บทที่ 6 : ทะลวงผ่านขอบเขตปรมาจารย์โดยกำเนิด
“เม็ดยากลั่นสัมผัสศักดิ์สิทธิ์?”
ภายในภูเขาด้านหลัง ถัดจากลำธารเซี่ยเฉิน มองดูขวดยาที่อยู่ในมือด้วยความตื่นเต้น
นี่คือ เม็ดยากลั่นสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นยาอายุวัฒนะล้ำค่าที่สามารถเพิ่มเจตจำนงและความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณได้
แก่นแท้ของการบ่มเพาะทั้งสามได้แก่ พลังปราณ แก่นแท้โลหิต และความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เมื่อแก่นแท้ทั้งสามหลอมรวมเป็นหนึ่งเดี่ยวกันเพื่อที่จะสามารถนำพลังปราณของสวรรค์และโลกเข้าสู่ร่างกายเพื่อเปลี่ยนแปลงร่างกายและทะลวงขอบเขตไปยังขอบเขตปรมาจารย์โดยกำเนิด
นี่คือความลึกลับที่มีมาตั้งแต่เริ่มต้น
เป็นเวลานานแล้วที่เซี่ยเฉิน ตระหนักได้ถึงสถานะของเขาอย่างคลุมเครือว่าทำไมเขาถึงไม่สามารถทะลวงผ่านขอบเขตปรมาจารย์โดยกำเนิดได้และยังติดอยู่ในขอบเขตนักรบระดับหนึ่ง
บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณของตัวเขาเอง พลังปราณแสดงถึงความแข็งแกร่งภายใน แก่นแท้โลหิตแสดงถึงความแข็งแกร่งของเลือด และจิตวิญญาณมีความสำคัญต่อผู้ฝึกตนเป็นอย่างมาก
"ไหนข้าขอลองหน่อยสิ"
โดยไม่ลังเลใดๆ เซี่ยเฉินเทเม็ดยากลั่นสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมา
เขากลืนเม็ดยากลั่นสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ลงไป
เม็ดยาละลายในปาก ราวกับมีกระแสน้ำอุ่นไหลเข้าสู่ร่างกาย และสมองของเขาก็มีความรู้สึกปลอดโปร่ง ราวกับว่าจู่ๆจิตวิญญาณของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นมาในขณะนี้
เมื่อจิตวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นมาในระดับหนึ่ง เขาก็สามารถใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพื่อรับรู้สิ่งต่างๆที่อยู่ในระยะของสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้
ในเวลานี้ด้วยความช่วยเหลือของเม็ดยากลั่นสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ เซี่ยเฉินดูเหมือนว่าจะสามารถยกระดับของจิตวิญญาณของเขาให้แข็งแกร่งขึ้นมาในอีกระดับได้แบบมึนงง
เส้นลมปราณทั้งแปดในร่างกายก็ปรากฏขึ้นทีละเส้น และในตอนนี้เขาได้ทำให้เส้นลมปราณปรากฏขึ้นมาแล้วสองเส้น ทำให้ในตอนนี้เขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าถ้าหากว่าเขาสามารถเปิดเส้นลมปราณทั้งแปดขึ้นมาได้ทั้งหมด เขาก็จะสามารถดูดซับพลังงานของสวรรค์และโลกได้ และนำพลังปราณจิตวิญญาณแห่งสวรรค์และโลกเข้าสู่ร่างกาย
ด้วยวิธีการเหล่านี้ เขาก็จะสามารถทะลวงขอบเขตไปยังขอบเขตปรมาจารย์โดยกำเนิดได้
หลังจากทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งนี้ เซี่ยเฉิน ก็มีเป้าหมายใหม่และสิ่งที่เขาขาดไปในตอนนี้ก็คือการฝึกฝนจิตวิญญาณหรือสัมผัสศักดิ์สิทธิ์นั้นเอง
แน่นอนว่าจิตจิตวิญญาณของ เซี่ยเฉินนั้นเริ่มที่จะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเขากินเม็ดยากลั่นสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เข้าไป และค่อยๆมองเห็นการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของเขา
