สุดยอดอัศวิน บทที่ 27 : คำเชิญ
สุดยอดอัศวิน บทที่ 27 : คำเชิญ
“ท่านวอลเลซอยากเจอนาย!”
เมื่อเห็นท่าทีไม่เป็นมิตรบนสีหน้าของฌอน เบนสันก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที และเผลอคิดถึงความแข็งแกร่งที่ฌอนแสดงออกมาเมื่อวานนี้ตอนต่อสู้กับแธ็คเกอร์เรย์
แต่เบนสันต้องทำงานให้วอลเลซ จึงพยายยามส
งบสติลง
ตอนนี้เขาทำงานให้วอลเลซและเป็นถึงตัวแทนส่งข่าว ถ้าฌอนทำร้ายเบนสัน วอลเลซจะต้องไม่พอใจแน่นอน และเขาเชื่อว่าฌอนคงไม่กล้าทำอะไรวอลเลซ
เมื่อได้ยินคำพูดของเบนสัน ยกเว้นแธ็คเกอร์เรย์ที่รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว นักเรียนห้อง 6 คนอื่นก็แสดงความประหลาดใจและอิจฉาในเวลาเดียวกัน
วอลเลซคือใคร?
เขาคือทายาทสายตรงของตระกูลเอิร์ล ลุนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเรียนที่มีภูมิหลังเกี่ยวกับการก่อตั้งโรงเรียนอัศวินยุคใหม่
นักเรียนคนอื่นของโณงเรียนนี้ แม้พวกเขาจะได้รับการปฏิบัติที่ดีจนคนธรรมดาต้องอิจฉาหลังสำเร็จการศึกษา แต่ก็ดีไม่เท่าคนจากตระกูลเอิร์ล
ถ้ามีโอกาสได้ติดตามวอลเลซหรือทายาทสายตรงของตระกูลเอิร์ลได้จะต่างออกไป หลังสำเร็จการศึกษา อาจจะได้ทำงานกับตระกูลลุนด์ และมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
แน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่รับประกันได้ แต่ถ้าต้องการชีวิตที่ดีแบบนั้นโดยทำงานให้ตระกูลอื่นคงเป็นไปได้ยาก สุดท้ายไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเป็นอัศวินระดับสูงได้ ไม่เว้นแม้แต่นักเรียนจากโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ที่ฝึกฝนมาตลอดชีวิตแล้วเป็นได้แค่อัศวินธรรมดา
ถึงการไปเป็นผู้ติดตามจะขาดอัสระ แต่ในมุมมองของใครหลายคน ถือว่าคุ้มค่ามาก แล้วจะมาใช้ชีวิตอิสระไปทำไมถ้าไม่มีเงิน? ถ้าทำงานและได้เงินตอบแทนมาเยอะ จะใช้ชีวิตอย่างอิสระตอนแก่ตัวก็ยังไม่สาย
และนี่คือเหตุผลที่นักเรียนหลายคนในโรงเรียนอยากผูกมิตรกับลูกหลานที่มาจากตระกูลผู้สูงศักดิ์ โดยเฉพาะลูกหลานจากตระกูลเอิร์ล
แต่ในโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ ลูกจากตระกูลเอิร์ลนั้นมีไม่กี่คน และพวกเขายังมีข้อจำกัดสูง ซึ่งนักเรียนที่มีคุณสมบัติอัศวินในระดับปานกลางจะต้องทำยังไงถึงจะได้โอกาสนั้น?
