บทที่ 59
บทที่ 59
“สัตว์ร้ายมากมายถึงเพียงนี้เชียว?”
ในเวลานี้ สาวกกลุ่มอื่นๆที่นำโดยผู้บำเพ็ญเพียรขอบเขตแก่นทองคำทยอยมาถึง
“เอ๊ะ์ นั่นศิษย์พี่ฉินมิใช่หรือ? เช็ดเด้! ศิษย์พี่ฉินเหนือชั้นจริๆ เขาคนเดียวเข้าเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายนับหมื่น!”
“พวกเจ้าดูสัตว์ร้ายที่อยู่หลังสุดสิ! นั่นมันขอบเขตรู้แจ้งใช่รึเปล่า?”
สาวกคนหนึ่งอุทาน
“ใช่จริงๆ! แบบนี้ไม่ไหวแน่! พวกเราต้องรีบไปรายงานเรื่องนี้แก่นิกาย!”
“แต่ ... ศิษย์พี่ยังไม่มีคำสั่งให้ไปรายงานนะ!”
“ใช่ พวกเรารอดูสถานการณ์กันก่อนเถอะ ข้าคิดว่าคลื่นสัตว์ร้ายฝูงนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศิษย์พี่ฉิน”
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว! เจ้านึกว่าฉายาดาวสังหารนั่นได้มาเพราะโชคช่วยหรือ?”
เหล่าสาวกขอบเขตแก่นทองคำต่างชำเลืองมองกัน พวกเขาลังเลว่าจะลงไปช่วยศิษย์พี่ฉินดีหรือไม่ ทางหนึ่งเกิดความกดดันว่าหากลงไปอาจถูกสัตว์ร้ายฉีกเป็นชิ้นๆก่อนจะได้สู้
ส่วนอีกทางหนึ่ง เมื่อเห็นศิษย์พี่ฆ่าสัตว์ร้ายอย่างมีความสุข พวกเขาก็เกิดความคิดว่าสมควรเข้าไปขัดจังหวะศิษย์พี่จริงๆน่ะหรือ?
“ที่นี่มันอันตราย พวกเจ้าขึ้นไปบนกำแพงเมืองก่อน” ฉินห่าวสังเกตเห็นสาวกกลุ่มใหม่ที่ทยอยกันมา ก็เช็ดเลือดบนใบหน้าและตะโกนเสียงดัง
ตามปกติแล้ว หากสู้กับแบบตัวต่อตัว มนุษย์ถือว่าอ่อนแอกว่าสัตว์ร้ายในขอบเขตเดียวกัน ฉะนั้นไม่ต้องการสู้กับสัตว์ร้ายฝูงใหญ่
จากนั้น ฉินห่าวสงบใจลง หลักๆเป็นเพราะเขามีความสุขมากที่ได้เจอสัตว์ร้ายมากมายขนาดนี้ พวกมันล้วนเป็นตัวเพิ่มค่าความเกลียดชังที่ดี แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาให้ความสนใจมัน ที่สำคัญคือมุ่งความสนใจไปยังสัตว์ร้ายในขอบเขตรู้แจ้ง
เห็นได้ชัดว่าสัตว์ร้ายตัวนี้เป็นหัวหน้า หากฆ่ามัน ฝูงสัตว์ร้ายย่อมล่าถอยโดยธรรมชาติ
“อัพเกรดฐานบำเพ็ญเพียร!”
[ติ๊ง!]
[ขอบเขตแก่นทองคำต้องการค่าความเกลียดชังหมื่นแต้มในการอัพเกรดแต่ละขั้น]
“งั้นอัพเกรดเพิ่มสี่ขั้นซะ!”
ฉินห่าวมองค่าความเกลียดชังโดยรวม และพบว่ามีมากกว่าห้าหมื่นแต้ม จึงตัดสินใจเก็บหมื่นแต้มไว้เป็นไพ่ตายยามฉุกเฉิน
[ติ๊ง!]
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณเลื่อนขั้นสู่ขอบเขตแก่นทองคำขั้น 5]
ฉินห่าวสัมผัสได้ถึงพละกำลังในร่างกายตัวเอง มันแก่กล้าขึ้นมาก หากบอกว่าแต่ละขั้นเหมือนการทะลวงเขื่อนเพิ่มพลังปราณที่สะสมก็ไม่ใช่เรื่องเกินเลย เพราะตอนนี้เขารู้สึกว่าสามารถเอาชนะตัวเองคนเดิมได้ถึงสามคน!
