สุดยอดอัศวิน บทที่ 18 : เจตนาฆ่า
สุดยอดอัศวิน บทที่ 18 : เจตนาฆ่า
ฉึก!
เสียงของมีคมทิ่มแทงเข้าไปที่ก้อนเนื้อตามด้วยเลือดกระเซ็นออกมา
ตำแหน่งที่ถูกดาบแทงดูเหมือนน้ำพุขนาดเล็ก เลือดสีแดงเข้มพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง
ซ่า!
อีกฝ่ายไม่ยอมละสายตาจากคนที่ร่วงล้มลงไป ซึ่งคนคนนั้นก็คือชายร่างสูง
ตั้งแต่ต้นจนจบ ฌอนไม่เคยละสายตาจากชายคนนั้น การผ่อนคลายความระมัดระวังต่อหน้าศัตรูก็ไม่ต่างอะไรกับการเสี่ยงตาย เขาจะทำผิดพลาดในสิ่งง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง? ชายคนนั้นแค่รอโอกาสให้เขาเสียสมาธิ
ในเวลาเดียวกัน เมื่อชายร่างสูงชักดาบเข้าหาฌอน ดาบของฌอนก็ขยับเช่นกัน
เดิมทีฌอนต้องการถามเรื่องคนที่จ้างพวกโจรให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่อีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือ และต้องการจะโจมตีเขาในขณะที่เขาถาม เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากเริ่มโจมตีก่อนที่จะเสียท่า
อย่างไรก็ตาม จากสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เขามั่นใจเกือบ 70% ว่าคนที่สั่งให้โจรเหล่านี้มาโจมตีคาราวานของตระกูลแคมป์เบลก็คือเบนสัน เป็นใครไปไม่ได้อีกแล้ว
เมื่อฌอนกลับมายังสถานที่ซึ่งคาราวานของตระกูลแคมป์เบลอยู่ พวกโจรทั้งหมดก็หนีไปหมดแล้ว เหลือเพียงศพของพวกโจรที่ตายอยู่ไม่กี่ศพ
ในทางกลับกัน คาราวานของตระกูลแคมป์เบลล์เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทหารได้รับบาดเจ็บทั้งหมด บางคนพันผ้าด้วยตัวเอง ในขณะที่คนอื่นพันผ้าให้เพื่อน
เมื่อพวกเขาเห็นคาราวานของตระกูลแคมป์เบลหลายสิบคนนอนจมกองเลือด ดวงตาก็เต็มไปด้วยความเศร้าใจอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนหลายสิบคนที่เคยพูดคุยและหัวเราะกันเมื่อสักครู่ ตอนนี้ต้องมานอนแน่นิ่งอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บบนพื้นดินไปตลอดกาล
“ท่านฌอน ท่านกลับมาแล้ว ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?”
เมื่อเห็นฌอนกลับมา พ่อบ้านพาวด์ก็รีบเข้าไปถามไถ่ เมื่อมองฌอนจากบนลงล่าง เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากยืนยันได้ว่าฌอนไม่ได้รับบาดเจ็บ
การปรากฏตัวของฌอนทำให้เขาประหลาดใจและทำให้เป็นกังวลในเวลาเดียวกัน เขาประหลาดใจกับ ‘พรสวรรค์อัศวิน’ ของฌอนมาก ทั้งยังกังวลว่าฌอนจะได้รับบาดเจ็บ แต่ตอนนี้ชายชรารู้สึกสบายใจขึ้นมาก
“ท่านฌอน!”