เพราะนักเรียนที่ได้รับการสนับสนุนจากลูกหลานตระกูลเอิร์ล กินอยู่สบายจนน่าอิจฉา
ก่อนหน้านี้ เบนสันได้รับการไว้วางใจจากวอลเลซและกลายมาเป็นผู้ติดตาม นักเรียนคนอื่นต่างอิจฉาเขามากที่โชคดีแบบนี้ จนโอกาสต่อมาได้มาถึง ซึ่งเป้าหมายของวอลเลซไม่ใช่พวกเขาแต่เป็นฌอน ผู้ที่ทำผลงานได้แย่มาโดยตลอด แต่แล้วช่วงหลังก็ทำผลงานน่าประหลาดใจออกมา
“อา ฌอนโชคดีจัง”
“รู้สึกอยากเป็นฌอนขึ้นมาเลย ไม่รู้ทำไม”
นักเรียนเกือบทุกคนในห้อง 6 ต่างมองฌอนด้วยความอิจฉา แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองฌอนด้วยสายตาเป็นห่วง คนนั้นก็คือมัวร์
คนอื่น ๆ อาจจะดีใจกับฌอนที่ได้รับโอกาสนี้ แต่กลับฌอนนั้นไม่เลย มัวร์เดาได้ทันทีว่าฌอนจะต้องปฏิเสธแน่นอน
ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ก็เป็นกังวลอยู่ดี มัวร์เหลือบไปเห็นคิ้วของฌอนขมวดเข้าหากัน แล้วพูดกับเบนสันว่า
“จะพบไปทำไม?”
“ก็ไปพบข่าวดีไง”
เมื่อเห็นสีหน้าของฌอน เบนสันก็หัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นว่าฌอนไม่แสดงท่าทีอย่างที่เขาคิดเอาไว้หลังจากได้คำเชิญจากวอลเลซ
แต่มีสิ่งเดียวที่ทำให้เขาไม่มีความสุขก็คือ การยอมทำตามคำสั่งทุกอย่างเพราะไม่มีทางเลือก เนื่องจากครอบครัวของเบนสันต้องจ่ายเงินไปมากเพื่อให้วอลเลซพิจารณาเบนสันและรับเขาเป็นผู้ติดตาม แต่ฌอนนั้นต่างออกไป โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ก็ได้รับคำเชิญจากวอลเลซ
“ข่าวดีเหรอ?”
ฌอนเลิกคิ้ว เพราะเดาไม่ออกว่าทำไมวอลเลซถึงอยากพบ หรือเป็นเพราะความแข็งแกร่งที่แสดงออกมา อีกฝ่ายเลยอยากได้มาเป็นผู้ติดตาม
ถ้าเป็นคนอื่นคงดีใจจนเนื้อเต้นไปแล้ว ซึ่งมันคือความปกติของโลกแห่งนี้ แต่สำหรับเขาที่มาจากอีกโลกหนึ่ง ไม่ค่อยชอบการชักชวนแบบนี้เลยแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าคนที่ถูกเชิญเข้าไปก็ต้องทำหน้าที่เป็นลูกไล่คนรวย แถมทำให้ตัวเองเสียศักดิ์ศรีอีก แค่นี้ฌอนก็รู้สึกขยะแขยงมากพอแล้ว
ถ้าตอนนี้วอลเลซอยากได้ตัวเขาจริง ๆ คงยากหน่อย
ในใจของฌอนนั้นไม่อยากเป็นผู้ตามใครอยู่แล้ว ซึ่งสิ่งนี้เขายอมรับไม่ได้จริง ๆ แต่ถ้าปฏิเสธ ก็อาจทำให้วอลเลซเกิดความขุ่นเคืองแน่นอน
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดฌอนก็ตัดสินใจปฏิเสธ
“ไม่ล่ะ ฉันมีอย่างอื่นต้องทำ ไปบอกวอลเลซด้วยว่าถ้าว่างจะเข้าไปเยี่ยม!”
“บ้าน่า! เป็นไปได้ยังไง?”
“ฌอนปฏิเสธคำเชิญของท่านวอลเลซ!”
“ปฏิเสธท่านวอลเลซง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ!”