เป็นสภาวะของจิตจิตวิญญาณของเขาที่แข็งแกร่งขึ้น เขาก็สามารถใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์เพื่อที่จะสำรวจการเปลี่ยนแปลงของภายในร่างกายของเขาได้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เขาจะมีความเข้าใจเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็สามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงของการฝึกฝนจิตวิญญาณได้
เม็ดยากลั่นสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ 10 เม็ด นี้สามารถทำให้จิตวิญญาณที่อ่อนแอของเซี่ยเฉิน ที่เกี่ยวกับสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ถูกยกระดับ ขึ้นมาอยู่ในระดับที่สูงมาก และในที่สุดแก่นแท้ของการบ่มเพาะทั้งสาม พลังปราณ แก่นแท้โลหิต และจิตวิญญาณ ก็ได้รับการปรับปรุง
สิ่งต่อไปที่เขาต้องทำคือการหลอมรวมทั้งสามองค์ประกอบ คือ พลังปราณ แก่นแท้โลหิต และจิตวิญญาณเพื่อเปิดเส้นลมปราณทั้งแปดให้เปิดออก และในตอนนี้เขาต้องการที่จะเปิดเส้นลมปราณทั้งสอง คือเส้นลมปราณอินเหวย และ เส้นลมปราณซง
"ทะลวง!"
ขณะที่เซี่ยเฉิน ตะโกนในใจของเขา พลังปราณก็เหมือนกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ภายใต้การควบคุมของพลังจิตวิญญาณอันทรงพลัง มันรวมเข้ากับพลังงานสายเลือด
แก่นแท้ทั้งสามได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดี่ยว และไหลเข้าสู่เส้นลมปราณทั้งสอง คือเส้นลมปราณอินเหวย และ เส้นลมปราณซง
บูม!
ภายในร่างกายมีเสียงอู้อี้ดังขึ้นราวกับรถไฟวิ่งชนกำแพงทำให้เกิดแรงกระแทกอย่างรุนแรง
แก่นแท้ทั้งสามที่ได้หลอมรวมพลัง ก็ได้ทะลวงผ่านเส้นลมปราณทั้งสอง คือเส้นลมปราณอินเหวย และ เส้นลมปราณซง ได้ในการโจมตีเพียงครั้งและสร้างสะพานเชื่อมต่อระหว่างสวรรค์และโลกขึ้นมาภายในร่างกายของเขาในคราวเดียว
ฮัม...
บรรยากาศบริเวรโดยรอบสั่นสะเทือน จากนั้นพลังปราณจำนวนมหาศาลก็ไหลเข้ามาจากทุกทิศทุกทางและหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเซี่ยเฉิน
นี้คือพลังปราณจิตวิญญาณของสวรรค์และโลก
เมื่อพลังปราณจิตวิญญาณของสวรรค์และโลกหลั่งไหลเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง จนกลายเป็นพายุหมุนไปรอบๆ ดอกไม้และพืชต่างๆ แกว่งไปแกว่งมา กิ่งไม้ที่ตายแล้วและใบไม้จำนวนมากถูกม้วนเข้าไปในกระพายุพลังปราณจิตวิญญาณ
ถ้ามีคนมาพบเห็นฉากนี้ พวกเขาจะต้องตกใจอย่างแน่นอน
พลังปราณจิตวิญญาณแห่งสวรรค์และโลกจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ของปุถุชนธรรมดาเกรงว่าร่างกายของเขาคงระเบิดและตายอย่างแน่นอน เมื่อดูดซับพลังปราณจิตวิญญาณแห่งสวรรค์และโลกเป็นจำนวนมาก
แต่ว่าเซี่ยเฉิน นั้นแตกต่างออกไป เขาได้ฝึกฝนทักษะขัดเกลาร่างกาย ทักษะร่างทองคำดำ และ ทักษะมังกรคชสารปราบปีศาจขั้นที่สิบแล้ว ร่างกายของเขาแข็งแกร่งไร้เทียมทาน และเขามีความสามารถในการแบกรับพลังของพลังปราณจิตวิญญาณแห่งสวรรค์และโลกจำนวนมากได้
ในตอนนี้ร่างกายของเซี่ยเฉินได้ทำการดูดซับพลังปราณจิตวิญญาณแห่งสวรรค์และโลกเข้ามาในร่างกายและขัดเกลาอย่างต่อเนื่อง
ทำให้พลังปราณของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดพลังปราณทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นพลังปราณแท้จริง และไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกายของเขา
บูม!
