บทที่ 13 : ปฏิเสธที่จะออกไปข้างนอก
"ข้าไม่อยากไป!"
เซี่ยเฉิน ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ผู้อาวุโสทั่วไปที่ยิ้มแย้มในตอนแรกก็ตกตะลึงทันที
เขาจ้องมองไปที่ เซี่ยเฉิน อย่างว่างเปล่า ด้วยใบหน้าที่สับสน เขาไม่คาดคิดจริงๆว่าเซี่ยเฉินจะปฏิเสธ
“เจ้า เจ้าพูดอะไรนะ”
เขาถามด้วยความไม่เชื่อ
เซี่ยเฉิน ก็ตอบเบาๆ "ข้าไม่ไป พรุ่งนี้ข้าจะต้องผ่าฟืน"
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็หันหลังกลับและเดินจากไป ทิ้งให้ผู้อาวุโสทั่วไปยืนอยู่ตามลำพัง
“ไอ้สารเลว เจ้าเป็นเพียงแค่ข้ารับใช้ตัวเล็กๆ ที่เจ้าได้รับอนุญาตให้ออกไปทำธุระในครั้งนี้เพราะข้าไว้ใจเจ้า”
ผู้อาวุโสทั่วไปตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“ถ้าพรุ้งนี้เจ้าไม่ไป เจ้าจะต้องผ่าฟืนห้าร้อยฟ่อน”
"ตกลง!"
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ได้ยิน เซี่ยเฉิน ตอบกลับมาในทันที
สิ่งนี้ทำให้ผู้อาวุโสทั่วไป เกือบสำลักตาย ตับของเขาเจ็บปวดเพราะความโกรธ และใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียว
ข้าไม่เคยเห็นข้ารับใช้ ที่เย่อหยิ่งเช่นนี้มาก่อน ข้าเป็นถึงผู้อาวุโสทั่วไปและข้าก็มอบงานที่ดีๆให้เจ้าเพียงเพราะว่าข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะปฏิเสธ
ผู้อาวุโสทั่วไปโกรธมาก
ฟิ้ว...!
ขณะที่เขากำลังจะโกรธ จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งบินลงมาจากท้องฟ้า
“ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์!”
ผู้อาวุโสทั่วไปทำความเคารพทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร
คนที่มาคือผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ เขาจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสทั่วไปที่กำลังตกใจจนเหงื่อเย็นไหลลงมาบนหน้าผากของเขา
“เมื่อกี้เจ้าพูดอะไรกับเขา” ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ถามออกมาเบาๆ
ผู้อาวุโสทั่วไปรู้สึกกลัวมาก เหงื่อไหลออกมาเต็มใบหน้า เขาลังเลอยู่นานไม่กล้าพูดออกมา
ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์มองไปที่ด้านหลังของ เซี่ยเฉินและถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
“ในอนาคต เจ้าอย่าไปรบกวนเขาอีก”
"เจ้าเข้าใจไหม?"
หลังจากที่ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์พูดจบ เขาก็จ้องไปที่ผู้อาวุโสทั่วไป และแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเด็จขาด
“ครับ ครับ ข้าเข้าใจแล้ว...” ผู้อาวุโสทั่วไปรู้สึกกลัวจนแทบหัวใจวายตาย
นี่เป็นการเตือนเขาว่าอย่าเขาไปวุ่นวายกับ เซี่ยเฉิน อีก
เพราะนั่นคือองค์ชาย แม้ว่าเขาถูกส่งมาที่นี่ แต่ตัวตนของเขาก็ยังคือองค์ชายอยู่ดี เจ้าเป็นเพียงแค่ข้ารับใช้ตัวน้อย เจ้ากล้าดียังไงไปตะคอกใส่องค์ชาย?
“จำไว้ถ้ามีครั้งหน้า ข้าจะไม่มีวันไว้ชีวิตของเจ้าอีกเป็นครั้งที่สอง”
ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์เตือน ซึ่งทำให้ผู้อาวุโสทั่วไปตกใจจนตัวสั่นคุกเข่าลงตรงนั้น
เขากำลังจะร้องไห้ด้วยความตกใจ เพียงเพราะเขาเห็นว่า เซี่ยเฉิน นั้นขยันซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และทำสิ่งต่างๆ อย่างเรียบร้อย เขาจึงต้องการมอบหน้าที่ออกไปทำธุระข้างนอกเพื่อซื้อวัสดุสมุนไพร่
แต่เข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะได้รับคำเตือนจากผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ ตัวตนของ เซี่ยเฉิน คือใครกันแน่ถึงกับทำให้ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ออกมาตักเตือนเขาอย่างจริงจัง
ผู้อาวุโสทั่วไปตอนนี้กำลังนั่งคุกเข่า ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ที่ยืนอยู่ตรงจุดนั้นและเขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ในเมื่อเจ้าไม่อยากกลับไป และก็ต้องการเป็นแค่คนธรรมดาและอาศัยอยู่ที่นี่”
เขาพึมพำกับตัวเองและจากไป
มีเพียงผู้อาวุโสทั่วไปเท่านั้นที่ยังนั่งคุกเข่าและเหงื่อออกจนตัวเย็นจนเกือบเป็นลมเพราะความตกใจกลัว
"เขา เขาเป็นใคร"
ผู้อาวุโสทั่วไปมองไปที่ เซี่ยเฉิน ที่เดินหายไปแล้ว และรู้สึกกลัวอยู่พักหนึ่ง และตัดสินใจว่าจะไม่รบกวน เซี่ยเฉิน อีกในอนาคต
เมื่อคิดถึงตัวตนของเซี่ยเฉิน เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
เซี่ยเฉิน ได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์พูดออกมาอย่างชัดเจน ในดินแดนบรรพบุรุษแห่งนี้ มีเพียงแค่ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์เท่านั้นที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา
อย่างไรก็ตามในฐานะองค์ชาย เขาไม่สามารถถูกข้ารับใช้ตะโกนใส่ได้ ไม่เช่นนั้นแล้วใบหน้าของราชวงศ์จะเป็นอย่างไร?
