บทที่ 9 : ข่าวจากพระราชวัง
พื้นที่ต้องห้ามภูเขาด้านหลัง
"หืม..ผนึกเริ่มอ่อนกำลังลง"
ในความมืด ปรากฏร่างเงาที่น่าสะพรึงกลัว ถูกล่ามเอาไว้ด้วยโซ่เหล็กที่ทรงพลังห้าเส้น
อ๊าก!!!!!!
เขาพยายามดิ้นรนอย่างหนัก แต่โชคไม่ดีที่ถูกโซ่เหล็กล็อคเอาไว้อย่างแน่นหนา
"ผนึกเวรนี้ ราชาองค์นี้จะหลุดพ้นจากการจ้องจำของเจ้าไม่ช้าก็เร็ว"
“เอาเถอะ ราชาองค์นี้จะได้เห็นดวงอาทิตย์อีกครั้งในอีกไม่ช้า และราชาองค์นี้จะต้องไปคิดบัญชีกับราชวงศ์ต้าเซียที่ทำเอาไว้กับข้า”
เสียงที่น่าสะพรึงกลัวก็ค่อยๆ หายไป และพื้นที่ต้องห้ามก็กลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
เสาหินทั้งห้าที่ปิดผนึกถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเสาหินทั้งห้าในตอนนี้นั้นถูกกัดเซาะอย่างรุนแรง
ในอีกด้านหนึ่ง ชายชราผู้พิทักษ์และหัวหน้าทหารองครักษ์ที่ตอนนี้เหลืออยู่เพียงคนเดียวกำลังมองดูใบไม้ที่ปักอยู่บนก้อนหินด้วยท่าทางสยองขวัญ
ใบไม้ที่เหี่ยวเฉาเปื้อนเลือดฝังลึกเข้าไปในหิน
เมื่อกี้มันเป็นเพียงแค่ใบไม้แห้งจริงๆเหรอ มันสามารถสังหารหัวหน้าทหารองครักษ์ที่ถูกควบคุมโดยราชาปีศาจ และทันใดนั้นใบไม้แห้งอีกใบก็เอาชนะร่างเงาดำของราชาปีศาจได้
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนทุกคนที่อยู่ใกล้เคียงไม่สามารถตอบสนองได้ และร่างเงาสีดำก็หายไป
"เขาเป็นใคร?"
การแสดงออกของชายชราผู้พิทักษ์นั้นดูเคร่งขรึมและพายุก็โหมกระหน่ำในใจของเขา
เขารู้สึกได้ถึงพลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวที่หลงเหลืออยู่บนใบไม้ที่เหี่ยวแห้งนี้ และปรมาจารย์ลึกลับเขาสามารถใช้ใบไม้เพื่อสังหารหัวหน้าทหารองครักษ์ที่ถูกควบคุมโดยราชาปีศาจที่อยู่ในขอบเขตปรมาจารย์โดยกำเนิดได้ทันที
และเขายังสังหารร่างเงาดดำของราชาปีศาจฆ่าได้ในคราวเดียว และความแข็งแกร่งเช่นนี้ช่างน่าตกใจ
"ความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ลึกลับคนนี้ช่างน่ากลัว ปรมาจารย์ลึกลับเขาได้สังหารหัวหน้าทหารองครักษ์ที่ถูกควบคุมโดยราชาปีศาจที่อยู่ในขอบเขตปรมาจารย์โดยกำเนิดหลังจากที่เขากลายเป็นปีศาจด้วยใบไม้เพียวใบเดี่ยว"
ชายชราผู้พิทักษ์หัวใจของเขารู้สึกหนักอึ้งและหวาดกลัว
หัวหน้าทหารองครักษ์อีกคนที่อยู่ด้านข้างก็คาดเดาอะไรบ้างอย่างและพูดออกมา "ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ หรือว่าอาจเป็นปรมาจารย์ที่ทางราชวงศ์ส่งมาหรือไม่"
"มันก็อาจเป็นไปได้."