ทหารที่เหลือของตระกูลแคมป์เบลล์ทักทายฌอนทีละคน ซึ่งแตกต่างจากคำทักทายทั่วไปในอดีต ในเวลานี้ เสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ และขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฌอนเป็นคนช่วยชีวิตพวกเขา ถ้าฌอนไม่ปรากฎตัวออกมา ทุกคนคงถูกฆ่าตายหมดอย่างไม่ต้องสงสัย
ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง
พวกเขารู้ถึงความน่ากลัวของโจรกลุ่มนี้ว่าโหดเหี้ยมและมีประสบการณ์ในการต่อสู้มากแค่ไหน ทุกคนไม่สามารถป้องกันดาบได้แม้แต่เล่มเดียว แถมทหารหลายคนต้องมาจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของโจรพวกนั้น
แต่กลุ่มโจรที่เก่งกาจและโหดร้ายนี้กลับถูกฌอนไล่ต้อนออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ได้รู้ว่าฌอนฆ่าผู้นำกลุ่มโจรคนนั้นแล้ว พวกเขาก็เกิดความตื่นตะลึงสุดขีด
ในอดีต แม้พวกเขาจะรู้ว่าฌอนกำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนอัศวินยุคใหม่และเป็นสถาบันอัศวินที่ดีที่สุดในอาณาจักรคาร์โล แต่กลับไม่เคยรู้ว่าก่อนเลยว่าฌอนแข็งแกร่งขนาดนี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน แข็งแกร่งมากจริง ๆ
“อืม”
ฌอนพยักหน้า มองดูคาราวานของตระกูลแคมป์เบลที่นอนจมกองเลือด และรู้สึกตำหนิตัวเองในใจ
ท้ายที่สุด ความระมัดระวังของฌอนยังต่ำเกินไป ถ้าเขารู้ว่าเบนสันกำลังจ้องมองพ่อบ้านพาวด์อย่างมุ่งร้าย คงจะตื่นตัวให้เร็วกว่านี้ และเตือนพ่อบ้านพาวด์ให้ระวังตัว ทหารเหล่านั้นอาจไม่ต้องมาตาย
แม้ว่าเขาจะมาถึงโลกนี้เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้ว แต่ก็ยัง ‘ขาดความตระหนักในวิกฤต’ ที่จะเกิดขึ้น ตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ในสังคมเมื่อชาติที่แล้ว และเขาก็ยังไม่ได้แก้ไขตัวเองในจุดนี้
เขาอดไม่ได้ที่จะบอกกับตัวเองอย่างลับ ๆ ว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกที่สงบสุขอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป โลกนี้เป็นโลกที่เต็มไปด้วยผู้ฆ่าและผู้ถูกฆ่า การเข่นฆ่าอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
“อย่าโทษตัวเองเลย ท่านทำได้ดีแล้ว”
เมื่อเห็นการตำหนิตัวเองในแววตาของฌอน พ่อบ้านพาวด์ก็ลูบไหล่ฌอนแล้วปลอบใจเขา
“หากท่านมาไม่ทัน พวกเราทั้งหมดที่นี่คงตายไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาคงเป็นโชคชะตา ตั้งแต่วินาทีที่สมัครเป็นทหารของตระกูลแคมป์เบล ทุกคนก็ได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว อย่ากังวลเลยครับ ผมจะรายงานท่านเมื่อไปถึงจุดหมาย ท่านครับ สำหรับครอบครัวของคนที่ตายไป ทางเราจะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี”
ฌอนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เหลือ พ่อบ้านพาวด์จะเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมด
เขาเป็นชายชราที่เห็นเรื่องพวกนี้มามาก เขาคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้มานานแล้ว
เขาปลอบโยนทหารที่บาดเจ็บ แล้วช่วยฝังศพของโจรแถวนี้ จากนั้นก็จัดรถม้าสองคันเพื่อเคลื่อนย้ายทหารของตระกูลแคมป์เบลสิบกว่าคนที่เสียชีวิตกลับไปส่งให้ครอบครัวของพวกเขา
ในไม่ช้า คาราวานนี้ก็ออกเดินทางอีกครั้งภายใต้การดูแลของฌอน แต่คราวนี้ปลายทางไม่ใช่เมืองเอซาย แต่เป็นเมืองหลวง
ทหารส่วนใหญ่ถูกทำร้ายและยังมีศัตรูที่ซุ่มซ่อนอยู่ในความมืดอีกมาก หลังจากปรึกษาหารือกับฌอน พ่อบ้านพาวด์ก็ตัดสินใจกลับเมืองหลวงสักสองสามวันเพื่อพักฟื้น และจัดกำลังคนให้เพียงพอก่อน ถึงจะกลับไปยังเมืองเอซาย
พระอาทิตย์กำลังตกดินและท้องฟ้าก็ใกล้มืดลง ในป่าบนภูเขาใกล้เมืองหลวง ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมและปิดหน้า ยืนนิ่งสลับกับเดินไปมา
เขาคนนั้นเป็นคนจ่ายเงินจ้างพวกโจรให้ไปโจมตีคาราวานของตระกูลแคมป์เบลล์ และที่นี่คือที่ซึ่งเขาใช้นัดหมายพบกับพวกโจรและจ่ายเงินอีกครึ่งหนึ่ง
