สุดยอดอัศวิน บทที่ 23 : รับขวานให้ได้
สุดยอดอัศวิน บทที่ 23 : รับขวานให้ได้
ตึง ชิ้ง ชิ้ง!
ในป่าเล็ก ๆ ฌอนและมัวร์กำลังต่อสู้กัน ดาบในมือสะท้อนแสงวิบวับ พุ่งเข้าปะทะกัน
ประกายแสงนั้นสวยงาม แต่ก็อันตรายถึงชีวิต
ทั้งสองกำลังฝึกฝนวิชาดาบอัศวิน ทำให้พลังทางกายภาพของพวกเขาเหนือกว่าคนทั่วไปมาก แถมความแข็งแกร่งยังเพิ่มมากขึ้นและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อพูดถึงพลังดาบแล้ว ดาบที่พวกเขาฟาดฟันแต่ละครั้งเต็มไปด้วยพลังทำลายมหาศาล ถ้าคนธรรมดาทั่วไปหรือใครก็ตามถูกดาบนี้ฟาดฟัน จะต้องสูญเสียแขนหรือขาอย่างแน่นอน
หลังจากรู้ว่าเบนสันคือคนจ้างโจรพวกนั้น ฌอนก็ชวนมัวร์มาฝึกวิชาดาบอัศวินในป่าตามปกติ
“ใส่มาให้เต็มที่!”
ในระหว่างการต่อสู้ มัวร์ตะโกนอย่างตื่นเต้น ดาบในมือสะท้อนแสงสีขาวเหมือนถูกน้ำแข็งและหิมะห่อหุ้มแล้วฟาดลงไปยังฌอน เป็นรูปแบบของกระบวนท่าที่หกในวิชาดาบอัศวินเหมันต์สีเงิน มีชื่อว่า ‘เหมันต์สีเงิน เฉือนเกร็ดหิมะ’
“จัดให้ตามขอ”
เมื่อได้ยินคำพูดของมัวร์ ฌอนก็ยิ้มมุมปากก่อนหันปลายดาบพุ่งตรงออกไปราวกับลมกระโชก และฟันไปทางมัวร์อย่างรวดเร็ว
ชิ้ง!
เด็กชายคนหนึ่งล้มลงทันที แล้วถอยหลังไปสิบก้าว จนหลังไปพิงกับต้นไม้ เด็กชายคนนี้คือมัวร์
หลังจากหยุดชะงัก มัวร์ก็มองไปที่ฌอนด้วยความตกใจ แม้เขาจะรู้ว่าความแข็งแกร่งของฌอนนั้นสามารถต่อสู้กับแธ็คเกอร์เรย์ได้ แต่เมื่อรับการโจมตีของฌอนด้วยตัวเอง ก็ถึงกับตกตะลึง เพราะความแข็งแกร่งนี้เทียบเท่ากับแธ็คเกอร์เรย์ได้เลย และคงไม่ยากที่จะกลายเป็นหนึ่งในคนที่เก่งที่สุดของห้อง
“เป็นไงบ้าง? นายโอเคนะ!”
หลังจากใส่ดาบอัศวินกลับเข้าฝัก ฌอนก็เดินไปหามัวร์และถามด้วยความเป็นห่วง
“สบายมาก”
มัวร์หัวเราะและเอามือถูหลังที่เจ็บเล็กน้อยจากการชนต้นไม้
“นายแข็งแกร่งขึ้นมาก ถ้าโจมตีด้วยกำลังทั้งหมด ฉันคิดว่านายอาจเอาชนะฉันได้ในสามกระบวนท่า แต่ก็ขอบคุณที่นายออมแรงมาตลอดนะ แถมยังช่วยฉันฝึกวิชาดาบอีก”
มัวร์ไม่รู้สึกอิจฉาฌอนเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาเข้าใจความพยายามของฌอนดีกว่าใคร และตอนนี้ความแข็งแกร่งของฌอนก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในความคิดของมัวร์ ฌอนแข็งแกร่งขึ้นได้เพราะความมีระเบียบวินัยในตัวเอง
“ไม่หรอกน่า”
ฌอนยิ้มตอบ ก่อนหน้านี้เขาซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้เพื่อไม่ให้เป็นจุดเด่นเกินไป แต่ดูเหมือนมัวร์จะเข้าใจว่าฌอนข่มความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อเป็นคู่ซ้อมให้เขา ในเมื่ออีกฝ่ายเข้าใจแบบนี้ ฌอนก็ไม่ได้ขัดข้อง
“ตามนั้น”
มัวร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอีกครั้ง
“แล้วคาราวานของครอบครัวนายล่ะ? ธุรกิจที่บ้านฉันมีลูกน้องอยู่เยอะ ถ้าจำเป็น ฉันให้นายยืมไปช่วยได้นะ”
“ไม่เป็นไร พ่อบ้านของฉันน่าจะมีจ้างทหารเพิ่มไปแล้ว”
ฌอนส่ายหน้าแล้วตอบ
“โอเค ถ้าต้องการก็บอกได้ทุกเมื่อ”
มัวร์พยักหน้า แล้วเก็บดาบอัศวินกลับเข้าฝัก จากนั้นก็หันไปมองฌอนแล้วพูด
“ไปโรงอาหารกันไหม?”
