สุดยอดอัศวิน บทที่ 22 : ทุบเท้าตัวเอง
สุดยอดอัศวิน บทที่ 22 : ทุบเท้าตัวเอง
การฝึกแบบคู่เป็นส่วนสุดท้ายของการสอน เมื่อการดวลจบลง ชั่วโมงเรียนนี้ก็หมดเวลาพอดี
เดิมทีหลังจากการฝึกฝน ฌอนมักจะไปที่ป่าเล็ก ๆ ด้านหลังโรงเรียนทันทีเพื่อฝึกฝนเพิ่มเติม แต่วันนี้เขาไม่ได้ไปที่นั่นและตรงไปหาเบนสันแทน
ฌอนไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วแธ็คเกอร์เรย์มีจุดประสงค์อะไร เป็นเพราะว่าเบนสันแนะนำให้อีกฝ่ายรู้จักกับวอลเลซ แต่เขามาหาเบนสันด้วยเหตุผลอีกอย่างหนึ่ง
เมื่อสองวันก่อน คาราวานของตระกูลแคมป์เบลถูกโจมตี แม้เขาจะรู้สึกว่าเบนสันอาจเป็นตัวการ แต่ก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้เขาต้องการสืบว่าเป็นเบนสันที่จ้างโจรพวกนั้นหรือไม่
“เจ้านั่นมานี่ทำไม?”
เมื่อเห็นฌอนเดินเข้ามา เบนสันก็หรี่ตาลงและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวในใจ จึงรีบเดินหลบไปอีกทาง
ถ้าเป็นเมื่อวันก่อน เบนสันจะไม่เป็นแบบนี้เลยเพราะเขาเชื่อเสมอว่าฌอนเอาชนะตัวเองได้เพราะความโชคดี แต่เมื่อเห็นการต่อสู้ระหว่างฌอนกับแธ็คเกอร์เรย์ในวันนี้ แม้เขาจะรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าความแข็งแกร่งของฌอนเหนือกว่าเขาจิรง ๆ
“เบนสัน”
เบนสันพยายามหลบฌอน แต่ฌอนก็ไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายหลุดมือไป เขารีบก้าวยาวไปด้านข้างเพื่อขวางทางเบนสัน แล้วมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“ฌอน นายต้องการอะไร? โรงเรียนไม่อนุญาตให้ใช้ความรุนแรง นายอยากถูกไล่ออกใช่ไหม?”
เมื่อเห็นฌอนเข้ามาขวางทาง สีหน้าของเบนสันก็เปลี่ยนไป น้ำเสียงเริ่มสั่น แววตาเต็มไปด้วยความกลัว
“ถามอะไรหน่อย”
ฌอนไม่สนใจคำขู่ของเบนสัน แล้วพูดด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“อะไร ถามอะไร...?”
หัวใจของเบนสันเต้นแรง และจู่ ๆ เขาก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี
“นายจ้างพวกโจรไปโจมตีคาราวานของตระกูลแคมป์เบลใช่ไหม?”
ขณะที่พูด ฌอนก็จ้องเขม็งไปที่เบนสัน
“ว่าไงนะ โจรอะไรกัน…”
ปฏิกิริยาของเบนสันชัดเจนมาก ท้ายที่สุดเขายังเป็นแค่เด็กชาย ความลับถูกเปิดเผยอย่างรวดเร็ว แม้จะแสดงสีหน้าตื่นตระหนกอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยายามปกปิดมันให้เร็วที่สุด แต่อีกฝ่ายก็จับผิดเขาไปแล้ว
“นายนั่นเอง…”
การสันนิษฐานของฌอนได้รับการยืนยัน และเขาก็แสดงสีหน้าเย็นชามากกว่าเดิม
เพราะโจรที่เบนสันจ้างมา ทหารของตระกูลแคมป์เบลสิบกว่าคนต้องจบชีวิตลง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฌอนก็ไม่สามารถระงับความโกรธเอาไว้ได้
“นะ นาย ฉันไม่รู้ว่านายพูดเรื่องอะไร…”
เบนสันพยายามบ่ายเบี่ยง แต่จากคำพูดของฌอน อีกฝ่ายคงมั่นใจแล้วว่าเขาเป็นคนจ้างโจรพวกนั้น
“เดี๋ยว ฌอนไปคุยกับเบนสันเหรอ?”
การบรรยายของอาจารย์สิ้นสุดลง นักเรียนคนอื่น ๆ ในห้องกำลังออกจากสนามฝึก แต่พวกเขาคาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นฌอนที่เพิ่งต่อสู้กับแธ็คเกอร์เรย์อย่างสูสี ทำสิ่งที่น่าสนใจอีกครั้ง โดยการเข้าไปคุยกับเบนสัน ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทุกคนจึงหยุดเดินแล้วยืนล้อมทั้งสองไว้ เนื่องจากส่วนใหญ่ยังไม่ลืมว่าฌอนกับเบนสันเคยมีปากเสียงกันมาก่อน
“คาราวานของตระกูลแคมป์เบลถูกโจรปล้นเหรอ?