เวลาที่ตกลงกันคือตอนบ่าย แต่เขารออยู่ที่นี่กว่าสองชั่วโมงแล้ว แต่พวกโจรก็ยังไม่มา โดยปกติแล้ว เขาจะไม่มีทางรู้ผลลัพธ์ของการโจมตีคาราวานตระกูลแคมป์เบลล์ได้เลย จนกว่าพวกโจรจะมาตามนัด
ท้ายที่สุด เขาก็ได้แต่กระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ ก่อนหันหลังกลับเข้าเมืองหลวง ในอีกไม่ช้าประตูเมืองก็จะปิด และพรุ่งนี้เช้ายังมีเรียน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถรอที่นี่ต่อไปได้
เขาไม่รู้อะไรเลย แม้ว่าจะรอที่นี่จนข้ามคืน เขาก็ไม่มีทางได้เจอกับพวกโจรอีก พวกโจรที่พ่ายแพ้ต่างหวาดกลัวและหนีไปกันหมดแล้ว พวกเขาจะกล้ามารับเงินที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งได้ยังไง
ต่อให้รายได้ดีแค่ไหน ผู้นำของพวกเขาก็ตายไปแล้ว โจรเหล่านี้จึงได้แต่ซ่อนตัวอยู่ตามพื้นที่ห่างไกล และไม่กล้าปรากฎตัวใกล้ ๆ เมืองหลวงอีก
หลังจากกลับมาที่เมืองหลวงพร้อมกับคาราวานตระกูลแคมป์เบลล์ ฌอนก็แยกทางกับพวกเขา เพราะเขาไม่สามารถช่วยอะไรที่เหลือได้ พ่อบ้านพาวด์นั้นเก่งกว่าในเรื่องอื่น ๆ เช่น การจัดวันพักผ่อน และการจ้างทหารรับจ้าง ที่สำคัญเขาต้องกลับไปเรียนที่โรงเรียน
ระหว่างทางเดินกลับโรงเรียน ฌอนรู้สึกหนักใจกับเจตนาฆ่าในครั้งนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเก็บมันไว้ในใจ
ก่อนอื่น เขาไม่แน่ใจว่าคนที่จ้างพวกโจรคือเบนสันจริง ๆ แม้แต่ผู้นำกลุ่มโจรก็ไม่เห็นหน้าว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
อีกอย่าง ในฐานะนักเรียนของโรงเรียนอัศวินยุคใหม่ ถ้าเบนสันตายขึ้นมา ทางโรงเรียนจะทำการสอบสวน แล้วถ้าตรวจพบคนทำผิด คนคนนั้นจะได้รับโทษที่รุนแรงมาก
เพราะเคยมีเด็กชายผู้สูงศักดิ์แอบฆ่าเด็กชายสามัญชน แล้วทิ้งศพไว้ในถิ่นทุรกันดาร แต่ในที่สุดเขาก็ถูกตรวจพบโดยทางโรงเรียน เด็กชายผู้สูงศักดิ์คนนี้จึงถูกปลดอาวุธและถูกไล่ออกจากโรงเรียน เห็นได้ชัดว่าการปกป้องนักเรียนของโรงเรียนอัศวินยุคใหม่นั้นเข้มงวดมาก
คิดไปคิดมามันก็น่าสงสัย ถ้าสามัญชนที่มีพรสวรรค์อัศวินล้วนถูกโจมตีและถูกสังหารโดยเหล่าขุนนาง โรงเรียนอัศวินยุคใหม่จะผลิตอัศวินที่ยอดเยี่ยมได้ยังไง?
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมโรงเรียนอัศวินถึงไม่ได้ห้ามพวกเขาขึ้นสนามประลอง แต่ตั้งกฎว่าพวกเขาไม่สามารถฆ่ากันเอง หรือทำให้พิการได้
“ฉันคงต้องทนแบบนี้ต่อไปสินะ!”
ฌอนถอนหายใจเล็กน้อย และในที่สุดก็ล้มเลิกแผนการลอบสังหารเบนสันอย่างลับ ๆ
แม้โรงเรียนอัศวินยุคใหม่อาจไม่รู้ว่าฆาตกรที่เขาเบนสันเป็นใคร แต่เขาก็ไม่กล้าเสี่ยง
โอกาสที่ฌอนได้มาเกิดใหม่อีกครั้ง เทียบไม่ได้เลยกับชีวิตของเบนสันแค่คนเดียว สำหรับเขาแล้วชีวิตของตัวเองมีค่ามาก
นอกจากนี้ เป็นไปไม่ได้ที่โรงเรียนอัศวินยุคใหม่จะปกป้องเบนสันไปตลอดชีวิต เมื่อเบนสันสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนี้ ความสัมพันธ์ของเขากับโรงเรียนนี้ก็ถือว่าจบลง
ในเวลานั้น ต่อให้ฌอนลอบฆ่าเบนสันจริง ๆ ทางโรงเรียนก็จะไม่มายุ่งอะไรกับฌอนแน่
“ถึงงั้นก็เถอะ ยังไงฉันก็ไม่รู้สึกดีขึ้นอยู่ดี”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เบนสันเคยทำกับเจ้าของร่างเดิมนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นบนมุมปากของฌอน
ถึงเขาจะฆ่าเบนสันไม่ได้ แต่เขาสามารถสร้างปัญหาให้เบนสันได้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีพละกำลังขนาดไหน เขาก็ไม่เห็นต้องกังวลเกี่ยวกับมันเลยสักนิด
เมื่อครึ่งเดือนก่อน เขาสามารถเอาชนะเบนสันได้เนื่องจากความประมาทและความมั่นใจในตัวเองจนเกินไปของเบนสัน แต่ตอนนี้เขาไม่ได้กลัวอีกฝ่ายต่อไปแล้วและยังมั่นใจว่าตัวเองสามารถเอาชนะเบนสันแบบตัวต่อตัวได้อย่างแน่นอน ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งของฌอนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ต้องบอกว่าพรสวรรค์อัศวินระดับสูงนั้น เป็นพรสวรรค์ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง