บทที่ 14 : ทักษะการเปลี่ยนแปลงทั้งสิบสอง
ฟืนที่กองอยู่ที่พื้นเรียงซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ
ข้ารับใช้คนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
เซี่ยเฉินคนเดียวผ่าฟืนได้ห้าร้อยฟ่อน พวกเขาไม่อยากเชื่อเลย
นอกจากนี้ เขายังดูสงบและผ่อนคลาย หน้าไม่แดงและลมหายใจดูเหมือนจะผ่อนคลายมากราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากผ่าฟืน 500 ฟ่อนแล้วแบกกลับไปช่างเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างยิ่งที่เขาสามารถทำได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อยหอบเลย
"พระเจ้า."
"หวูเฉิน เขาน่าทึ่งจริงๆ"
"พวกเราไม่ต้องผ่าฟืนอย่างน้อยก็หนึ่งเดือน"
ทุกคนตกใจและสับสน และทุกคนก็มองไปที่ฟืนที่อยู่กองอยู่ข้างหน้าพวกเขาอย่างตื่นเต้น และพวกเขาไม่จำเป็นต้องผ่าฟืนเป็นเวลาอย่างน้อยก็หนึ่งเดือน
ในเวลานี้ ทุกคนต่างก็มองไปที่ เซี่ยเฉินอย่างซาบซึ้งใจ มีแม้กระทั่งความชื่นชมในสายตาของพวกเขา
เซี่ยเฉิน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางของพวกเขา
เขาไม่ได้สนใจความกรากระทำของข้ารับใช้เหล่านี้เลย เซี่ยเฉินถือขวานของเขาและกำลังจะเดินกลับที่พักของเขา
ในเวลานี้ ผู้อาวุโสทั่วไปก็มาถึง และในเวลาไม่นาน เขาก็เห็นกองฟืนจำนวนห้าร้อยฟ่อนที่จัดเรียงเอาไว้อย่างเรียบร้อย และดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง
เหงื่อเย็นไหลลงมาอาบทั่วทั้งใบหน้า และขาของเขาเกือบจะไร้เรี่ยวแรงด้วยความตกใจ
เพราะเขาจำคำเตือนของ ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี
“เขา เขาผ่าฟืนห้าร้อยฟ่อนจริงๆ เหรอ?”
ดวงตาของผู้อาวุโสผู้พิทักษ์กลายเป็นสีดำ และเขาเกือบจะเป็นลม
มันจบแล้ว ข้าจะอธิบายกับผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ได้อย่างไร
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสยดสยองและวิ่งไปหาผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ เพื่อขอโทษ
เมื่อผู้อาวุโสผู้พิทักษ์มองไปที่ผู้อาวุโสทั่วไป ที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นต่อหน้าเขา ร้องขอความเมตาทำให้เขารู้สึกตะลึงเล็กน้อยที่ได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสทั่วไปพูด
“เจ้าบอกว่าวันนี้เขาผ่าฟืนห้าร้อยฟ่อน?”
ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์จ้องมองไปที่ผู้อาวุโสทั่วไปด้วยสายตาแปลกๆ
“ครับ ครับ...” เขาตอบอย่างเขินอาย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ก็ยิ่งพอใจมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการกระทำของเซี่ยเฉิน
"ความพากเพียรเป็นสิ่งที่ดี ถ้าเขาสามารถฝึกฝนได้ ในอนาคตเขาอาจจะ..."