ด้วยเสียงคำราม คลื่นลมถูกพัดออกไปในระยะไม่กี่สิบเมตร กิ่งไม้แห้ง และใบไม้แห้งและก้อนหินจำนวนมากถูกม้วนขึ้น
ร่างกายของเซี่ยเฉิน ก็ปรากฏภาพมายาของมังกรคชสารที่ทรงพลังพุ่งออกมา และมังกรคชสารสิบตัวก็บินวนไปมาอยู่รอบตัว เผยให้เห็นฟันและกรงเล็บของพวกมัน และแรงกดดันของพวกมันก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกอย่างก็สงบลงเซี่ยเฉิน ก็ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
"ปรมาจารย์โดยกำเนิด ในที่สุดก็ทะลวงผ่านได้สักที"
เขาพึมพำกับตัวเอง ยกมือขึ้นและรู้สึกถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่อยู่ภายในร่างกายของเขา ซึ่งแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนหลายสิบเท่า
ในตอนนี้ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาสามารถบดขยี้ ตัวเขาในอดีตก่อนหน้าได้หลายสิบคนได้อย่างสบาย
“ตอนนี้เสียงการเคลื่อนไหวดังเกินไป ข้ากลับไปที่ห้องก่อนดีกว่า”
เซี่ยเฉินมองไปที่ความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นอยู่รอบตัวเขา เขาก็เคลื่อนไหวร่างของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศ และหายวาบไปหลงเหลือเพียงภาพติดตาไว้
หลังจากที่เขาจากไปไม่นานก็มีคนมายังที่นี่
"มันเต็มไปด้วยพลังปราณจิตวิญญาณแห่งสวรรค์และโลก"
ทันทีที่ชายชรามาถึงที่นี่ เขาก็ตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าเขาทันที
เขามองไปยังที่พื้นดินที่ยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นด้วยความสยดสยอง แรงกดดันที่หลงเหลืออยู่ทำให้เขารู้สึกใจสั่น
"ใครกันที่สามารถกระตุ้นพลังปราณจิตวิญญาณแห่งสวรรค์และโลกที่นี่ จะต้องมีบุคคลที่แข็งแกร่งมากอย่างแน่นอน"
ชายชรามีสีหน้าเคร่งขรึมปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถตรวจจับการมีอยู่ของอีกฝ่ายได้เลย แม้ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขาก็ยังตรวจจับการมีอยู่ของอีกฝ่ายไม่ได้
“มีปรมาจารย์นิรนามอยู่ที่นี่ ข้าไม่รู้เขามาดีหรือไม่ดี”
หลังจากมองสำรวจสถานที่แห่งนี้เป็นเวลานาน ชายชราก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เขาจากไปด้วยความวิตกกังวล
ภายในดินแดนบรรพบุรุษของราชวงศ์เซี่ย มีปรมาจารย์ที่ไม่รู้จักมาอาศัยอยู่ ไม่รู้ว่าเขามาดีหรือไม่ดีก็ตาม
........
ในเวลานี้เซี่ยเฉิน ผู้ที่ก่อเรื่องได้เดินทางกลับมาถึงที่บ้านพักของเขาแล้ว
เช้าวันต่อมาเขาก็ทำตัวตามปกติ ทำความสะอาด ตักน้ำ สับไม้ หรือแม้แต่เก็บมูลสัตว์ วันทั้งวันก็ราบเรียบเหมือนไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา
ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตปรมาจารย์โดยกำเนิดที่ซ่อนตัวอยู่ และด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายของเขาในตอนนี้ เขาสามารถเอาชนะปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างง่ายดาย
ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะมาถึงในระดับนี้แล้ว แต่ว่าเซี่ยเฉินก็ยังรู้สึกไม่พอใจ
เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองยังอ่อนแออยู่มากและไม่มีพลังมากพอที่จะอยู่ยงคงกระพันในใบโลกนี้ เขาจึงไม่ยอมที่จะเปิดเผยตัวตนของเขาออกมา
“ด้วยความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ ข้าน่าจะพอเข้าไปสำรวจด้านในพื้นที่ต้องห้ามที่อยู่ด้านในภูเขาด้านหลังได้แล้วใช่ไหม?”