มัวร์ที่ยืนอยู่ใกล้ทั้งสอง เมื่อได้ยินฌอนถามเบนสันถึงเรื่องนั้น เขาก็อดแสดงความตกใจไม่ได้
ธุรกิจของตระกูลแคมป์เบลถือเป็นหัวใจของครอบครัวฌอน แต่เบนสันกลับจ้างพวกโจรมาดักปล้นคาราวานของตระกูลแคมป์เบล มัวร์ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมฌอนถึงเข้าไปหาเบนสันพร้อมสีหน้าโกรธจัด
นักเรียนคนอื่นที่ได้ยิน อดไม่ได้ที่จะมองเบนสันด้วยสีหน้าแปลก ๆ และเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เบนสันอาจแค้นใจที่แพ้ฌอนในการประลอง เขาเลยจ้างโจรกลุ่มหนึ่งไปดักปล้นคาราวานของครอบครัวอีกฝ่าย ฌอนจึงเข้าไปหาเบนสันด้วยความโกรธ...
“แค่แพ้การประลอง ถึงขั้นต้องจ้างคนไปทำร้ายคนในครอบครัวของฌอนเลยเหรอ?”
ขณะเดียวกันอาจารย์เชาเซอร์ที่ยังไม่ไปไหน ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าอย่างลับ ๆ เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสอง
ทางโรงเรียนส่งเสริมการประลอง เนื่องจากการประลองเป็นตัวตัดสินทุกอย่างได้ดีที่สุด แต่ความขัดแย้งภายในโรงเรียนก็ควรได้รับการแก้ไขในโรงเรียน การขยายความขัดแย้งออกไปนอกโรงเรียนนั้นถือว่าเกินขอบเขต
“ไอ้เวร”
ขณะเดินทางไปยังวิลล่าขนาดเล็ก สีหน้าของเบนสันเต็มไปด้วยความโกรธ
ก่อนหน้านี้มีอาจารย์เชาเซอร์อยู่ด้วย ฌอนจึงทำอะไรเขาไม่ได้ แต่คราวนี้เขาถูกทำให้ขายหน้าต่อสาธารณะ แถมช่วงนี้นักเรียนคนอื่นยังมองเขาเหมือนตัวตลก
ถ้าเป็นเมื่อนก่อน เบนสันจะโต้กลับอย่างรุนแรงและท้าประลองกับฌอน แต่เมื่อได้เห็นการต่อสู้ระหว่างฌอนและแธ็คเกอร์เรย์ เขาจะกล้าสู้กับฌอนได้ยังไง?
จากคนที่เกือบถูกไล่ออกกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่เพียงแต่ฌอนจะมีพละกำลังที่เหนือกว่าเบนสันเท่านั้น แต่ฌอนยังสามารถเผชิญหน้ากับแธ็คเกอร์เรย์ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของห้องเหมือนอยู่ในระดับเดียวกัน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เบนสันก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเด็กชายผิวขาวซีดกำลังเดินก้มหน้าก้มตา
ระหว่างทาง ทั้งสองไม่พูดอะไรกันสักคำ เห็นได้ชัดว่าแธ็คเกอร์เรย์ยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องที่ไม่สามารถเอาชนะฌอนได้ แถมตัวเองสัญญากับวอลเลซไปแล้วว่าตัวเองจะจัดการกับฌอนเอง
ทั้งสองต่างมีความกังวลของตัวเอง เมื่อเดินไปสุดทาง ผ่านโรงเรียนอัศวินอีกแห่งและถนนหินอ่อนก็มาถึงหน้าวิลล่าขนาดเล็กที่หรูหรา
ในวิลล่าขนาดเล็ก ด้านหลังมีสวนดอกไม้ หญิงสาวหลายคนมีรูปร่างดีและแต่งตัวด้วยชุดสาวใช้กำลังดูแลดอกไม้อย่างระมัดระวัง
ศาลาที่ตั้งอยู่กลางสวน บนเก้าอี้ผ้าใบมีเด็กชายคนหนึ่งนอนอย่างเกียจคร้าน
“ท่านวอลเลซ”
เบนสันและแธ็คเกอร์เรย์เดินไปยังด้านข้างของเด็กชาย แล้วพูดด้วยความเคารพ
“อืม”
เด็กชายคนนั่นคือวอลเลซ เขาพยักหน้าแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองทั้งสอง สักพักก็เอ่ยปากถาม
“ฌอนถูกสั่งสอนเรียบร้อยดีใช่ไหม?”