เพื่อไม่ให้คนอื่นมารบกวนการทำความสะอาดของเขา ซึ่งก็ไม่เกินความหมายของเซี่ยเฉิน
เขาได้ปฏิเสธผู้อาวุโสทั่วไปอย่างแน่วแน่ เขาได้ตัดสินใจแล้ว หากไม่มีความแข็งแกร่งที่อยู่ยงคงกระพัน เขาจะไม่มีวันออกไปจากดินแดนบรรพบุรุษแห่งนี้
“ข้างนอกมันอันตรายเกินไป หากไม่มีความแข็งแกร่งที่อยู่ยงคงกระพันข้าก็จะไม่ออกไปจากที่นี่”
กลับมาที่ห้องลับใต้ดินของที่พักเซี่ยเฉิน เขานั่งไขว่ห้างและพึมพำอย่างเงียบๆ
ตอนนี้ข้าจะต้องบ่มเพาะพลังอย่างเงียบๆ
ในไม่ช้า เซี่ยเฉิน ก็หยิบผลไม้จูกัวสีแดงร้อยปีที่เขาเพิ่งจะได้รับมาจาก การลงชื่อเช็คอิน และเริ่มฝึกฝนอีกครั้ง
หลังจากที่กินผลไม้จูกัวสีแดงร้อยปี ทีละผลเข้าไป พลังยาที่แข็งแกร่งและพลังจิตวิญญาณจำนวนมหาศาลถูกสะสมอยู่ภายในร่างกาย
ด้วยความช่วยเหลือของผลไม้จูกัวสีแดงร้อยปี พลังจิตวิญญาณของเขาก็เพิ่มขึ้น ความแข็งแกร่งก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ พื้นฐานการบ่มเพาะของเซี่ยเฉินก็กำลังได้รับการปรับปรุง
หลังจากที่กินผลไม้จูกัวสีแดงร้อยปี ครบทั้งสิบผลแล้ว เขาก็ยังคงไม่สามารถทะลวงผ่านขอบเขตและก้าวเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้
“ทำไม่ยังไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้อีก?”
เซี่ยเฉิน ขมวดคิ้วเล็กน้อย ผลไม้จูกัวสีแดงร้อยปีทั้งสิบผล เขาคิดว่าเขาจะสามารถทะลวงผ่านขอบเขตได้สำเร็จและกลายเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่า
หลังจากที่กินผลไม้จูกัวสีแดงร้อยปีทั้งสิบผลแล้ว เขาก็รู้สึกว่าพลังของผลไม้จูกัวสีแดงร้อยปีที่เขาดูดซับได้นั้นมีประสิทธิภาพน้อยลงเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าประสิทธิภาพของผลไม้จูกัวสีแดงร้อยปีจะลดลงถ้าหากว่ากินมากเกินไป
"ดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลาสักระยะในการทะลวงขอบเขตให้สำเร็จ"
เขาพึมพำกับตัวเองและส่ายหัว
“ไม่ต้องห่วงข้ายังมีเวลาอีกมาก เพียงแค่จะต้องสะสมมันทีละน้อย ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะไม่สามารถทะลวงขอบเขตได้”
หลังจากจัดการกับอารมณ์ของเขาแล้ว เซี่ยเฉิน ก็ยังคงฝึกฝนต่อไป ครั้งนี้ เขาฝึกฝนทักษะลับขัดเกลาจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิดำ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนพลังปราณ หรือ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ก็จำเป็นต้องฝึกฝนทุกวันเพื่อความก้าวหน้า
ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร จะต้องมีความอดทน แม้ว่าเข้าจะฝึกฝนทักษะมังกรคชสารปราบปีศาจขั้นที่สิบแล้ว เขาก็ยังคงฝึกฝนตามปกติอยู่ทุกวัน
เซี่ยเฉิน เข้าใจชัดเจนมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นการฝึกฝนของเขาจึงยากเป็นพิเศษ นอกจากงานที่เขาทำในตอนกลางวันแล้ว เวลาที่เหลือเขาก็บ่มเพาะพลังของเขา
และค่ำคืนก็ผ่านไปในพริบตา
เช้าวันรุ่งขึ้นเซี่ยเฉิน ก็ลืมตาตื่นขึ้นจากการฝึกฝนและหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหอบ
"ทักษะลับขัดเกลาจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิดำนั้นทรงพลังมาก ทุกครั้งที่ข้าฝึกฝน จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ"
เซี่ยเฉิน พึงพอใจมากกับทักษะลับขัดเกลาจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิดำ และเขาสามารถปรับปรุงจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาทุกครั้งที่ฝึกฝน ราวกับว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด
หากยังเป็นเช่นนี้ การฝึกทักษะลับขัดเกลาจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิดำเป็นเวลานาน และจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นก็จะทรงพลังมากจนสามารถฆ่าผู้ฝึกตนขอบเขตปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ด้วยความคิดเพียงครั้งเดียว
และเขายังรู้สึกว่าตราบเท่าที่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาแข็งแกร่งมากพอ มันก็ไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปที่จะสามารถควบคุมดาบและสังหารศัตรูที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้
“บางที ในอนาคต ข้าอาจจะมีโอกาสได้ขี่ดาบบินใช่ไหม?”