ในตอนเย็นเซี่ยเฉิน ซึ่งกำลังตัดฟืนอยู่จ้องมองไปยังที่พื้นที่ต้องห้ามในภูเขาด้านหลังและครุ่นคิดอย่างรอบคอบ
เขาตัดสินใจที่จะเขาไปสำรวจข้างในพื้นที่ต้องห้ามและเพราะว่าไม่มีใครสามารถตรวจจับการมีอยู่ของเขาได้
ด้วยเหตุนี้จะเป็นการดีที่สุด เมื่อตอนที่เข้าไปสำรวจข้างในพื้นที่ค้องห้ามและเข้าไปเช็คอินข้างในไปพร้อมกันเลย ถึงยังไงข้าก็ยังไม่เคยไปเข้าไปลงชื่อเช็คอินข้างในพื้นที่ต้องห้ามเลยสักครั้ง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะทำงานของวันนี้ให้เสร็จก่อนเวลาที่กำหนด จากนั้นค่อยหาโอกาสแอบเข้าไปข้างในพื้นที่ต้องห้ามของภูเขาด้านหลังในตอนกลางคืน
ในไม่ช้าท้องฟ้าก็มืดลง
ในคืนนี้เป็นคืนที่มืดมิด เซี่ยเฉินมองไม่เห็นแม้แต่นิ้วของตัวเอง
ในขณะนี้ ร่างเงาเคลื่อนไหวผ่านไป
ฟิ้ว....!
ร่างของเซี่ยเฉินว่องไวเป็นเหมือนภูตผี เขาเดินผ่านทหารองครักษ์ของดินแดนบรรพบุรุษไปอย่างเงียบๆ
ไม่มีทหารองครักษ์คนใดตรวจพบการเคลื่อนไหวของเขาได้เลยสักคนเดี่ยว
ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงสามารถหลบซ่อนตัวจากทหารองครักษ์ และเข้าไปข้างดินแดนต้องห้ามในภูเขาด้านหลังอย่างเงียบๆ
“นี่คือทางเข้าดินแดนต้องห้าม”
ในความมืดเซี่ยเฉิน ยืนอยู่บนต้นไม้และมองเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาด้านหลังอย่างเงียบๆ เมื่อเขามาถึงที่นี่ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงลมหายใจอันร่มรื่น
"มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน"
เซี่ยเฉินสังเกตสถานการณ์อยู่สักพักหนึ่งและสังเกตเห็นว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้นข้างในดินแดนต้องห้าภูเขาด้านหลัง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้คนมักจะตายที่นี่เป็นครั้งคราว เมื่อเขาคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทหารองครักษ์ ที่มีรูปร่างเหมือนปีศาจก่อนหน้านี้ เขาก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น
เขากระโดดขึ้นไปบนอากาศ ร่างกายของเขาเบาราวกับขนนก และเขาก็พุ่งเข้าไปข้างในพื้นที่ต้องห้ามของภูเขาด้านหลัง
...
ทันทีที่เซี่ยเฉินเข้ามาข้างในพื้นที่ต้องห้าม เขาก็รู้สึกว่ามีลมที่ทำให้รู้สึกอึดอัดพัดผ่านใบหน้าของเขาไป และมีกลุ่มควันสีดำปกคลุมอยู่ด้านหน้า
"ระบบ ลงชื่อเช็คอินพื้นที่ต้องห้าม"
หลังจากเข้ามาแล้วเซี่ยเฉิน ก็ไม่ลืมเรื่องนี้ เขาลงชื่อเช็คอินในพื้นที่ต้องห้ามอย่างเงียบๆ