“คะ คือ…”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ทั้งสองต่างลังเลใจไปชั่วขณะ แธ็คเกอร์เรย์ทำผลงานไม่ดีนัก และเบนสันเป็นคนพาเขามาทำงานด้วย ดังนั้นเบนสันก็ต้องรับผิดชอบความผิดนี้ด้วย
“เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อสังเกตเห็นว่าทั้งสองลังเลที่จะพูด วอลเลซเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปยังพวกเขา
“อย่าบอกนะว่าไม่สำเร็จ?”
“ขออภัยครับท่านวอลเลซ มีบางอย่างผิดคาด”
แธ็คเกอร์เรย์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันและตอบ
“ผิดคาดเหรอ?”
สีหน้าของวอลเลซมืดดำลง ขณะมองไปที่แธ็คเกอเรย์และพูดอย่างเย็นชา
“บอกมา ว่าอะไรที่ผิดคาด?”
“ฌอนแข็งแกร่งขึ้นครับ ขนาดโจมตีไปสุดแรงแล้ว ก็ยังไม่ได้ผล…”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งแธ็คเกอร์เรย์ก็อธิบาย
“มันไม่ง่ายอย่างที่พูดไว้ใช่ไหม?”
เมื่อมองไปยังแธ็คเกอร์เรย์ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน สีหน้าของวอลเลซก็เย็นชาลงทันที
“นี่คือข้อแก้ตัวของนายสินะ?”
“ท่านวอลเลซ ผมไม่ได้แก้ตัวนะครับ!”
แธ็คเกอร์เรย์รีบปฏิเสธ
“ถ้าไม่ได้แก้ตัวแล้วมันคืออะไร?”
วอลเลซไม่เชื่อคำพูดอีกฝ่ายเลย
“ท่านวอลเลซ ผมเป็นพยานได้ว่าแธ็คเกอร์เรย์ไม่ได้แก้ตัว”
เบนสันช่วยยืนยัน
เมื่อเห็นว่าทั้งสองช่วยกันแก้ตัว วอลเลซก็เชื่อพวกเขาขึ้นเล็กน้อย แล้วมองทั้งสองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“สรุปให้ฉันฟังอย่างช้า ๆ ชัด ๆ”
“ครับ”
ทั้งสองไม่ลังเลและรีบอธิบายการต่อสู้กับฌอนอย่างละเอียด
หลังจากฟังเรื่องทั้งหมด วอลเลซก็ยิ้มอ่อน
“มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย ฉันพอมีวิธีจัดการอยู่ และคงไม่ต้องหาทางกำจัดฌอนแล้ว แต่ฉันเกรงว่าพวกนายคงต้องทำใจกันหน่อย”
วอลเลซหันไปมองเบนสัน
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว นายไปคุยกับฌอน ถ้าเขามาติดตามฉัน เรื่องก่อนหน้านี้ก็ปล่อยมันไป”
อันที่จริงเขากับฌอนไม่ได้เป็นศัตรูกัน แถมอีกฝ่ายยังสามารถเอาชนะเบนสันได้อีกด้วย
ถึงเรื่องของฌอนจะเป็นเรื่องเล็กสำหรับเขา แต่ก็มากพอที่ทำให้เด็กชาย ‘ผู้สูงศักดิ์’ เปลี่ยนใจ
ตอนนี้เขาไม่ต้องการกำจัดฌอนอีกแล้ว ถ้าใช้กลอุบายล่ออีกฝ่ายมาใช้ประโยชน์ คงคุ้มค่ากว่าการกำจัดทิ้งอย่างแน่นอน
“ตะ แต่… ท่านวอลเลซ?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เบนสันก็ตกตะลึง เพราะตัวเองกับฌอนเป็นศัตรูกัน แถมเขายังจ้างพวกโจรไปโจมตีคาราวานของตระกูลแคมป์เบลอีก ความขัดแย้งระหว่างพวกเขาที่เกิดขึ้น คงยากที่จะร่วมงานกัน ถ้าฌอนมาติดตามวอลเลซด้วยอีกคน เบนสันจะตกอยู่ในสภาพที่น่าอับอาย
“ไม่มีแต่ ฉันตัดสินใจแล้ว”
วอลเลซตัดสินใจอย่างเด็ดขาดโดยไม่สนใจความคิดเห็นของเบนสัน เบนสันได้แต่อ้าปากค้างเพราะพูดอะไรไม่ออก
ความจริงแล้ว การที่วอลเลซหาทางจัดการกับฌอนก็เป็นเพราะคำยุยงของเบนสัน และตอนนี้เขารู้สึกว่ากำลังทุบเท้าตัวเอง ถ้ารู้แต่แรกว่าเรื่องจะกลายเป็นแบบนี้ เขาจะไม่ยุยงวอลเลซเลย น่าเสียดายที่จะเสียใจในตอนนี้