ทันทีที่ฌอนตอบ นักเรียนจากห้อง 6 ทุกคนก็แสดงสีหน้าประหลาดใจและเหลือเชื่อ แม้ฌอนจะพูดอย่างมีชั้นเชิงและหลีกเลี่ยงคำเชิญของวอลเลซเพราะเหตุผลบางอย่างก็ตาม แต่ใครจะไปนึกว่าฌอนกล้าปฏิเสธวอลเลซจริง ๆ
นักเรียนบางส่วนมองฌอนเหมือนคนงี่เง่าทันที และหวังว่าถ้าเป็นตัวพวกเขาเองจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน
แต่นักเรียนอีกส่วนหนึ่งก็รู้สึกโล่งใจ แม้ฌอนจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้นแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรงมากไปกว่านี้นอกจากการปฏิเสธ
แค่การปฏิเสธเล็กน้อยในครั้งนี้ ก็เพียงพอทำให้พวกเขาสามารถจินตนาการถึงความโกรธของวอลเลซ หลังจากได้ข่าวว่าฌอนปฏิเสธคำเชิญของตัวเอง
“นะ นาย... ปฏิเสธจริง ๆ เหรอ?”
แม้แต่เบนสันก็ยังมองฌอนด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ในใจของเบนสันไม่ต้องการให้ฌอนตอบรับคำเชิญอยู่แล้ว เพราะพวกเขายังมีความบาดหมางกันอยู่ ซึ่งเขาจะเต็มใจได้ยังไงถ้าฌอนตอบตกลง? จะมีใครบ้างที่กล้าปฏิเสธ? การได้เป็นผู้ติดตามวอลเลซนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่จู่ ๆ ฌอนกลับปฏิเสธอย่างน่าเหลือเชื่อ
“แน่ใจเหรอว่าจะปฏิเสธ?”
เบนสันแทบอยากจะหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ถ้าวอลเลซไม่ยอมสั่งให้จัดการกับฌอนสักที เขาคงได้เป็นบ้าแน่ ๆ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ใครก็ตามที่ปฏิเสธขุนนางจะมีชีวิตที่ดี และเบนสันก็ดีใจมากที่ผลออกมาเป็นแบบนี้
“ไม่ก็คือไม่ ฉันมีอย่างอื่นสำคัญกว่า”
ฌอนพูดอย่างใจเย็น และรู้ดีว่าต่อไปนี้จะต้องเผชิญหน้ากับการแก้แค้นของลูกขุนนางคนนั้น
ต่อให้ตายยังไง ฌอนก็ไม่มีทางไปรับใช้ลูกขุนนางแน่นอน
นอกจากนี้เขาไม่ได้อยู่ในสภาวะที่สิ้นหวัง แม้วอลเลซจะมาจากตระกูลเอิร์ลลุนด์ก็ตาม อีกฝ่ายไม่สามารถคุมทุกอย่างในโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ได้อยู่แล้ว เพราะเบื้องหลังของโรงเรียนนี้ ราชวงศ์แห่งอาณาจักรคาร์โลใหญ่ที่สุด
ต่อให้วอลเลซจะพยายามเล่นสกปรกอะไร ก็ลอบสังหารเขาในโรงเรียนไม่ได้ง่าย ๆ เพราะโรงเรียนอัศวินยุคใหม่มีการตรวจสอบที่เข้มข้นและไม่เกรงใจตระกูลเล็กหรือใหญ่
“โอเค ไม่มีปัญหา ฉันจะไปรายงายท่านวอลเลซตามนี้”
เบนสันหัวเราะก่อนหันหลังแล้วเดินจากไป
แม้จะคาดไม่ถึงที่ฌอนปฏิเสธคำเชิญของวอลเลซ แต่ถ้าเบนสันรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ เขาคงไม่กังวลมากนัก เพราะถ้าฌอนกลายเป็นผู้ติดตามมวอลเลซ สถานะของเขาจะแย่ลงมาก