ชายชราผู้พิทักษ์พยักหน้าทันที แต่หลังจากนั้นเขาก็ส่ายหัวอีกครั้ง "เท่าที่ข้ารู้ มีผู้อาวุโสของตระกูลราชวงศ์เพียงไม่กี่คนที่อยู่ในขอบเขตปรมาจารย์โดยกำเนิดในปัจจุบัน และปรมาจารย์ของราชวงศ์ไม่สามารถมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้"
"ผู้ที่สามารถฆ่าปรมาจารย์โดยกำเนิด ได้ภายในไม่กี่วินาที อย่างน้อยก็จะต้องเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่หรือ"
หัวหน้าทหารองครักษ์กลืนน้ำลายของเขาลงไปและถามออกมาด้วยความหวาดกลัว
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า "หรือว่าจะเป็นคนคนเดี่ยวกันกับที่จัดการกับทหารยามองครักษ์ที่เฝ้าพื้นที่ต้องห้ามภูเขาด้านหลังใช่หรือไม่"
ชายชราผู้พิทักษ์ครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานและพูดออกมาอย่างแผ่วเบา "ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร พูดสั้นๆก็คือเขาเพิ่งจะช่วยเหลือพวกเราจากราชาปีศาจ"
“พวกเราแค่ต้องปกป้องสถานที่แห่งนี้ และปิดล้อมพื้นที่ต้องห้ามเอาไว้ก็เพียงพอแล้ว”
หลังจากที่ชายชราผู้พิทักษ์พูดจบ ภายในใจของเขาก็มีความรู้สึกว่าปรมาจารย์ลึกลับจะต้องซ่อนตัวอยู่ในดินแดนบรรพบุรุษ และเขาก็ไม่ต้องการที่จะปรากฏตัวออกมา
ปรมาจารย์ลึกลับคงจะต้องการอยู่ในสถานที่แห่งนี้อย่างเงียบๆ และไม่ต้องการให้ใครเข้าไปรบกวน
“พวกเราไปจัดการกับสถานการณ์ในตอนนี้กันก่อนดีกว่า”
“ทุกคนแยกย้ายกันไปได้แล้ว และห้ามทุกคนเข้าใกล้พื้นที่ต้องห้ามภูเขาด้านหลังในระยะ 1,000 เมตร”
ชายชราผู้พิทักษ์ออกคำสั่งในทันที และสั่งให้ข้ารับใช้ที่อยู่ที่นี้แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง หลังจากนั้นไม่นานทหารองครักษ์และข้ารับใช้กลุ่มหนึ่งก็เริ่มทำความสะอาดสถานที่
........
เซี่ยเฉิน ไม่ได้สนใจเลยเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เขาลงมือ
หลังจากฆ่าปีศาจแล้ว เซี่ยเฉิน ก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติอย่างเช่นที่เคยทำ กวาดพื้น ตักน้ำ เก็บมูลสัตว์ ตัดไม้ และลงชื่อเช็คอินในที่ต่าง และผู้คนก็แทบจะลืมการมีอยู่ของเขา
ตั้งแต่เหตุการณ์ที่หัวหน้าทหารองครักษ์ที่ถูกควบคุมโดยราชาปีศาจอาละวาดไล่สังหารผู้คน ก็ไม่มีใครกล้าเหยียบเข้าไปในบริเวรพื้นที่ต้องห้ามภูเขาด้านหลังอีก ในระยะหนึ่งพันเมตร
วันเวลาผ่านไป เซี่ยเฉิน ก็ทำงานของเขาไปตามปกติในทุกๆวัน กวาดพื้น แบกน้ำ และลงชื่อเช็คอินอย่างมีความสุขและได้รับสมบัติมามากมาย
มันเป็นวันที่ดี
แต่วันนี้ เซี่ยเฉิน ได้ถูกเรียกตัวไปโดยชายชราผู้พิทักษ์
“หวูเฉิน เจ้าก็มาอยู่ที่นี่ได้หลายปีแล้วใช่หรือไม่?”
