกมิตรด้วย แต่ตอนนี้เขาทำให้วอลเลซหรือลูกจากตระกูลเอิร์ลขุ่นเคือง ถ้าเปลี่ยนใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว และคงไม่มีนักเรียนคนไหนนอกจากมัวร์ที่ยอมเป็นเพื่อนกับเขา
แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ฌอนก็ไม่เป็นกังวลมาก แต่มีคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงจริง ๆ คือมัวร์
ฌอนเลยตัดสินใจชดเชยในสิ่งที่ตัวเองทำให้ได้ คือการชี้นำวิชาดาบอัศวินให้มัวร์
เมื่อคิดถึงเรื่องวิชาดาบอัศวิน ฌอนก็ลืมเรื่องอื่นไปทันที เนื่องจากเดือนก่อนเขาใช้ความสามารถในการคัดลอกพรสวรรค์อัศวินระดับสูงไป ซึ่งเหลือแค่พรสวรรค์ด้านฝีมือดาบที่ยังไม่ได้คัดลอกของใครมาเลย และตอนนี้เป็นเดือนใหม่แล้ว เขาจึงมีโอกาสที่จะคัดลอกพรสวรรค์อีกครั้ง
เรื่องการคัดลอกพรสวรรค์นั้น ฌอนตัดสินใจเอาไว้แล้ว
สำหรับอัศวินแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือพรสวรรค์อัศวินและพรสวรรค์ด้านฝีมือดาบ และตอนนี้ฌอนกำลังฝึกฝนวิชาดาบอัศวินอยู่ ดังนั้นเขาจึงอยากได้พรสวรรค์นี้เป็นพิเศษ
พรสวรรค์อัศวินเป็นตัวกำหนดว่าฌอนจะไปได้ไกลแค่ไหน ส่วนพรสวรรค์ด้านฝีมือดาบจะเป็นตัวกำหนดความแข็งแกร่ง เรียกได้ว่ามีความสำคัญทั้งสองอย่าง
ในแง่ของพรสวรรค์อัศวิน ฌอนมีพรสวรรค์อัศวินระดับสูงอยู่แล้ว
แต่พรสวรรค์ด้านฝีมือดาบยังคงเป็นพรสวรรค์ในระดับพื้นฐานที่เป็นของฌอนคนเก่า
แม้จะเป็นระดับที่นักเรียนส่วนใหญ่ในโรงเรียนมี แต่ก็ถือว่ายังห่างชั้นกับคนที่มีพรสวรรค์อัศวินระดับสูง ดังนั้นฌอนจึงตัดสินใจคัดลอกพรสวรรค์ด้านฝีมือดาบจากอัศวินระดับสูง
เดิมทีพรสวรรค์ด้านฝีมือดาบของเลดี้สการ์เล็ตเซร่าไม่ได้อยู่ในระดับสูง แต่ก็เป็นพรสวรรค์ระดับกลางที่ค่อนข้างหายาก ซึ่งถือเป็นคนอัจฉริยะในอัศวินทั่วไป
น่าเสียดายที่ฌอนคัดลอกได้แค่พรสวรรค์อัศวินระดับสูงในตอนนั้น และล้มเหลวในการคัดลอกอีกพรสวรรค์หนึ่ง แถมไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เจอพรสวรรค์ด้านฝีมือดาบระดับกลางอีกหรือไม่
“จะคัดลอกใครดี?”
ฌอนผงะไปครู่หนึ่ง เมื่อคิดจะหาใครสักคนเพื่อคัดลอกพรสวรรค์ด้านฝีมือดาบ
เพราะฌอนแทบไม่รู้จักนักเรียนห้องอื่นเลย และไม่รู้ว่าใครบ้างที่มีพรสวรรค์ด้านฝีมือดาบที่เก่งกาจ
แม้แต่ไททัสซึ่งเป็นนักเรียนห้อง 1 และขึ้นชื่อเรื่องการพัฒนาความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว รวมถึงวิชาดาบอัศวินอีกด้วย ถึงจะไม่ได้เก่งกว่าคนอื่นมากนัก แต่ก็แข็งแกร่งไม่น้อย ซึ่งเขาอาจพัฒนาจนมีพรสวรรค์อัศวินระดับสูงได้สักวันหนึ่ง แน่นอนว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ถึงจะเป็นตัวเลือกที่ดีแต่ก็อาจไม่คุ้มค่า
“ดูเหมือนว่าเราต้องเริ่มจากเกรดอื่น”
เมื่อคิดอย่างนี้ฌอนก็แสดงสีหน้าบูดบึ้งออกมา
เดิมทีฌอนให้ความสำคัญกับการฝึกฝนมาก จนไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากการฝึกฝน แถมไม่สนใจว่าใครเก่งดาบกว่ากันหรือแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน
สำหรับตัวเขาเอง แม้จะไม่ใช่ผู้ฝึกฝนมาตั้งแต่แรกเหมือนฌอนคนเก่า ซึ่งเขาก็ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท
“รอเจอมัวร์พรุ่งนี้ก่อนแล้วกัน จะได้ถามเรื่องเด็กห้องอื่น!”
ฌอนส่ายหน้าแล้วเดินไปโรงอาหาร ดูเหมือนว่าเรื่องพรสวรรค์ด้านฝีมือดาบคงต้องรอจนถึงวันพรุ่งนี้เพื่อถามมัวร์ก่อนตัดสินใจ
ภายในวิลล่าของวอลเลซ
“บอกว่าไม่งั้นเหรอ?”
เมื่อมองไปยังเบนสัน วอลเลซซึ่งกำลังดูไข่ทองคำที่สั่งมาก็แสดงสีหน้าเย็นชาทันที
“ใช่ครับท่านวอลเลซ ฌอนยืนกรานว่าไม่อย่างเดียว เพราะไม่ชอบอยู่ใต้คำสั่งใคร ผมเองก็นึกว่าเขาจะรับโอกาสนี้ซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะปฏิเสธ”
เบนสันพูดพร้อมแสดงสีหน้า ‘โกรธ’ แต่ในหัวใจกลับเต็มไปด้วยความสุข เขาแน่ใจว่าด้วยบุคลิกของวอลเลซแล้ว อีกฝ่ายจะไม่มีวันปล่อยให้ฌอนอยู่อย่างสงบแน่ เขาจึงตั้งใจพูดให้วอลเลซโกรธฌอนมากที่สุด
“ไม่สำคัญหรอกว่าจะปฏิเสธด้วยเหตุผลอะไร แต่เขากล้ามาก…”
ทันใดนั้นชายชราคนหนึ่งก็เดินเข้ามา
ชายชราสวมชุดสูทสีดำที่ตัดเย็บด้วยเนื้อผ้าหรูหรา ย่างก้าวดูมั่นคงและทรงพลัง ต่างจากรูปลักษณ์ภายนอก หลังจากนั้น เขาก็หันไปพูดกับวอลเลซอย่างสุภาพ
“ท่านวอลเลซ”