บทที่ 20 : องค์หญิงสิบเซี่ยซี
“เซี่ยซี ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”
เมื่อมองไปที่หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เซี่ยเฉิน ก็โพล่งออกไปโดยสัญชาตญาณ
ความทรงจำในวัยเด็กหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเขา เด็กหญิงตัวเล็กๆ อายุสี่หรือห้าขวบเดินติดตาม เซี่ยเฉินเหมือนผู้ติดตาม
เธอตะโกนว่า "พี่เก้า" ออกมาอีกครั้งทั้งสองต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน
เมื่อมองไปที่หญิงสาวตรงหน้า อารมณ์ของ เซี่ยเฉินค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย ในตอนนี้เขาไม่ใช่พี่ชายคนที่เก้าที่เธอเคยรู้จักอีกต่อไป
แต่เห็นหญิงสาวที่วิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่มีความสุข
“พี่เก้า ข้าคิดถึงพี่มาก”
หญิงสาวคว้าแขนของเขาด้วยท่าทางมีความสุข
“ไม่ได้เจอเจ้ามาสิบปี ดูเหมือนว่าเจ้าจะโตเป็นสาวแล้ว”
เซี่ยเฉินถอนหายใจออกมาเล็กน้อยและลูบสัมผัสไปที่ศีรษะของเธอโดยสัญชาตญาณ ด้วยความใกล้ชิดทำให้หญิงสาวมีความสุขมากราวกับว่าเธอได้ย้อนเวลากลับไปในวัยเด็กของเธอ
"ไปที่อื่นกันเถอะ มีคนมากมายอยู่ที่นี่"
เมื่อมองไปรอบๆ เซี่ยเฉินก็พาองค์หญิงสิบเดินออกไปจากที่นี่และมาที่ลำธาร
เขาไม่ต้องการให้ใครรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขามากเกินไป เขาแค่อยากจะอยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ
“พี่เก้า ท่านเปลี่ยนไปแล้ว”
ระหว่างทาง องค์หญิงสิบทำหน้ามุ่ย ใบหน้าของเธอเศร้าเล็กน้อย
เซี่ยเฉิน ก็รู้สึกตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย "ทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ อย่างเช่นเจ้าที่เติบโตขึ้นมากลายเป็นสาวงามแล้ว"
"มันไม่ใช่." องค์หญิงสิบหน้าแดงเล็กน้อยและฮึมฮัมออกมา "พี่ชายท่านทำไมถึงชอบกลั่นแกล้งข้า"
“ตอนนี้ท่านไม่อยากเจอข้า ทำไมท่านไม่อยากเจอข้าอย่างนั่นเหรอ?”
เธอพูดและมองไปที่ เซี่ยเฉิน อย่างจริงจัง
นัยน์ตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาคู่นั้นราวกับกำลังพูดว่า เจ้าโกหกข้า เจ้าไม่ต้องการเห็นข้าใช่ไหม
จิตใจของ เซี่ยเฉิน นั้นซับซ้อน และใบหน้าของเขาก็สงบ "เซี่ยซี เธอคิดมากไปเอง พี่เก้ารักเธอเสมอ เธอก็รู้ดีนี่"
“บอกข้ามาสิว่าวันนี้เธอแอบออกมาหรือเปล่า”
เขาถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
องค์หญิงสิบแลบลิ้นทันทีและพูดด้วยรอยยิ้ม "พี่เก้า ท่านเก่งมาก ท่านเดาได้ถูกต้องแล้ว ข้าแอบหนี้ออกมา"