ชายชราผู้พิทักษ์ที่ยืนอยู่บนแท่นหินและมองไปที่ เซี่ยเฉิน ที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา
เมื่อมองไปที่ชายชราผู้พิทักษ์ ที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา เซี่ยเฉินก็ตอบออกไปอย่างใจเย็น "ผู้อาวุโส ข้ามาอยู่ที่นี่ได้สิบปีแล้ว"
"สิบปีเวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ"
ชายชราผู้พิทักษ์ ถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ มองไปที่เซี่ยเฉินที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา หลังจากนั้นชายชราผู้พิทักษ์ก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
เดิมทีเขาเป็นเพียงแค่เด็กน้อยที่มีอายุแค่สิบขวบ แต่เพียงชั่วพริบตาเขาก็กลายเป็นเด็กหนุ่มรูปงามในวัยยี่สิบปีแล้ว
“เจ้าเคยคิดที่จะไปจากที่นี่ไหม”
ทันใดนั้นชายชราผู้พิทักษ์ก็ถามขึ้น
เซี่ยเฉิน รู้สึกตกตะลึงและส่ายหัวเบาๆ "แน่นอนว่าข้าไม่เคยคิดที่จะไปจากที่นี้เลย"
“ข้าต้องขอโทษ เจ้าจริงๆ” ชายชราถอนหายใจออกมาเบาๆ
ท่าทางของชายชราผู้พิทักษ์ดูเคร่งขรึมและทันใดนั้นเขาก็พูดออกมาว่า "ถ้าเจ้ามีโอกาสไปจากที่นี่ เจ้าเต็มใจที่จะจากไปและกลับไปยังที่เดิมของเจ้าหรือไม่"
"ออกไปจากที่นี้?" เซี่ยเฉินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหัวอย่างหนักแน่น "ข้าไม่ต้องการจากไป ข้ามีชีวิตที่ดีที่นี่ การอยู่เฉยๆก็ดีเช่นกัน"
“ไม่อยากไปจริงๆ เหรอ?” ชายชราผู้พิทักษ์ขมวดคิ้วและจ้องมองไปที่เซี่ยเฉิน อย่างลึกซึ้ง
เวี่ยเฉิน ส่ายหัวและปฏิเสธ "ไม่ ข้าอยู่ที่นี้ข้ารู้สึกสบายดี ทำไมข้าต้องออกไปด้วย"
ชายชราผู้พิทักษ์เงียบ
เขาจ้องมองไปที่ เซี่ยเฉิน เป็นเวลานานและพูดออกมาอย่างแผ่วเบา "เจ้าคือองค์ชายเก้าแห่งราชวงศ์เซี่ย และเจ้าถูกเนรเทศมาที่นี่ เป็นเวลาสิบปีแล้ว เจ้าไม่เคยคิดที่จะกลับไปเลยเหรอ"
“ไม่ องค์ชายเก้าแห่งราชวงศ์เซี่ย ได้ตายไปแล้ว ข้าเป็นแค่คนธรรมดา เป็นข้ารับใช้ที่คอยทำความสะอาดดินแดนของบรรพบุรุษ”
เซี่ยเฉินพูดออกมาอย่างใจเย็น สายตาของเขามีความแน่วแน่ ไม่มีความหวั่นไหวใดๆเกิดขึ้นมาเลย
สิ่งนี้ทำให้ชายชราผู้พิทักษ์อดไม่ได้ที่จะมองเขาสูงขึ้น เขารู้สึกชื่นชมเซี่ยเฉินอยู่ในใจ
น่าเสียดายที่เขาไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนและบ่มเพาะ
“อันที่จริง คนในพระราชวังส่งจดหมายมาบอกว่าองค์จักรพรรดิได้ยกโทษให้เจ้าแล้ว ถ้าเจ้าต้องการที่จะกลับไปที่พระราชวังเจ้าก็กลับไปได้ทุกเมื่อ”
ชายชราผู้พิทักษ์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและก็แจ้งข่าวที่เขาได้รับมาให้กับ เซี่ยเฉินทราบ
อย่างไรก็ตาม เซี่ยเฉิน แสดงท่าทีว่าเขาไม่ได้สนใจและปฏิเสธ "ไม่จำเป็น ข้าเคยชินกับการอยู่ที่แห่งนี่แล้ว และอดีตก็เปรียบเหมือนกับหมอกควันที่ผัดผ่านไป"
“ข้าไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์อีกแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวไปผ่าฟืนก่อน”
โดยไม่รอให้ชายชราผู้พิทักษ์ตอบ เซี่ยเฉินก็หันหลังและเดินจากไป ถือขวานเพื่อไปผ่าฟืน
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของเซี่ยเฉินที่กำลังเดินจากไป ชายชราผู้พิทักษ์ก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย อดีตเจ้าชายถูกลดระดับให้เป็นข้ารับใช้
“ลืมไปซะ บางทีการเป็นคนธรรมดาก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับเขา” ชายชราผู้พิทักษ์ส่ายหัวของเขา
“เขาอยู่ที่นี่ดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความวุ่นวายของราชวงศ์”
หลังจากที่ชายชราพึมพำกับตัวเอง เขาก็หันหลังและจากไป
"แค่กๆ แค่กๆ..."