เซี่ยเฉิน กำลังครุ่นคิดและมีความคาดหวังอย่างมากสำหรับการฝึกฝนจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์
"อย่างไรก็ตามข้าจะต้องค้นหาวิธีที่จะทะลวงผ่านขอบเขตและก้าวเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ให้ได้"
เขาลุกขึ้นและเดินออกจากห้องลับไป เขากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับแผนการฝึกฝนครั้งต่อไป
เซี่ยเฉิน ถือขวานเดินไปที่ป่า
วันนี้เขาวางแผนที่จะเข้าไปตัดไม้ข้างในป่า
"เด็กคนนี้ตื่นเช้าทุกวัน"
“บุคลิกมั่นคง นี้คือคนที่จะต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคต”
ในระยะไกล ผู้อาวุโสผู้พิทักษ์ยืนเฝ้าดู เซี่ยเฉิน ที่กำลังถือขวานเดินเข้าไปข้างในป่าเพื่อตัดไม้ ด้วยสีหน้าโล่งใจและชื่นชม
เขาถอนหายใจและพูดว่า "จักรพรรดิกำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงยังไม่ส่งคนมารับเขากลับไปที่พระราชวัง?"
“ลืมมันไปเถอะ อย่างไรข้าก็ไม่สามารถทำอะไรได้เกี่ยวกับเรื่องนี้”
ชายชราผู้พิทักษ์หันหลังกลับและจากไปด้วยรอยยิ้มที่บูดบึ้งบนใบหน้าของเขา และไปที่ภูเขาด้านหลังเพื่อตรวจสอบตราผนึกของพื้นที่ต้องห้าม
สำหรับ เซี่ยเฉิน เขาค้นพบผู้อาวุโสผู้พิทักษ์มานานแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก
สำหรับเขาแล้ว ชีวิตที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ก็สบายดีอยู่แล้ว ตื่นตอนเช้าทำงานพอตกเย็นก็ฝึกฝนบ่มเพาะพลัง
ลงชื่อเช็คอินทุกวันและสะสมความแข็งแกร่งของตัวเองทีละเล็กละน้อย นั่นคือความสุขที่แท้จริง
สำหรับการออกจากดินแดนบรรพบุรุษ ถ้าเขาออกไปในตอนนี้เขาต้องถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน
ในขณะที่ เซี่ยเฉิน กำลังผ่าฟืนอยู่นั้น
......
ในเวลานี้ บนหน้าผาที่อยู่ห่างจากดินแดนบรรพบุรุษหนึ่งร้อยลี้ มีถ่ำที่มีแสงสลัวๆสว่างอยู่ข้างใน
ถ่ำแห่งนี้เป็นสาขาของนิกายปีศาจ
ในเวลานี้ชายชราในชุดคลุมสีดำกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงกลางถ่ำ
"ผู้นำนิกายขอให้ชายชราเดินทางมาที่ดินแดนบรรพบุรุษของราชวงศ์เซี่ย เพื่อตรวจสอบว่ามีผนึกของราชาปีศาจไหม?"
ชายชราพูดกับตัวเอง ดวงตาของเขาแสดงท่าทางบูดบึ้ง
เขาเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายปีศาจ และความแข็งแกร่งของเขาก็อยู่ในขอบเขตปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่
“เดี๋ยวคืนนี้ข้าจะเข้าไปสำรวจ”
หลังจากพูดจบ ร่างของผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายปีศาจ ก็สั่นไหวและหายไปจากห้องโถงราวกับหมอกควัน