"อืม เจ้าไปได้แล้ว"
ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ หยุดพูดชั่วคราวและโบกมือให้ผู้อาวุโสทั่วไปออกไปได้แล้ว
“เจ้าออกไปได้แล้ว ครั้งนี้ไม่เป็นไร แต่จำไว้ อย่ารบกวนเขาอีก”
อีกครั้งที่ผู้อาวุโสทั่วไปถูกเตือน เขาก็รีบหันหลังและออกไปจากที่นี่
เขากลัวแทบตาย เขาไม่กล้าที่จะไปรบกวนเซี่ยเฉินอีก หลังจากนี้เขาจะหลีกเลี่ยงบรรพบุรุษตัวน้อยคนนี้ที่ทำให้เขารู้สึกกลัว
ในอีกด้านหนึ่ง เซี่ยเฉิน ได้เดินผ่านวิหารบรรพบุรุษระหว่างทางกลับไปยังบ้านพัก
“ข้ายุ่งจนเกือบลืมไปเลย วันนี้ข้ายังไม่ได้ลงชื่อเช็คอินเลย”
เซี่ยเฉินหัวเราะออกมาอย่างโง่เขลา หันหลังกลับและเดินเข้าไปที่วิหารบรรพบุรุษ
"ระบบ ลงชื่อเช็คอินที่วิหารบรรพบุรุษ"
เขาออกคำสั่งกับระบบเงียบๆในใจของเขา
ติ๊ง!
"เช็คอินสำเร็จ ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ด้วย ท่านได้รับ : ทักษะการเปลี่ยนแปลงทั้งสิบสอง"
เสียงการแจ้งเตือนดังขึ้นในหัวของเขา
"อะไร?"
ใบหน้าของ เซี่ยเฉิน แสดงความประหลาดใจออกมา
เขาไม่ได้รีบตรวจสอบแต่รีบกลับไปที่บ้านพักและมาที่ห้องลับใต้ดิน
"ระบบ สกัดและฝึกฝน"
เซี่ยเฉิน นั่งอยู่ในห้องลับ "ทักษะการเปลี่ยนแปลงทั้งสิบสอง" ที่เขาเพิ่งได้รับมา หลังจากที่ลงชื่อเช็คอินที่วิหารบรรพบุรุษนั้นเป็นทักษะฝึกฝนร่างกาย
ด้วยการช่วยเหลือของระบบ เซี่ยเฉิน จึงเชี่ยวชาญวิธีการฝึกฝนร่างกายนี้อย่างรวดเร็ว และในไม่ช้าความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับทักษะการเปลี่ยนแปลงทั้งสิบสองก็ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ด้วยการฝึกฝนครั้งแรก ได้มีเสียงดังออกมาจากร่างกายของเขา เหมือนเสียงคำรามที่ดุร้าย เขาก็รู้สึกตกตะลึง
ทักษะการเปลี่ยนแปลงทั้งสิบสอง เป็นวิธีการปรับแต่งร่างกายสำหรับเผ่าคนเถื่อน
คนเถื่อนนั้นซึ่งรู้จักกันดีในเรื่องพละกำลังที่แข็งแกร่งและดุร้าย
เซี่ยเฉิน มีความสุขมากหลังจากที่เขาเข้าใจวิธีการฝึกฝนร่างกายนี้
วิธีการฝึกฝนนี้เป็นวิธีการฝึกฝนร่างกายแบบโบราณที่สืบทอดกันมาของเผ่าคนเถื่อน มันสามารถที่จะใช้เพียงแค่มือทั้งสองข้างก็สามารถฉีกร่างของสัตว์อสูรได้ด้วยพละกำลังอันไร้ขอบเขตและร่างกายที่ไม่อาจทำลายได้
หลังจากการเปรียบเทียบเล็กน้อย เซี่ยเฉินก็ตระหนักได้ว่าทักษะฝึกฝนร่างกายนี้แข็งแกร่งกว่า ทักษะมังกรคชสารปราบปีศาจเล็กน้อย
เนื่องจากเขามีพื้นฐานการฝึกฝนร่างกายมาบ้างแล้ว เซี่ยเฉินก็เริ่มที่จะฝึกฝนทักษะการเปลี่ยนแปลงทั้งสิบสองได้อย่างง่ายดาย และในไม่ช้าเขาก็สามารถฝึกฝนไปถึงขั้นที่สิบ
ในขณะนี้ ร่างกายของเขาก็ได้รับการเปลี่ยนแปลง เนื้อและเลือดวิวัฒนาการ และร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งและทรงพลังมากขึ้น
ในแง่ของร่างกายเพียงอย่างเดียว มันแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนถึงสองเท่า ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
ภายในร่างกายเลือดของเขากำลังเดือดเหมือนกับสัตว์ร้ายและไหลผ่านไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย
หลังจากนั้นไม่นาน เซี่ยเฉิน ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