“เปิดใช้งานผลาญศักยภาพชั่วแล่น! เปิดใช้งานค่ายกลกระบี่เทพเต๋า!”
ฉินห่าวตะโกนเสียงดัง เสาแสงปรากฏขึ้นทั่วท้องฟ้า แปรเปลี่ยนตนเป็นกระแสแสงสีเลือด พุ่งไปทางสัตว์ร้ายขอบเขตรู้แจ้ง
กรรรร!
สัตว์ร้ายเองก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม มันร้องคำรามและพุ่งเข้าปะทะ
บรึ้มมม!
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนปวดแก้วหู
ทุกคนตัวแข็ง พวกเขาเฝ้ามองฉินห่าวที่ตัดสินใจเข้าสู้กับหัวหน้าสัตว์ร้ายไม่วางตา
กรรร!
สัตว์ร้ายคำรามด้วยความโกรธ มันอยู่ในขอบเขตรู้แจ้ง ดังนั้นเริ่มมีความนึกคิดเหมือนพวกมนุษย์แล้ว แต่ตอนนี้กลับถูกมดปลวกในขอบเขตแก่นทองคำทุบตี จึงระเบิดโทสะออกมา
ฮู้มมม!
เปลวไฟสีม่วงพ่นจากปากสัตว์ร้าย
“ชิบหายแล้วไง!”
ฉินห่าวไม่ทันคิดว่าสัตว์ร้ายตัวนี้จะพ่นไฟได้ จึงหลบไม่ทัน ถูกกลืนกินตกอยู่ภายใต้เปลวไฟ
“ศิษย์พี่ ... จะไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“เอ่อ ... ข้าคิดว่าพวกเราควรไปเรียกเหล่าผู้อาวุโสมาช่วย”
บนกำแพงเมือง สาวกกลุ่มหนึ่งเห็นฉินห่าวถูกไฟคลอกกับตาตัวเอง เริ่มหันมามองหน้ากันเป็นเชิงคำถาม
“ทำแบบนั้นไม่ได้อยู่ดี ถ้าพวกเราเลือกเดินทางพื้นก็จะถูกพวกสัตว์ร้ายขวางทาง ถ้าพวกเราบินข้ามไปก็จะถูกพวกสัตว์ร้ายขอบเขตแก่นทองคำหยุดไว้อยู่ดี”
เหล่าสาวกขอบเขตแก่นทองคำส่ายหัวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ดูนั่น!”
แต่ในตอนนั้นเอง สาวกคนหนึ่งชี้ไปยังทะเลเพลิงที่มอดดับลง
เห็นเพียงฉินห่าวฟื้นคืนชีพแล้ว เวลานี้สีหน้าเขาไม่น่าดูเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าเขาจะถูกไฟคลอกตาย ไม่เหลือกระทั่งเศษเนื้อ
“เล่นกันแบบนี้ใช่ไหม? งั้นมาลองชิมของข้าดูบ้าง!”
ฉินห่าวหัวเราะเย็นชา และค่อยๆหยิบมีดเล่มบางที่ยึดมาจากคนของเซี่ยถูออกมา
“เก้ามังกรทะยานขั้นที่เก้า! ผลาญศักยภาพชั่วแล่น! หนึ่งกระบี่ปลิดชีพ!”
ทันใดนั้นร่างเขาก็หายวับไป
ฟัฟฟฟฟฟ!
ช่วงเวลาต่อมา ร่างของฉินห่าวปรากฏขึ้นเหนือศีรษะหัวหน้าสัตว์ร้ายอย่างเงียบๆ และทิ่มแทงมีดลงโดยตรง เลือดกระฉูดออกจากกรามของมันราวกับน้ำพุ
กรรรรร!
พลังชีวิตของสัตว์ร้ายในขอบเขตรู้แจ้งนั้นแก่กล้ามาก แม้ศีรษะถูกเจาะทะลุ แต่มันก็ยังคำรามและพยายามดิ้นรน
“จงตายให้ข้า!”
ฉินห่าวตะโกนเสียงดัง เส้นเลือดสีน้ำเงินปูดโปนทั่วมือทั้งสองข้าง และในที่สุด--
--ฟุฟฟฟฟฟ!
เสียงร้องของสัตว์ร้ายหยุดลงทันใด
ทั่วทั้งร่างของมัน ตอนนี้ถูกผ่าแยกเป็นสองซีก!