ขณะที่เขาเดิน ชายชราผู้พิทักษ์ก็ไอออกมาอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาแดง และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา
"ดูเหมือนว่าเวลาของข้าใกล้จะหมดลงแล้ว"
ชายชราจ้องมองไปที่เลือดบนฝ่ามือของเขาอย่างว่างเปล่าด้วยสีหน้าสงบ
หลังจากนั้นเขาก็มองไปยังพื้นที่ต้องห้ามภูเขาด้านหลัง และพูดออกมาอย่างเป็นกังวลว่า "เมื่อข้าตายไปแล้ว ทางราชวงศ์จะส่งคนมาปกป้องสถานที่แห่งนี้อีกหรือไม่"
"ผนึกกำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ ราชาปีศาจที่ถูกผนึกอยู่ภายในก็กำลังจะหลุดออกมา และในตอนนี้ความแข็งแกร่งของชายชราก็ลกลงไปมาก"
เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ ลมหายใจของชายชราผู้พิทักษ์ก็เริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ และพลังชีวิตของเขาก็กำลังจะมอดดับลง
ในระยะไกล เซี่ยเฉิน สังเกตุเห็นเหตุการณ์นี้เขาก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ในความเป็นจริงเขาสังเกตเห็นแล้วว่าชายชราผู้พิทักษ์ เวลาของเขากำลังใกล้จะหมดลงแล้ว
เห็นได้ชัดว่าชายชราผู้พิทักษ์คนนี้เป็นสมาชิกของราชวงศ์ด้วย และเขามาที่นี่เพื่อปกป้องผนึกที่อยู่ในดินแดนบรรพบุรุษภูเขาด้านหลังมาหลายชั่วอายุคนแล้ว
"น่าเสียดาย..." เซี่ยเฉินส่ายหัวและหันหลังเดินจากไป
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่จะมีอายุที่ยืนยาวขึ้น
ผู้ฝึกตนที่อยู่ในขอบเขตปรมาจารย์โดยกำเนิด สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงหนึ่งร้อยห้าสิบปี
และปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงสองร้อยปี หลังจากทะลวงผ่านขอบเขตปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ และก้าวเข้าสู่ขอบเขตนิพพานในตำนานแล้วเท่านั้น เขาจึงจะมีอายุยืนยาวขึ้นอีกหลายร้อยปี
ขอบเขตนิพพานชั้นที่ 9 สามารถมีอายุยืนได้ถึงห้าร้อยปี
"อายุยืนห้าร้อยปี..."
“ขอบเขตนิพพานไม่ต้องรีบ ค่อยๆฝึกฝนไป ข้ายังมีเวลาอีกมาก”
ในขณะที่ เซี่ยเฉิน กำลังผ่าฟืนอยู่ เขาก็วางแผนการฝึกฝนในอนาคตของเขาทีละขั้นตอน
เป้าหมายต่อไปของเขาคือการทะลวงผ่านขั้นย่อยของขอบเขตปรมาจารย์โดยกำเนิด และทะลวงขอบเขตไปยังขอบเขตปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จ หลังจากนั้นก็ทะลวงผ่านขั้นย่อยของขอบเขตปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ไปทีละขั้น เพื่อที่จะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตนิพพาน และผลัดเนื้อเปลี่ยนกะดูกเพื่อให้มีอายุยืนยาวขึ้น
“เกือบลืมไปเลย วันนี้ข้ายังไม่ได้ลงชื่อเช็คอินเลย”
หลังจากผ่าฟืนเสร็จแล้ว เซี่ยเฉิน ก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขาไม่ได้ยังไม่ได้ลงชื่อเช็คอิน
"ระบบ ลงชื่อเช็คอินที่วิหารบรรพบุรุษ"
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ได้ เซี่ยเฉิน ก็เดินทางมาที่วิหารบรรพบุรุษและออกคำสั่งกับระบบในใจของเขา