“ในพระราชวังมันน่าเบื่อมาก ข้าต้องเรียนดนตรี หมากรุก คัดลายมือ และวาดภาพ และที่ทำให้ข้ารำคาญที่สุดก็คือข้าต้องเรียนทั้งวัน”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเธอมีร่องรอยของความโศกเศร้า และเธอก็ถอนหายใจออกมา "ข้าชอบฝึกศิลปะการต่อสู้ตั้งมาแต่ยังเด็ก มีเพียงพี่ชายจิ่ว เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้"
“พี่เก้า ข้าจะบอกความลับของข้าให้ท่านฟัง ตอนนี้ข้าเป็น นักรบระดับหนึ่ง แล้ว”
“เป็นไงบ้าง ข้าเก่งไหม”
องค์หญิงสิบ รู้สึกอิ่มเอมใจและเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจราวกับว่าเธอต้องการให้พี่ชาย ชื่นชมเธอ
เซี่ยเฉิน หัวเราะออกมาอย่างโง่เขลา ในความเป็นจริงเขาสังเกตเห็นการบ่มเพาะของเธอตั้งแต่แรกที่พบกันแล้ว และเธอก็เป็น นักรบระดับหนึ่ง อย่างแท้จริง
องค์หญิงสิบนี้ สมกับเป็นอัจฉริยะในจริงๆ ด้วยวัยเพียงสิบห้าปี นางได้บ่มเพาะมาถึงขอบเขตนักรบระดับหนึ่งแล้ว และในไม่ช้าเธอก็จะสามารถทะลวงไปสู่ขอบเขตปรมาจารย์โดยกำเนิดได้
"เซี่ยซี คือผู้ทรงพลังที่สุด" เซี่ยเฉิน ยิ้มและพยักหน้า
ทั้งสองยืนอยู่ริมลำธารมองดูน้ำใสของลำธารที่ไหลลงมาจากบนภูเขา
“พี่เก้า ข้าขอโทษ”
ทันใดนั้น องค์หญิงสิบ ก็กล่าวขอโทษออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา
เซี่ยเฉิน ถามออกมาด้วยความประหลาดใจ "ทำไม เจ้าต้องมาขอโทษข้าด้วย"
เธอเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างจริงจังว่า "ข้าลืมไปว่าพี่ไม่สามารถฝึกฝนได้ พี่เก้า ข้าขอโทษจริงๆ"
“แต่อย่ากังวลไปเลย พี่เก้า ข้าจะปกป้องท่านเองในอนาคต”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็ชูกำปั้นเล็กของเธอขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการยืนยันคำพูดของเธอ
เซี่ยเฉิน หัวเราะออกมาอย่างโง่เขลา ปกป้องข้า?
ช่างตลกเสียจริง ในตอนนี้การบ่มเพาะของเขาได้มาถึงขอบเขตปรมาจารย์โดยกำเนิดขั้นสูงสุดแล้ว และเขาเกือบจะสามารถทะลวงขอบเขตไปยังขอบเขตปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของเขายังแข็งแกร่งมาก และไม่ใช่ปัญหาเลยที่จะสังหารปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ด้วยหมัดเดียว เป็นเรื่องตลกที่เขาจะต้องการให้สาวน้อยคนนี้มาปกป้องเขา
แต่เขายังคงพยักหน้าและให้กำลังใจ "เอาล่ะ พี่เก้าจะพึ่งพาเจ้าในการปกป้องในอนาคต"
"ตกลง!" เซี่ยซีพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น
จู่ๆ เซี่ยเฉินก็ถามออกมาว่า "นี้มันก็ผ่านมาสิบปีแล้ว ทุกอย่างในวังยังโอเคอยู่ใช่ไหม?"
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี ตั้งแต่มารดาและนางสนมเสียชีวิต อารมณ์ของพระบิดาก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ”
องค์หญิงสิบ พูดออกมาอย่างเศร้าใจ
“พี่เก้า ท่านกลับไปกับข้าได้ไหม”
เธอเงยหน้าขึ้นทันทีและพูดออกมาด้วยท่าทางที่จริงจัง
เซี่ยเฉิน ส่ายหัวและปฏิเสธ "ไม่จำเป็นข้าเคยชินกับการอยู่ที่นี่แล้ว จะเป็นการดีที่สุดสำหรับคนธรรมดาอย่างข้าที่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์"
“ท่านพ่อบอกแล้วว่าท่านจะกลับหรือไม่กลับก็ได้”
องค์หญิงสิบเขย่าแขนของเขาอยู่ครู่หนึ่ง เธอพยายามทำให้ เซี่ยเฉินกลับไปที่พระราชวังพร้อมกับเธอ
แต่ว่า เซี่ยเฉิน ก็ตอบปฏิเสธอย่างหนักแน่น และเขาพูดออกมาอย่างใจเย็น "เสี่ยวซี เอาจริงๆแล้วข้าเคยชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แล้ว"
“ถ้าเธอแอบออกมาที่นี่ เธอควรรีบกลับไปโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ถูกลงโทษ”
เซี่ยเฉิน ลูบผมของเธอและพูดด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
“ไม่ ข้าไม่ชอบอยู่ในพระราชวัง เช่นนั้นข้าจะอยู่ที่นี่และติดตามท่านพี่”
ทันใดนั้นเธอก็ตัดสินใจ
เซี่ยเฉิน ปฏิเสธทันทีหลังจากได้ยินสิ่งที่เธอพูดออกมา "ไม่ อย่าทำเช่นนี้เลยเจ้าจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยจากการทำเช่นนี้"
“แต่ข้าอดคิดถึง ท่านพี่ไม่ได้จริงๆ พี่เก้า ข้าไม่ได้พบกับท่านมาเป็นเวลาสิบปี ข้าคิดถึงท่านจริงๆ ไม่มีใครในวังที่พูดคุยกับข้าเลย”
“ข้าต้องเรียนดนตรี หมากรุก คัดลายมือ และวาดภาพทั้งวัน แม้แต่ท่านพ่อก็ไม่เคยสนใจข้าเลย”
น้ำตาไหลออกมาในขณะที่เธอพูด
ในความเป็นจริงแล้ว เซี่ยเฉินและเธอไม่ได้เกิดจากแม่คนเดียวกัน
พระมารดาขององค์หญิงสิบเป็นนางสนมผู้สูงศักดิ์ และพระนางสิ้นพระชนม์หลังจากให้กำเนิดองค์หญิง
เช่นเดียวกับแม่ผู้ให้กำเนิดของ เซี่ยเฉิน เธอล้มป่วยและเสียชีวิตในตอนที่เขายังเด็กมาก
ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจึงดีกว่าพี่น้องคนอื่นๆ
“กลับไป”
เวี่ยเฉิน เกลี้ยกล่อมเธอ
องค์หญิงสิบจับแขนของเขาและจ้องมองท้องฟ้าด้วยความงุนงง
“ข้าได้ยินว่าท่านพ่อตั้งใจจะส่งข้าไปหาญาติของเขา พี่เก้า ท่านคิดว่าข้าควรทำอย่างไร?”
หลังจากเงียบไปนาน จู่ๆ องค์หญิงสิบก็พูดออกมาด้วยท่าทางที่เศร้าสร้อย
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของเซี่ยเฉิน ก็จมลง
เขารู้สึกขยะแขยงในใจมาก ในฐานะที่เซี่ยเฉิน เป็นนักเดินทางข้ามมิติ เขาจดจำได้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ในประเทศจีนที่ใกล้ชิดกับชาวต่างชาติ
นั่นเป็นเพียงความอัปยศอดสู
"อย่ากังวล มันจะไม่เป็นไร"
เวี่ยเฉินปลอบโยนเธอและตบไหล่ของเธอ
องค์หญิงสิบมีดวงตาที่ขุ่นมัว เช็ดน้ำตาของเธอและยิ้มออกมาอย่างสดใส
“ฮี่ฮี่ ไม่เป็นไรข้าแข็งแกร่งมาก แม้ว่าเขาจะเป็นญาติกันก็ไม่เป็นไร แต่ข้าแค่กลัวว่าจะไม่ได้เจอท่านพี่อีกในอนาคต”
เซี่ยเฉิน จ้องมองไปที่เธออย่างว่างเปล่าและถอนหายออกมาอย่างเงียบๆใจในใจ
“อย่ากังวล ตราบใดที่เจ้าไม่ต้องการ ไม่มีใครในโลกนี้สามารถบังคับเจ้าได้”
“ราชวงศ์เซี่ย หากยังอาศัยเครือญาติเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง อีกไม่นานก็คงจะล่มสลายหายไป”
เซี่ยเฉิน พูดคำเหล่านี้ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
หลังจากได้ยินเช่นนี้ สีหน้าขององค์หญิงสิบก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เธอมองไปรอบๆ และพบว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวรนี้ เธอก็รู้สึกโล่งใจ
เธอเตือนว่า "พี่เก้า อย่าพูดแบบนี้อีก ระวังถ้าท่านพ่อได้ยินเขาจะต้องลงโทษท่านพี่อีก"
“ไม่เป็นไร”
เซี่ยเฉิน กล่าวออกมาอย่างเฉยเมย
เขามองไปที่องค์หญิงสิบและเกลี้ยกล่อม "กลับไป ตั้งใจฝึกฝน และ เรียนอย่างหนัก มีเพียงแค่ตัวของเธอเองเท่านั้นที่จะตัดสินอนาคตของตัวเธอเองได้ ด้วยความแข็งแกร่งของเธอเอง"
"มีเพียงแค่ความแข็งแกร่ง เท่านั้นที่สามารถกำหนดอนาคตของคนๆ หนึ่งได้?"
องค์หญิงสิบรู้สึกตกตะลึง จ้องมองไปที่ พี่ชายของเธออย่างว่างเปล่า ด้วยคำพูดเหล่านี้ที่ยังดังก้องอยู่ในหัวใจของเธอ
พรึบ! พรึบ! พรึบ! พรึบ!
ในขณะนี้เอง ก็ได้มีร่างหลายร่างพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและมาอยู่ข้างหลังของพวกเขาในพริบตา
“องค์หญิงสิบ ในที่สุดข้าก็หาท่านพบแล้ว”
ชายชราที่แต่งกายด้วยชุดขันที วิ่งเหยาะๆเขามาจ้องมองไปที่ องค์หญิงสิบอย่างกระวนกระวายใจ และถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
มีขันทีสองคนอยู่ข้างหลังพวกเขา ทุกคนแข็งแกร่งและทรงพลัง
“ปรมาจารย์โดยกำเนิด?”
เซี่ยเฉินมองไปที่ขันทีทั้งสามคน คนแรกเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตปรมาจารย์โดยกำเนิด และดวงตาของเขามีสีแปลกๆ
“ยินดีที่ได้พบ องค์ชายเก้า ขอรับ”
เมื่อเห็นเซี่ยเฉิน ขันทีที่มาก็ตกตะลึงแล้วโค้งคำนับทันที
“ขันทีหลี่ เจ้ามาได้ทันเวลาพอดี พาองค์หญิงสิบกลับไป”
เซี่ยเฉิน ตอบรับด้วยท่าทางที่สงบ และขอให้พวกเขาพาองค์หญิงสิบกลับไปที่พระราชวัง
“ขอรับ องค์ชายเก้า ทำไมท่าถึงไม่กลับไปพร้อบกับบ่าวล่ะขอรับ?”
ขันทีหลี่พูดอย่างระมัดระวัง
เซี่ยเฉิน โบกมือ "ไม่จำเป็น ข้าเคยชินกับการอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าพาองค์หญิงสิบกับไปเถอะ"
“ขอรับ องค์ชายเก้า”
“ฝ่าบาท ได้โปรดเสด็จกลับไปกับบ่าวชราผู้นี้เถิด”
"องค์หญิงสิบแสดงท่าทางโกรธ"
ขันทีหลี่พูดอย่างระมัดระวัง
องค์หญิงสิบตะคอกและพูดอย่างไม่พอใจ "ข้าเพิ่งออกมาได้ไม่นาน และพวกเจ้าก็ไล่ตามข้ามา"
“เสี่ยวซี อย่าสร้างปัญหา พวกเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้า”
"ช่างเถอะ เจ้ากลับไปกับพวกเขาเถอะ"
เซี่ยเฉิน รีบเกลี้ยกล่อมเธอ ขันทีหลี่รู้สึกขอบคุณเล็กน้อย
"ตกลง." องค์หญิงสิบพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
เธอพูดว่า "พี่เก้า ถ้าอย่างนั้น... ข้าจะกลับแล้ว"
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอจากไปอย่างไม่เต็มใจ หันหลังกลับมามองที่พี่ชายของเธอ และเดินตามขันทีหลี่และขันทีอีกสองคนกลับไปที่พระราชวังอย่างไม่เต็มใจ