เมื่อเบนสันจากไป นักเรียนจากห้อง 6 ต่างมองฌอนด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็พากันเดินกลับโรงเรียน
หลังจากนี้จะไม่มีใครกล้ายุ่งกับฌอนอีก ราวกับว่าเขาเป็นตัวแพร่โรคระบาด เพราะกลัวโดนวอลเลซหมายหัวไปด้วย
เหลือแค่มัวร์ที่ยังอยู่ฌอนและไม่จากไปไหน
“เฮ้ นายปฏิเสธจริงด้วย”
มัวร์ถอนหายใจ แม้ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาแต่ฌอนก็คือฌอน ที่น่าเป็นห่วงคืออำนาจของตระกูลเอิร์ล แม้แต่ทางโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ยังแทรกแซงได้ยาก เพราะอีกฝ่ายมีสิทธิพิเศษมากมาย
“นายก็รู้ ว่าฉันไม่ชอบติดตามใคร”
ฌอนรู้สึกประหลาดใจและประทับใจงมัวร์ในเวลาเดียวกัน ทั้งที่เขาอาจถูกมองว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและโดนวอลเลซหมายหัวไปด้วย แต่มัวร์ก็ยังไม่ทอดทิ้งเขา การตัดสินใจของมัวร์ในครั้งนี้ ทำให้ฌอนรู้สึกอยากรักษา ‘มิตรภาพ’ นี้ไว้นาน ๆ
“ระวังตัวด้วย วอลเลซจะต้องตอบโต้แน่นอน ฉันลองไปคิดดูแล้ว ที่แธ็คเกอร์เรย์มาขอสู้กับนาย ก็อาจเป็นคำสั่งของวอลเลซ แถมตอนนี้นายเพิ่งปฏิเสธเขาไป ปัญหาจะตามมาเร็ว ๆ นี้แน่ ไม่มากก็น้อย”
“อืม”
ฌอนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม และเขาเข้าใจดีที่ปฏิเสธไป
หลังแยกจากมัวร์ ฌอนเดินเข้าไปในป่าตามปกติ เพื่อทำตามแผนที่วางเอาไว้คือทดสอบความแข็งแกร่งของตัวเอง
แม้เขาจะรู้สึกหนักใจเล็กน้อยเกี่ยวกับวอลเลซ แต่ก็ไม่ได้กังวลขนาดนั้น
ถ้าเป็นนักเรียนคนอื่นที่เผชิญหน้ากับตระกูลเอิร์ลลุนด์ คงถูกสั่งสอนหรือไม่ก็กลัวจนหนีออกจากโรงเรียนไปแล้ว แต่ฌอนต่างออกไป และเขามีไพ่ตายซ่อนอยู่
เหนือสิ่งอื่นใด พรสวรรค์อัศวินระดับสูงเพียงอย่างเดียวก็มากพอที่จะเอาชนะเกมนี้ได้
ถ้าต้องการแก้แค้นวอลเลซกลับ ก็แค่รอให้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ ถึงเวลานั้น ฌอนที่ไม่มีกฎของโรงเรียนมาคอยผูกมัดอีกแล้ว เขาสามารถโต้กลับตระกูลเอิร์ลลุนด์ได้อย่างเต็มที่
เหลือก็แค่การพัฒนาพรสวรรค์อัศวินระดับสูง ฌอนมั่นใจทีเดียวว่าจะก้าวไปสู่ตำแหน่งอัศวินระดับสูงหรือมากกว่านั้นก่อนสำเร็จการศึกษา เพราะเลดี้สการ์เล็ต เซร่าก็จบการศึกษาก่อนเวลาด้วยพรสวรรค์อัศวินที่เธอมี และเขาจะต้องทำแบบนั้นให้ได้เหมือนกัน
ถึงตอนนั้นเขาจะได้รับตำแหน่งบารอนจากอาณาจักร แม้ตระกูลเอิร์ลลุนด์ต้องการกำจัดเขา ก็ไม่กล้าทำอย่างโจ่งแจ้งแน่นอน สุดท้ายแล้ว ยังมีช่องว่างระหว่างอัศวินระดับบารอนและตระกูลเอิร์ลอยู่