“ไม่ดีกว่า ฉันอยากแวะไปดูคาราวานสักหน่อย”
“ได้เลย”
เมื่อแยกจากมัวร์ ฌอนก็เดินตรงออกจากโรงเรียนและไปยังโรงแรมในเมืองหลวงที่คาราวานพักอยู่
“สวัสดีครับ ท่านฌอน!”
โรงแรมมีลักษณะเหมือนบ้านเก่าแก่แต่ค่อนข้างสะอาดทีเดียว เมื่อฌอนเดินเข้าไปในสวนหลังโรงแรม เขาก็ได้รับการต้อนรับจากคนกลุ่มหนึ่งที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผล และพวกเขาเป็นทหารที่รอดชีวิตในวันนั้น
ทุกคนมองฌอนด้วยความชื่นชม และรู้สึกขอบคุณอย่างสุดหัวใจ ที่ฌอนผู้กล้าหาญได้โผล่มาช่วยพวกเขาทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว
“อืม”
ฌอนพยักหน้า ก่อนมองไปที่ชายวัยกลางคนในกลุ่มแล้วถาม
“พ่อบ้านพาวด์อยู่ไหน?”
“พ่อบ้านกำลังคุยกับหัวหน้าทหารรับจ้างอยู่ในห้องรับแขกครับ”
ชายวัยกลางคนตอบด้วยความเคารพ
ชายวัยกลางคนเป็นหัวหน้าทหารดูแลคาราวานมีชื่อว่าสโตว์ เลสลาย เดิมทีเขาไม่ค่อยได้คุยกับฌอน เพราะรู้สึกว่าอีกฝ่ายอ่อนแอเกินไป แต่ถ้าพูดถึงวิชาดาบอัศวิน เขาก็ไม่น้อยหน้าใคร
แต่เมื่อฌอนแสดงพละกำลังที่น่าสะพรึงกลัวในวันนั้น สโตว์ตกใจมากจนความดูถูกในใจหายไป และแทนที่ด้วยความเคารพที่มีต่อฌอน
“หัวหน้าทหารรับจ้างเหรอ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฌอนก็ขมวดคิ้วและถาม
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมป่านนนี้ยังหาทหารไม่ได้อีก?”
“ทหารพวกนั้นเอาแต่นั่งเฉย ๆ แล้วก็ขอขึ้นราคาครับ!”
สโตว์แสดงความไม่พอใจขณะพูด
“พวกเขารู้ว่าหลังจากที่คาราวานถูกโจรดักปล้นและมีคนตาย ก็ขอขึ้นราคากันแบบเอาเป็นเอาตายเลยครับ แถมตอนนี้ยังขอขึ้นราคาเรื่อย ๆ ไม่หยุด”
“ขอขึ้นราคา?”
ฌอนขมวดคิ้ว
เหตุผลที่คาราวานต้องเดินทางมายังเมืองหลวงเป็นประจำก็คือ นำหนังสัตว์ที่ซื้อมาจากเมืองเอซายมาขายให้กับตัวแทนจำหน่ายเครื่องหนัง แต่ในทางกลับกัน พวกเขาก็ต้องขนส่งสินค้าบางอย่างที่ขาดตลาดไปขายคืนที่เมืองเอซาย
แม้จะได้กำไรไม่มากแต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย หลังจากทหารหลายคนเสียชีวิตในวันนั้น ทางพ่อบ้านต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตไปมากพอสมควร ทำให้เงินที่ได้จากการซื้อขายลดลงไปด้วย และเวลานี้ทหารรับจ้างยังมาขอขึ้นราคาอีก
เมื่อเป็นแบบนี้ ฌอนก็เดินตรงไปที่ห้องรับแขก พอเดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงสองเสียงกำลังคุยกัน เสียงหนึ่งเป็นพ่อบ้านพาวด์ที่ฌอนคุ้นเคยเป็นอย่างดี และอีกเสียงคือหัวหน้าทหารรับจ้าง
“ไม่ได้ อย่างน้อยต้อง 500 เหรียญเงิน ไม่อย่างนั้นฉันขอไม่รับงานนี้”
หัวหน้าทหารรับจ้างกพูดอย่างหนักแน่น
“ราคาที่คุณขอมันมากเกินไป ปกติแล้วต้องจ่ายแค่ 250 เหรียญเงิน!”