เขารู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายของเขา ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความสุข ความแข็งแกร่งของร่างกายเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า
"ข้าไม่คาดคิดเลยว่าทักษะการเปลี่ยนแปลงทั้งสิบสอง จะเป็นทักษะการขัดเกลาร่างกายที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณของเผ่าคนเถื่อน"
เซี่ยเฉินรู้สึกตกตะลึงครั้งแล้วครั้งเล่า และเขามีความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะการเปลี่ยนแปลงทั้งสิบสองเป็นอย่างดี เขาได้ฝึกฝนทักษะการเปลี่ยนแปลงทั้งสิบสองมาถึงขั้นที่สิบแล้ว และในตอนนี้ร่างกายของเขาก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สองแล้ว
เขารู้สึกว่าอายุขัยของเขาดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นมามาก เขาคิดเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างน้อย 300 ปี เขาไม่อยากจะเชื่อเลย
จะต้องรู้ก่อนว่าแม้แต่ขอบเขตปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้เพียงแค่ 200 ปี
แต่ในตอนนี้เขากลับมีอายุขัยมากถึง 300 ปี ในขณะที่การบ่มเพาะของเขายังอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์โดยกำเนิด ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง
“ดีมาก ตอนนี้ข้าก็มีเวลาเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหน ข้าจะสามารถบ่มเพาะไปถึงขอบเขตนิพพานได้อย่างแน่นอน ในระยะเวลา 300 ปี”
เซี่ยเฉินมีความมั่นใจมากขึ้นและรู้สึกมีความสุข
ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้ฝึกฝนทักษะการเปลี่ยนแปลงทั้งสิบสอง มาถึงขั้นที่สิบแล้ว เขาก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่แข็งแกร่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขา
เขาก็เกิดความสงสัยขึ้นมาในทันทีว่า ถ้าเกิดว่าเขาสามารถฝึกฝนทักษะการเปลี่ยนแปลงทั้งสิบสองไปจนถึงขั้นที่สิบสิงได้ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับร่างกายของเขาบ้าง
แต่แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นสิ่งที่ดี ตราบใดที่เขาสามารถฝึกฝนทักษะการเปลี่ยนแปลงทั้งสิบสองไปจนถึงชั้นที่สิบสองได้ เขาก็อาจสามารถต่อสู้กับผู้ฝึกตนขอบเขตนิพพาน ได้โดยอาศัยความแข็งแกร่งของร่างกาย
“เที่ยงคืนแล้วเหรอนี้”
เซี่ยเฉินยืดเอวของเขา และมีเสียงดังออกมาจากร่างกายของเขา
เขากำลังเตรียมที่จะฝึกฝนต่อไปอย่างมีความสุข แต่ในเวลานี้เอง
“เฮ้ มีคนแอบเข้ามาอีกแล้วเหรอ?”
วินาทีต่อมา สีหน้าของเซี่ยเฉินก็เปลี่ยนไป และเขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวในทันที
มีผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งกำลังแอบเข้ามาข้างในดินแดนบรรพบุรุษ
จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ที่แข็งแกร่งของเขาทำให้เขารับรู้ได้ทันทีว่า มีผู้บุกรุกเข้ามาในดินแดนบรรพบุรุษ
ทันทีที่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขา แผ่ออกมาเขาก็ตรวจสอบร่างเงาสีดำที่แอบเข้ามาข้างในดินแดนบรรพบุรุษทันที
ตอนดึก
พระจันทร์มืดมิดและสายลมแรง
ฟิ้ว....!
ร่างเงาสีดำ แอบเข้ามาอย่างเงียบๆ และมาถึงบริเวรพื้นที่ต้องห้ามภูเขาด้านหลัง
เป็นชายในชุดคลุมสีดำซึ่งมองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาและปรากฏตัวขึ้นมาอย่างเงียบๆ
“ท่านผู้นำนิกาย บอกว่ามันควรจะอยู่ที่นี่”
ชายในชุดคลุมสีดำพึมพำกับตัวเอง มองไปยังส่วนลึกของภูเขาด้านหลังด้วยดวงตาของเขา
ชายในชุดคลุมสีดำก็คือผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายปีศาจ เขาได้แอบเข้ามายังดินแดนบรรพบุรุษของราชวงศ์เซี่ย ในตอนกลางคืนเพื่อตรวจสอบว่ามีผนึกของราชาปีศาจอยู่จริงหรือไม่
“ผู้นำนิกายเตือนว่ามีปรมาจารย์ของราชวงศ์เซี่ยซ่อนตัวอยู่ที่นี้ ทำไมไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเกิดขึ้นเลย หรือว่าเขาจะแอบซุ่มโจมตีหรือไม่”
ผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายปีศาจ ก็ระมัดระวังตัวมากขึ้นและไม่กล้าที่จะประมาท
ผู้อาวุโสห้าเคยเข้ามาที่นี่มาก่อน ดังนั้นข้าจะต้องระมัดระวัง
เขาปล่อยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาออกไปอย่างเงียบๆ และในไม่ช้าก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณที่แข็งแกร่งที่ซ่อนตัวอยู่ในดินแดนบรรพบุรุษ
และคนที่ผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายปีศาจสัมผัสได้ก็คือผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ดินแดนบรรพบุรุษนั้นเอง
“พลังปราณกำลังเสื่อมสลาย เป็นเพียงแค่ชายแก่ที่กำลังจะตาย ไม่มีอะไรต้องกลัว”
หลังจากตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายปีศาจ ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เขายิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ "ผู้อาวุโสห้าแย่จริงๆ เขาตายในสถานที่เช่นนี้จริงๆอย่างนั้นเหรอ"
"หืม... ดูเหมือนว่าจะมีผนึกอยู่ที่นั่น"
"เป็นไปได้ไหมว่าตำนานเมื่อพันปีก่อนเป็นเรื่องจริง จักรพรรดิทั้งห้าแห่งราชวงศ์เซี่ย ได้ผนึกราชาปีศาจเอาไว้ในที่แห่งนี้จริงๆ"
ผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายปีศาจ มองไปที่ผนึกเสาหินทั้งห้าที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต้องห้ามด้วยความตื่นเต้น
นี่คือผนึกที่ผนึกราชาปีศาจเอาไว้ใช่ไหม
เขายังคิดที่จะพุ่งเข้าไปทำลายผนึกและปลดปล่อยราชาปีศาจที่อยู่ภายในนั้นออกมา
แต่สุดท้ายหลังจากที่เขาครุ่นคิดดีๆแล้ว เขาก็ไม่ได้ผลีผลามลงมือในตอนนี้
ผู้นำนิกาย สั่งมาว่าให้เขาเข้ามาตรวจสอบและกลับไปรายงานทันที
“ผนึกนั้นมีอยู่จริง และมีพลังปีศาจมากมายอยู่ภายใน มันต้องเป็นราชาปีศาจเมื่อพันปีก่อนแน่ๆ”
ดวงตาของผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายปีศาจ กะพริบ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจพลังงานปีศาจอีกต่อไป
“ลืมมันไปซะ กลับไปรายงานท่านผู้นำนิกาย ก่อนดีกว่าแล้วค่อยตัดสินใจ”
หลังจากชั่งน้ำหนักแล้ว ในที่สุดเขาก็หันหลังกลับและจากไปอย่างเงียบๆ
เหตุการณ์นี้ตกอยู่ในสายตาของ เซี่ยเฉิน ตลอดเวลาและเขาก็ไม่ได้หยุดผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายปีศาจ ไม่ให้ออกไป
“หลังจากที่สังหารปรมาจารย์โดยกำเนิด พวกเขาก็สงปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่มา?”
"วุ่นวายอะไรเช่นนี้!"
ภายในห้องลับ เซี่ยเฉิน พึมพำกับตัวเอง