พ่อบ้านพาวด์พูดเสียงเข้ม
“ไม่ก็คือไม่ เดี๋ยวนี้ที่ไหนก็ขึ้นราคากันทั้งนั้น แถมคาราวานของคุณยังถูกโจรปล้นตั้งแต่ออกากเมืองหลวงไปนิดเดียว เห็นไหมว่าพวกคุณตกเป็นเป้า งานนี้เสี่ยงเกินไป”
เมื่อฌอนเดินเข้ามาในห้องรับแขกก็เห็นหัวหน้าทหารรับจ้าง
ชายคนนี้ดูเป็นคนที่แข็งแรง จากการประเมินด้วยสายตาน่าจะสูงถึง 6 ฟุต ขนาดตัวหนาใหญ่และห้อยขวานไว้ด้านหลัง เมื่อเห็นว่าคาราวานขาดกำลังคน เขาจึงขอขึ้นราคาสูงแบบนี้
หัวหน้าทหารรับจ้างมีชื่อว่าพัลม่า ลุยเซ่
“แต่หัวหน้าพวกโจรถูกนายน้อยของผมฆ่าไปแล้ว คงไม่มีโจรที่เหลือมาดักปล้นหรอก ป่านนี้คงกลัวหัวหดอยู่แต่ในบ้าน”
ชายชราอธิบายอย่างอดทน
“นั่นไม่ใช่ประเด็น ยังไงก็ราคานี้ไม่ลดไม่เพิ่ม ถ้าคุณจ่ายไม่ไหวก็ไปซะ”
พัลม่าส่ายหน้า
“แล้วที่คุณบอกว่านายน้อยอะไรนั่นฆ่าหัวหน้าโจรได้ มันไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่”
“ถึงคาราวานจะเอาชนะพวกโจรแล้วรอดมาได้ แต่ถึงอย่งานั้นพวกโจรก็ไม่ใช่ขี้ ๆ แปลว่าพวกเขาต้องมีประสบการณ์การต่อสู้ไม่น้อยเลย ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายน้อยของคุณจะฆ่าหัวหน้าโจรได้”
“นายน้อยของผมเป็นนักเรียนจากโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ ความแข็งแกร่งของเขาไม่ด้อยไปกว่าใครแน่นอน”
พ่อบ้านพาวด์ขมวดคิ้ว
“ฉันรู้ รู้ว่าโรงเรียนอัศวินยุคใหม่เป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดในอาณาจักรคาร์โล แต่ฉันไม่เชื่อว่านายน้อยคนนั้นจะเอาชนะผู้ใหญ่ที่ฝึกฝนมาหลายปีได้ ถ้าข้องใจมากก็เรียกเขามาสิ อยากรู้จริง ๆ ว่านายน้อยของคุณจะรับขวานของฉันได้หรือเปล่า?”
พัลม่าแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
“จะลองดูไหมล่ะ? คุณมั่นใจขวานของตัวเองจังเลยนะ?”
ฌอนเดินไปหาพัลม่าที่ถือขวานด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
ฌอนไม่ได้สนใจคำดูถูกเหยียดหยามของอีกฝ่าย แต่ข้องใจตรงที่อีกฝ่ายขึ้นราคามากเกินไป ฌอนจึงเสแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินไม่ได้
เมื่อได้ยินคำพูดของฌอน พัลม่าก็หันไปมองและเห็นว่าเขาเป็นเด็กชายอายุประมาณ 15 ปี ก่อนขมวดคิ้วแล้วหันไปมองชายชราอย่างไม่พอใจ
“เด็กที่ไหนเนี่ย? เห็นไหมว่าผู้ใหญ่กำลังคุยกันอยู่? ใครปล่อยให้เด็กเข้ามา?”
“นี่คือนายน้อยของผมเอง!”
พ่อบ้านพาวด์รู้สึกโกรธที่พัลม่าดูแคลนฌอน เลยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถามของอีกฝ่าย
“แล้วที่คุณบอกว่าเด็กเข้ามาไม่ได้ ที่นี่มีกฎห้ามด้วยเหรอ?”
“ในเมื่อไว้ใจนายน้อยของตัวเองมาก จะจ้างทหารพวกเราไปทำไม?”
เมื่อเห็นว่าพ่อบ้านพาวด์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และคำพูดเริ่มดูห้วน ๆ พัลม่าก็รู้สึกไม่พอใจและตอบกลับด้วยความโกรธ
“อา…”
เมื่อได้ยินแบบนี้ พ่อบ้านพาวด์ก็ตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะหัวหน้าทหารรับจ้างคนนี้เป็นกลุ่มที่สี่แล้วที่เขาเรียกมาเจรจา ส่วนก่อนหน้านี้ก็เจรจาล้มเหลวทั้งหมด เหตุผลที่เขามีท่าทีแข็งกร้าวในตอนนี้ เป็นเพราะอีกฝ่ายดูแคลนฌอนซึ่งทำให้เขาโกรธมาก ๆ
ขณะเดียวกันฌอนเดินตรงไปที่เก้าอี้ข้าง ๆ เขาและนั่งลง พร้อมมองไปที่พัลม่า
“เมื่อกี้คุณบอกว่าผมอาจรับขวานนั้นไม่ได้เหรอ?”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม?!”
เมื่อมองไปที่ฌอน พัลม่าก็ตะคอกเสียงดังราวกับต่อว่าเด็ก
“แล้วได้ลองรึยัง?”
ฌอนหัวเราะเยาะ
“ถ้าอยากลองฉันก็ไม่รังเกียจหรอก แต่ถ้าเสียแขนหรือขาไป ก็อย่าโทษฉันแล้วกัน!”
พัลม่ามองไปที่ฌอนด้วยสีหน้าไม่พอใจ